ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 90 : ตามหากลุ่มคนหลิงหนาน
บทที่ 90 : ตามหากลุ่มคนหลิงหนาน
ซูอานและซันกูออกจากบ้านทันที และมุ่งหน้าไปยังหลินโจวอย่างรวดเร็ว..
เวลานี้หลานสาวทั้งสองคนของซันกูตกอยู่ในกำมือของพวกมัน ทั้งซูอานและซันกูไม่อาจล่าช้ากว่านี้ได้ เพราะหากช้าไปหลานสาวทั้งสองคนของซันกูก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้ ระหว่างทางที่ขับรถไปนั้น โทรศัพท์มือถือของซันกูก็ดังขึ้น และเป็นสายจากกลุ่มคนหลินหนานนั่นเอง..
“อาจารย์ซัน.. เตรียมเงินไว้ให้พวกเราหรือยัง?”
เสียงจากปลายสายที่ดังขึ้นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการพูดผ่านเครื่องแปลงเสียงอีกที..
“เงินตั้งสองร้อยล้าน ต้องให้เวลาฉันรวบรวมเงินบ้างสิ ตอนนี้ฉันรวบรวมได้ห้าสิบล้านแล้ว..”
“ห๊ะ?! ห้าสิบล้าน..”
ชายที่โทรมาถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “อย่ามาทำเป็นถ่วงเวลา.. ถ้าแกตุกติกฉันฆ่าหลานสาวของแกแน่!”
จากนั้นเสียงร้องของเด็กสาวสองคนก็ดังขึ้นที่ปลายสายพร้อมกัน ซันกูจึงรีบร้องตะโกนกลับไปทันที
“พวกแกอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด!”
“ปู่คะ.. ช่วยด้วย ช่วยพวกเราด้วย!”
เสียงร้องไห้และเสียงอ้อนวอนของเด็กสาวทั้งสองคนที่ดังขึ้น เสมือนมีดที่กรีดลึกเข้าไปในจิตใจของซันกู และเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็แดงก่ำไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวใจอย่างที่สุด
“ถ้าแกกล้าแตะต้องหลานสาวของฉันแม้แต่ปลายเล็บแล้วล่ะก็ ฉันจะฆ่าแก!!”
“หึ! ซันกู แกมีเวลาห้าชั่วโมงเท่านั้น ถ้าถึงเวลาแล้วแกยังไม่นำเงินสองร้อยล้านมาให้ล่ะก็ อย่าว่าแต่ปลายเล็บเลย ฉันจะให้ชายฉกรรจ์ทั้งหมดที่นี่จัดการกับหลานสาวของแกแทน!”
หน้าผากของซูอานมีเส้นเลือดสีเขียวปูดขึ้นเต็มไปหมด มือทั้งสองข้างกำพวกมาลัยรถไว้แน่น และเวลานี้ความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้นจนถึงขีดสุด
“ส่งโทรศัพท์มาให้ข้า!”
ซันกูยื่นโทรศัพท์มือถือในมือให้ซูอาน และรีบเหยียบคันเร่งหนักขึ้น เพราะต้องการไปให้ถึงหลินโจวโดยเร็วที่สุด
ซูอานถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ พร้อมกับพูดขึ้นเพียงแค่สั้นๆ แต่น้ำเสียงนั้นดุดันและเย็นยะเยือกกว่าทุกครั้ง
“ปล่อยคน!”
น้ำเสียงของซูอานแม้จะเบาและห้วน แต่ก็ตรงไปตรงมา..
ปลายสายถึงกับชะงักไปชั่วครู่ แล้วจึงร้องตะโกนถามขึ้นด้วยความสงสัย “แกไม่ใช่ซันกูนี่?”
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น!”
ซูอานไม่ตอบคำถาม แต่กลับยื่นคำขาดให้พวกมันปล่อยตัวหลานสาวทั้งสองคนของซันกูภายในเวลาสองชั่วโมง
“นี่แกกล้าข่มขู่ฉันเชียวเรอะ? บอกซันกูด้วยว่าถ้ามันกล้าเรียกคนมาช่วย ฉันจะให้ชายฉกรรจ์ทั้งหมดจัดการกับหลานสาวของมันเดี๋ยวนี้!”
“ข้าจะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สาม.. หากเจ้าต้องการมีชีวิตรอด จงรีบปล่อยคนเดี๋ยวนี้!”
“ฮ่าๆๆ แกน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว! ฉันเป็นฝ่ายลักพาตัวเด็กสาวสองคนนั่นมา แต่แกกลับเป็นฝ่ายข่มขู่ฉันอย่างนั้นเหรอ? แกคงคิดว่าฉันจะไม่กล้าทำอย่างที่พูดสินะ!”
“หากเจ้าไม่ปล่อยคน.. ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจนต้องร้องขอความตายเชียวล่ะ!”
หลังจากพูดจบ ซูอานก็กดตัดสายทิ้ง และฟาดโทรศัพท์เข้ากับกระจกรถจนโทรศัพท์มือถือแตกออกเป็นชิ้นๆ ต่อให้อีกฝ่ายต้องการโทรกลับมาก ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกแล้ว
แม้ซันกูจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดซูอานจึงต้องทำเช่นนั้น แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าซูอานจะไม่มีทางทำร้ายเขาอย่างแน่นอน!
“เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ในเมื่อพวกมันต้องการเงิน ย่อมจะไม่ทำร้ายหลานสาวของเจ้าอย่างแน่นอน อีกอย่าง.. พวกมันก็เป็นผู้ฝึกยุทธเช่นกัน หาใช่คนธรรมดาที่สิ้นไร้ไม้ตรอก”
ซันกูพยักหน้า และยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป..
“เจ้าจัดการโอนเงินห้าสิบล้านให้พวกมันไปก่อน อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันไม่ให้พวกมันผลีผลามทำอะไรก่อนที่พวกเราจะไปถึง!”
ซันกูทำตามคำสั่งของซูอานทันที และรีบใช้โทรศัพท์มือถือของซูอานโอนเงินจำนวนห้าสิบล้านไปที่บัญชีของอีกฝ่ายก่อน..
ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงหลินโจวตอนตีสองพอดี และเวลานี้ก็เหลือเพียงแค่สี่ชั่วโมง ที่กลุ่มคนหลิงหนาให้เวลากับซันกู..
“พวกมันแจ้งตำแหน่งที่แน่นอนกับเจ้าหรือไม่?” ซูอานเอ่ยถามขึ้นมา
ซันกูหน้าเปลี่ยนสีทันที และรีบตอบกลับไปว่า “ไม่เลย..”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปที่สำนักทั้งสามแห่งของเจ้าก่อน..”
เมื่อทั้งคู่ไปถึงสำนักสอนวรยุทธแห่งแรกของซันกู ที่นั่นก็ไม่มีใครอยู่แล้ว เหลือเพียงแค่ลูกชายคนที่สองของเขายืนอยู่เพียงลำพัง
ทันทีที่เห็นซันกู ลูกชายคนที่สองของเขาก็ร้องบอกผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด “พ่อครับ.. ช่วยหลานสาวทั้งสองด้วย!”
“ไม่เป็นไรนะ.. พ่อจะช่วยหลานสาวทั้งสองกลับมาให้ได้!”
ซูอานหันไปมองรอบๆพร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดคล้ายกำลังดมกลิ่นอะไรสักอย่าง และเขาก็กำลังพยายามจะสูดดมเพื่อหากลิ่นของกลุ่มคนหลิงหนาน..
“คนพวกนั้นแต่งตัวเหมือนชาวเผ่าที่อยู่บนภูเขาใช่หรือไม่? กลิ่นเหงื่อของพวกมันยังอบอวลอยู่ในบริเวณนี้!”
“แกเป็นใครกัน?”
ลูกชายคนที่สองของซันกูเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความงุนงง และจ้องมองซูอานด้วยสีหน้าแววตาที่ไม่พอใจ พร้อมกับถามขึ้นอย่างไร้มารยาท ซันกูเห็นเช่นนั้นจึงรีบตบหน้าลูกชายทันที พร้อมกับตะโกนดุเสียงดัง
“แกกล้าเสียมารยาทกับคุณชายซูได้ยังไง?”
ซันฉวนถึงกับตกใจจนแทบช็อค เขาคิดไม่ถึงว่าคุณชายซูที่พ่อเขาเคยเล่าให้ฟังจะเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม เมื่อหายตกใจจึงรีบเอ่ยขอโทษซูอานทันที
“หากเจ้าไม่อยากเห็นลูกสาวถูกพวกมันฆ่า ก็รีบตอบคำถามข้ามา!”
ซันฉวนรีบพยักหน้าด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับระล่ำระลักตอบกลับไป “อาวุโสซู ที่ท่านพูดมาทั้งหมดล้วนถูกต้องครับ!”
“ถ้าเช่นนั้นข้ามีหนทางที่จะหาพวกเขาแล้ว รีบไปกันเร็วเข้า!”
หลังจากซูอานพูดจบ ทั้งสามคนก็ขึ้นรถ แล้วขับออกไปสำรวจรอบเมืองหลินโจวทันที..
“เจ้าขับให้ช้ากว่านี้!”
ซูอาสั่งให้ซันกูชะลอความเร็ว ในขณะที่สายตาก็กวาดมองออกไปด้านนอก ส่วนจมูกก็สูดดมกลิ่นเพื่อหากลิ่นเดียวกับที่เขาพบในสำนักฝึกยุทธแห่งแรก และหากเขาสามารถพบกลิ่นเดียวกันนี้อีกในที่ใด พวกมันย่อมไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน!
เวลานี้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของซูอานนั้นเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจมูกของเขานั้น นับว่าเหนือกว่าสุนัขเสียอีก ซูอานไม่เพียงได้กลิ่น แต่เขายังสามารถมองเห็นกลิ่นเป็นรัศมีที่แตกต่างกันไป และนี่เป็นวิชาพื้นๆทั่วไปที่จักรพรรดิแห่งเซียนอย่างเขาสามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย
แม้ซันฉวนจะรู้สึกสงสัยและคลางแคลงใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามออกมา..
เวลานี้รถที่ทั้งสามคนนั่งอยู่ค่อยๆ ขับสำรวจจากรอบนอกเข้ามาในใจกลางเมือง พวกเขาไม่ปล่อยให้ถนนแม้แต่เส้นเดียวหลุดรอดจากการสำรวจ และต้องขับผ่านบ้านเรือนทุกหลังตามเส้นทางที่วิ่งไป
ถึงแม้ว่าซูอานจะสั่งให้ขับช้าลง แต่ความจริงแล้วรถยังคงวิ่งไปด้วยความเร็วที่เร็วมาก จนกระทั่งขับมาถึงถนนวงแหวนที่ห้าซึ่งมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมือง มีอาคารสูงเสียดฟ้าหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ และเป็นอาคารที่สูงกว่าหนึ่งร้อยชั้นเลยทีเดียว..
แต่อาคารสูงก็หาได้เป็นอุปสรรคกับซูอานไม่ เพราะตราบใดที่คนพวกนั้นอยู่ เขาย่อมต้องพบกลิ่นของพวกมัน
ทั้งสามคนขับผ่านถนนวงแหวนที่ห้าไปครู่ใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ ในที่สุดซันฉวนก็อดรนทนไม่ได้ จึงได้แต่ร้องถามออกไปด้วยความร้อนใจ
“อาวุโสซู คนพวกนั้นไม่น่าจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองนะครับ พวกมันน่าจะหาที่ซ่อนตัวตามชานเมืองมากกว่า!”
ซูอานตอบกลับมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ที่ที่อันตรายที่สุด ย่อมต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่รึ? พวกมันต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองแน่ หากข้าได้กลิ่นของพวกมันก็จะรู้ตำแหน่งได้ทันที!”
ซันกูดุลูกชายของตนเองทันที “ซันฉวน.. ห้ามรบกวนคุณชายซู!”
หลังจากขับผ่านถนนวงแหวนที่สี่ไปหนึ่งรอบ ก็ยังไม่พบที่อยู่ของพวกมัน ทั้งสามคนใช้เวลาในการขับรถวนหาที่อยู่ของคนหลิงหนานนานกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และนี่ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งก็จะครบห้าชั่วโมงแล้ว..
จนกระทั่งเข้าสู่ถนนวงแหวนที่สาม และถนนเส้นนี้ซูอานใช้เวลาสำรวจเพียงแค่สิบนาที แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
ซันกูเริ่มกระสับกระส่าย และกระวนกระวายใจอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามซูอาน และเขาก็เชื่อมั่นในตัวซูอานเป็นอย่างมากด้วย..
“คนพวกนั้นมีลักษณะเช่นใด?”
ซันฉวนรีบอธิบายรูปลักษณ์ของคนหลิงหนานให้ซูอานฟังทันที “พวกมันหน้าตาดุร้าย ลำตัวหน้า และแขนค่อนข้างใหญ่ แล้วก็ป่าเถื่อนมากด้วย..”
“พวกมันใช่คนกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มแรกที่พ่อของเจ้าเคยไล่พวกมันไปหรือไม่?”
“ไม่ใช่ครับอาวุโสซู ในกลุ่มนี้มีคนผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าผมคาดเดาไม่ผิด น่าจะอยู่ในระดับกลางขั้นปรมาจารย์แล้ว!”
ซันฉวนอยากจะบอกว่าคนผู้นี้เก่งกว่าหลิวเตามากนัก แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป..
“หึ.. ระดับกลางขั้นปรมาจารย์งั้นรึ?! ข้าก็อยากรู้ว่ามันจะสามารถรับมือข้าได้หรือไม่?”
หากเป็นคนอื่นพูดประโยคนี้ ซันฉวนคงจะต้องหันกลับไปมองหน้าทันทีเป็นแน่ แต่ซูอานคือคนที่พ่อของเขาให้ความนับถืออย่างที่สุด เขาจึงได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าแสดงท่าทีใดๆออกไป..
ซันกูเชื่อว่าเวลานี้ซูอานน่าจะต้องเข้าใกล้ขั้นโฮ่วเทียนอย่างมากแล้ว ความแข็งแกร่งของซูอานเวลานี้ แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจคาดเดาได้..
แต่แล้วจู่ๆ ซูอานก็พูดขึ้นว่า “ขับเข้าไปในอาคารเตี้ยนซื่อ”
และทันทีที่รถแล่นเข้าไปจอดใต้อาคารเตี้ยนซื่อ คิ้วของซูอานก็ขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พวกมันอยู่ที่นี่!”
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******