บทที่ 107 ช่วงเวลาของสองเรา ?
บทที่ 107 ช่วงเวลาของสองเรา ?
หอพักของจี้เฟิงอยู่บนชั้นสามซึ่งเป็นทำเลที่ดีมาก และเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการรายงานตัวนักศึกษาใหม่จึงยังไม่ค่อยมีคนอยู่ที่หอพัก และห้องพักสำหรับสี่คนของจี้เฟิงนั้นดูว่างเปล่าเพราะยังไม่มีใครมา ห้องพักห้องนี้ดูสะอาดสะอ้านและกว้างขวางพอสมควร
จี้เฟิงเลือกหนึ่งเตียงจากทั้งหมดสี่เตียงและหันไปพูดกับถงเล่ยว่า “เล่ยเล่ย เรามาเริ่มปูเตียงและจัดของกันเลยเถอะ!”
“ได้สิ!” หลังจากตอบจี้เฟิง ถงเล่ยหันไปหยิบชุดเครื่องนอนทั้งหมดในกระเป๋าเดินทางของจี้เฟิงและก้มลงปูที่นอนและจัดเตียงให้เป็นระเบียบ
เสื้อผ้าที่ถงเล่ยสวมใส่วันนี้ ท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีชมพูแขนสั้นและช่วงล่างของเธอสวมกางเกงขาสั้นรัดรูป ซึ่งเผยให้เห็นบั้นท้ายอันอวบอิ่มกลมกลึงของเธอ และยังเผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียนซึ่งทำให้จี้เฟิงรู้สึกหัวใจสั่นไหวทันทีเมื่อได้เห็น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถงเล่ยที่กำลังก้มลงไปจัดเตียง จึงทำให้สะโพกของเธอแกว่งไปมาจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยพลังเย้ายวนที่น่าอัศจรรย์ และจี้เฟิงที่ยืนมองอยู่ทางด้านหลังก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและกอดถงเล่ยจากทางด้านหลัง เขาใช้มือใหญ่สัมผัสเรือนร่างที่เนียนนุ่มของถงเล่ย
“อ๊ะ!” ถงเล่ยที่กำลังจัดเตียงอยู่ อุทานด้วยความตกใจ และร่างกายของเธอก็แข็งทื่อทันทีราวกับว่ามีพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถที่จะขยับตัวได้
ถงเล่ยรู้สึกเพียงแค่ว่าตอนนี้มือข้างหนึ่งของจี้เฟิงกำลังกอดท้องส่วนล่างของเธอไว้แน่นในขณะที่มืออีกข้างของเขาก็กำลังลูบไล้ไปมาที่ต้นขาของเธอ มือของจี้เฟิงนั้นเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าเบาๆทุกครั้งที่เขาลูบไล้ขาของเธอ ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“อาาส์...~” เธอเผลอครางออกมาเบาๆ
ทันทีที่เธอเผลอหลุดปากครางออกไป เธอรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที ใบหน้าของเธอในเวลานี้เป็นสีแดงก่ำ แม้เธอจะมีความปรารถนาอยู่บ้างแต่ในที่สุดความเขินอายก็เอาชนะความปรารถนาในใจของเธอ
“จี้เฟิง อย่า!” ถงเล่ยร้องห้ามเบาๆอย่างเขินอาย
จี้เฟิงไม่ได้พูดตอบอะไร แต่เขายังคงลูบไล้ต้นขาที่เรียวยาวและผิวอันอ่อนนุ่มของเธอ และมือของเขาก็ค่อยๆขยับขึ้น…
ในขณะเดียวกันปากของจี้เฟิงก็จูบเบาๆที่ติ่งหูของถงเล่ย ไอร้อนจากลมหายใจของเขาสัมผัสที่ติ่งหูของถงเล่ย…
“อ๊ะ!!”
ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะหนีบขาของเธอเขาหากันและเกร็งแน่น
เมื่อมองไปที่รูปร่างอันเย้ายวนและท่าทีที่เขินอายของถงเล่ย จี้เฟิงก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาอุ้มเธอขึ้นไปวางลงบนเตียงที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ
จากนั้นเขาก็กดถงเล่ยที่นอนหงายอยู่ภายใต้ร่างกายของเขา ถงเล่ยดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอหลับตาลงอย่างเขินอายแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านการกระทำของจี้เฟิงอีกต่อไป
ในขณะที่หลับตาขนตายาวของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ปากอวบอิ่มสีแดงอมชมพูของถงเล่ยอ้าออกเล็กน้อยและผ่อนลมหายใจเพื่อคลายความตื่นเต้น
จี้เฟิงประกบปากของเขากับปากเล็กๆของถงเล่ย เขาจูบไล่ลงมาที่คอจนมาถึงที่เนินอกของเธอ เขาจูบมันอย่างตะกละตะกลาม ลิ้นที่สากและอุ่นของเขาทำงานประสานกันอย่างดีพร้อมกันกับมือใหญ่ของเขาที่ยังคงขยับลูบไล้ไปมาบนร่างกายของถงเล่ย
ความรู้สึกถึงแรงปรารถนาอันร้อนแรงเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนและยากที่จะมีอะไรมาหยุดยั้งได้ในเวลานี้
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังจะปฏิบัติการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก้าวข้ามไปอีกขั้น ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ก๊อก! ก๊อก!!”
“อุ๊ย!!” ถงเล่ยอุทานด้วยความตกใจและรีบผลักจี้เฟิงออกไป “จี้เฟิง! เหมือนจะมีใครมาเคาะประตู!”
“จริงเหรอ?!”
จี้เฟิงหันไปมองที่ประตูอย่างหงุดหงิดและตะโกนถามด้วยความโกรธ “ใคร?!”
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ถูกขัดจังหวะในเวลานี้ ต่างก็ต้องอารมณ์เสียอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นดันถูกขัดจังหวะในตอนที่พวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและกำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่สำคัญ การที่จี้เฟิงสามารถหยุดการกระทำในช่วงเวลาวิกฤตได้นั้นก็เรียกได้ว่าเขายับยั้งชั่งใจอย่างที่สุดแล้ว
ถงเล่ยรีบลุกขึ้นและจัดเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อย แต่ใบหน้าของเธอยังคงแดงระเรื่ออยู่มาก ใจของเธอก็ยังคงเต้นรัวอย่างห้ามไม่ได้ เวลานี้แม้เธอรู้สึกเขินอาย แต่ไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะในความเป็นจริงเธอยอมรับจี้เฟิงอยู่ในใจแล้ว แต่เพราะความขี้อายของเธอ เธอจึงไม่สามารถปล่อยให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้ได้
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นก็มีเสียงใหญ่ๆของผู้ชายดังขึ้น “ใครอยู่ข้างใน เปิดประตูเร็วเข้า!”
จี้เฟิงเดินไปเปิดประตูด้วยใบหน้าดำมืด ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกเขาก็เห็นผู้ชายร่างใหญ่สวมเสื้อกั๊กสีดำยืนอยู่หน้าห้อง ทันใดนั้นจี้เฟิงก็นึกออกทันทีว่า ชายคนนี้คือชายผิวดำร่างใหญ่ที่เขาและจางเล่ยเห็นมาก่อนหน้านี้ที่ใกล้ๆกับประตูหอพัก
เขาพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นจี้เฟิงมาเปิดประตู “เฮ้! พี่ชายนายมัวทำอะไรอยู่ ทำไมมาเปิดประตูช้าจัง!” เสียงของผู้ชายคนนี้ดังมากแม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาๆก็ตาม
“ฉันไม่ได้ยิน” จี้เฟิงตอบเรียบๆ ความโกรธของเขาลดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่ดูสดใสและกระตือรือร้นของผู้ชายผิวดำตัวใหญ่คนนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความอัดอั้นในใจของเขาจะจางหายไปได้ง่ายๆ
ชายผิวดำคนนี้เชื่อในข้ออ้างของจี้เฟิงและไม่ได้สงสัยอะไร “อ้อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันขอแนะนำตัวหน่อยแล้วกัน ฉันชื่อตู้เส้าเฟิง ฉันมาจาก *เมืองมัตสึเอะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วพี่ชายล่ะชื่ออะไร?”
จี้เฟิงก้าวหลบไปข้างๆ เพื่อให้ตู้เส้าเฟิงเดินเข้าห้องมา เขาพูดตอบเบาๆ “ฉันชื่อจี้เฟิง มาจากเขตหมางซืออยู่ในส่วนที่ราบของภาคกลาง”
“โอ้ พี่จี้นี่เอง ฮ่าฮ่า~! เราจะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดีต่อกันในอนาคตอย่างแน่นอน!” เมื่อตู้เส้าเฟิงเดินเลยจี้เฟิงเข้าไปข้างในห้องของหอพัก เขาก็พบกับถงเล่ยที่กำลังจัดเตียงอยู่
ดวงตาของตู้เส้าเฟิงสว่างวาบขึ้นมาราวกับสายฟ้าฟาดทันทีที่เห็นถงเล่ย
“สาวสวยคนนี้... คงไม่ใช่น้องสาวที่มาช่วยพี่จี้จัดห้องใช่มั้ย?” ตู้เส้าเฟิงถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นถงเล่ยที่กำลังจัดเตียงอยู่ หนุ่มสาวอยู่กันสองต่อสองในห้อง เป็นเรื่องที่เดาไม่ยากเลย
ถงเล่ยพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “สวัสดี”
ชายผิวดำร่างใหญ่ตู้เส้าเฟิงมองไปที่จี้เฟิงด้วยความอิจฉาและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันขอพูดตรงๆเลยแล้วกันพี่จี้ พี่นี่โชคดีจริงๆ ที่มีสาวสวยขนาดนี้มาช่วยจัดห้องให้ ฉันคิดว่าสาวน้อยคนนี้อย่างน้อยก็ต้องได้เป็นดอกไม้ประจำมหาลัยของเราอย่างแน่นอน!”
จี้เฟิงอดขำไม่ได้ เขาและตู้เส้าเฟิงคนนี้เพิ่งจะแนะนำตัวทำความรู้จักกันยังไม่ถึงสิบนาที พวกเขาก็กลายเป็นพี่น้องกันไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามจี้เฟิงไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาเพียงแค่ยิ้มตอบเล็กน้อย
ตู้เส้าเฟิงมองไปที่จี้เฟิงแล้วก็มองไปที่ถงเล่ย สุดท้ายเขาจึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า “น่าอิจฉาจริงๆ พี่ชายนายคงมีความสุขมากเลยสินะ ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าต้องพยายามมากขนาดไหนถึงจะหาแฟนที่สวยได้ครึ่งหนึ่งแบบแฟนของพี่ชาย ไม่เช่นนั้นตู้เส้าเฟิงคนนี้คงจะใช้ชีวิตในมหาลัยนี้อย่างไร้ความชุ่มชื่นในหัวใจแน่ๆ!”
จี้เฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องพยายามอย่างหนักมากจริงๆซะแล้วล่ะ เพราะความงามอย่างเล่ยเล่ยของฉันนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ!”
“คนบ้า! นายพูดอะไรของนายเนี่ย!” ถงเล่ยดุจี้เฟิงเบาๆและยิ้มเขินเล็กน้อย
ตู้เส้าเฟิงยิ้มแหยๆและกล่าวว่า “พี่ชายนี่ไม่คิดจะถ่อมตัวเลยสินะ แต่มันก็เป็นเรื่องยากจริงๆที่จะหาหญิงสาวที่มีความงามได้เทียบเท่ากับแฟนของพี่ชายในสหพันธ์มหาลัยของเรา หรือแม้แต่ในเจียงโจวก็คงจะหาได้ยาก ดูเหมือนว่าฉันคงจะหาแฟนที่สวยเหมือนกันแฟนของพี่ชายได้ยาก!”
“โอเคๆ นายจัดการของของนายเถอะ” จี้เฟิงยิ้ม “ไว้เราค่อยคุยกัน พอดีฉันต้องออกไปข้างนอก!”
“เฮ้! พี่จี้จะกลับมาอีกทีเมื่อไหร่หรือ ฉันคิดว่าเพื่อนร่วมห้องของเราอีกสองคนน่าจะมาภายในวันนี้เช่นกัน ฉันว่าเราน่าจะออกไปฉลองที่ได้เจอกันเป็นครั้งแรกก็น่าจะดีไม่น้อย!” ตู้เส้าเฟิงพูดยิ้มๆ พลางหันไปทำความสะอาดเตียง
จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม “แต่ฉันต้องออกไปข้างนอกก่อน ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่เหมือนกัน เอาแบบนี้เราสองคนแลกเบอร์โทรศัพท์มือถือกันไว้ ถ้าอีกสองคนมาถึงเมื่อไหร่ก็ให้โทรหาฉันได้เลย!”
“ไม่มีปัญหา!” ทั้งสองแลกเบอร์โทรศัพท์กัน จากนั้นตู้เส้าเฟิงก็โยนกระเป๋าใบใหญ่ของเขาลงไปที่เตียงชั้นบน
จี้เฟิงแอบพยักหน้าอยู่ในใจในขณะที่เข้าเฝ้าดูการกระทำของตู้เส้าเฟิง เขาคิดภายในใจ ดูเหมือนว่าตู้เส้าเฟิงคนนี้จะมีพละกำลังไม่ใช่เล่นๆ ดูจากสิ่งของทั้งหมดที่เขานำมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อุปกรณ์ที่นอน รวมถึงเครื่องใช้อื่นๆทั้งหมด รวมกันอยู่ในกระเป๋าใบเดียว ซึ่งกะคร่าวๆด้วยสายตาแล้วน่าจะมีน้ำหนักอย่างน้อยหลายสิบกิโลกรัม แต่เขากลับยกมันด้วยมือข้างเดียวด้วยท่าทีสบายๆ แค่นี้มันก็มากพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก
หลังจากทั้งสองกล่าวลากันเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็พาถงเล่ยออกจากหอพัก
ดูเหมือนว่าเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ใบหน้าของถงเล่ยยังคงมีร่องรอยของความเขินอายที่ไม่สามารถปกปิดได้ ดังนั้นจี้เฟิงจึงรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธชายผิวดำร่างใหญ่ตู้เส้าเฟิงขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างกะทันหัน ป่านนี้เขาและถงเล่ยคงจะมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกันอย่างมีความสุขไปแล้ว
ราวกับว่าถงเล่ยอ่านความคิดของจี้เฟิงออก ถงเล่ยมองเขาด้วยแววตาซุกซนและหัวเราะคิกคักจากนั้นเธอก็วิ่งนำหน้าจี้เฟิงลงไปยังชั้นล่าง
หอพักของถงเล่ยอยู่ไม่ไกลจากหอพักของจี้เฟิงมากนัก มีอาคารหอพักทั้งหมด 6 หลังอยู่ตรงกลาง และมีสนามเด็กเล่นขนาดเล็กอยู่ระหว่างหอพักชายและหญิง ดูเหมือนจะแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงรู้สึกไม่พอใจมากนั่นก็คือห้องของถงเล่ยอยู่บนชั้น 5 ที่ไม่มีลิฟต์ และด้วยความสูงขนาดนี้แค่ขึ้นลงทุกวันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนถึงกับบ่นอย่างแน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิง?
อย่างไรก็ตามไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ในตอนนี้ จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ภายในใจว่า ถ้าเขาเริ่มมีความคุ้นเคยกับเจียงโจวมากกว่านี้อีกสักหน่อย เขาจะลองออกไปหาเช่าบ้านส่วนตัวที่อยู่ข้างนอกมหาลัยดีหรือไม่
“หึหึ!” เมื่อนึกขึ้นได้แบบนี้จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงต่ำอยู่ภายในลำคอ “เล่ยเล่ย ไว้เราออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกมหาลัยกันเถอะ ดูเหมือนว่าพักในหอของมหาลัยจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่!”
ถงเล่ยเข้าใจความหมายที่จี้เฟิงต้องการจะสื่อทันที นั่นจึงทำให้ใบหน้าของเธอกลับมาแดงระเรื่อด้วยความเขินอายอีกครั้ง เธอไม่ได้ตอบอะไร และเดินต่อไปทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูด
จี้เฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาได้แต่ส่ายหัวและยิ้มบางๆ ดูเหมือนว่าถงเล่ยยังคงเขินอายอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก เพราะในอนาคตไม่ช้าก็เร็วถงเล่ยต้องเห็นด้วยกับเขาอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขายังอาศัยอยู่ในหอพักของมหาลัย ก็ยังสามารถหาเพื่อนได้มากขึ้นและถือว่าได้เพิ่มประสบการณ์ชีวิตในสังคมของนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างสมบูรณ์
จี้เฟิงนึกถึงร่างที่เขาเห็นตอนก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ และเขาก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะใช่เซียวหยูซวนหรือไม่ แม้ในความเป็นจริงจี้เฟิงจะรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่เขาเห็นนั้น มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นเซียวหยูซวน เพราะที่นี่เป็น สหพันธ์มหาวิทยาลัย ส่วนเซียวหยูซวนนั้น เธอได้เรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้ว เธอจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นอาชีพของเซียวหยูซวนคืออาจารย์โรงเรียนมัธยม และตอนนี้โรงเรียนมัธยมต่างก็เปิดเทอมแล้ว ดังนั้นจึงทำให้ความเป็นไปได้ที่เซียวหยูซวนจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่แทบจะเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงยังคงไม่สามารถเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ และยังคงคาดหวังว่าร่างที่เขาเห็นเพียงแวบเดียวนั้นจะเป็นเซียวหยูซวนจริงๆ
ที่เขาต้องการเจอเซียวหยูซวนอีกครั้งไม่ใช่เพราะเรื่องของเงินที่เขาได้ฝากไว้กับเธอ 60,000 หยวน แต่เพราะจี้เฟิงยังคงมีความคาดหวังต่อเซียวหยูซวนอยู่ในใจ
เมื่อมองไปที่ร่างที่มีเสน่ห์และสวยงามของถงเล่ยจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยและปล่อยให้เรื่องที่เขาคิดอยู่หายไป
…จบบทที่ 107~
----------------------------------------------
*เมืองมัตสึเอะ ขออนุญาตใช้ตามอักษรจีนตรงตัวไปก่อนนะคะ เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่า ตู้เส้าเฟิงจะมาจากประเทศอื่น(ญี่ปุ่น)
อาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ
o(_ _)o
(o´・ε・`o)ด้วยรัก
เนตรนารีสีชมพู