สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 12
ตอนที่ 12 คุณพ่อขี้โมโห กับจอร์จผู้ขี้ขลาด
เซลิน่าหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาจากมือของลุคแกะด้วยมือข้างเดียวก่อนที่จะยัดมันเข้าปากของเธอ ในขณะที่เธอเคี้ยวเธอพึมพำ“ถ้าโรเบิร์ตเป็นคนหน้าด้านเหมือนกับนายนะ ตอนนี้เขาจะกลายเป็นอธิบดีกรมตำรวจของเมืองน็อกซ์ซิตี้ไปแล้วหล่ะ”
ลุคไม่ได้ใส่ใจกับคำบ่นของเซลิน่านัก ก่อนเขาจะพูดขึ้นว่า “ไม่หรอกการจะเป็นอธิบดีกรมตำรวจนั้นก่อนอื่นต้องมีความเหี้ยมโหดประมาณหนึ่ง แต่ว่าหน้าด้านมันเป็นเพียงความสามารถเสริมเท่านั้น”
เซลิน่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเธอจะพบว่าตัวเองไม่สามารถตอบโต้กับคำพูดก่อนหน้านี้ของลุคได้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “นายกำลังจะบอกว่าโรเบิร์ตไม่เหี้ยมโหดพอเหรอ”
ลุคตอบว่า“เปล่า อันที่จริงผมหมายความว่าต่างหากที่ยังไม่เหี้ยมโหดพอ”
เซลิน่า:“…”
ระหว่างที่พวกเขาคุยกันนั้น พวกเขาก็มาถึงจุดหมาย
พวกเขาลงจากรถและรีบเดินตามหลังโรเบิร์ต
เมื่อถึงหน้าประตูโรเบิร์ตนั้นไม่คิดจะกดออดหน้าบ้านด้วยซ้ำ เขานั้นตะโกนเอาดื้อๆ “บั๊ก! เปิดประตูหน่อย”
และแล้วประตูบ้านได้เปิดออกภายในเวลาไม่นานนัก
ชายผิวขาววัยกลางคนยืนหน้าประตู และมองไปที่โรเบิร์ตก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า“เข้ามาสิโรเบิร์ต ฉันกำลังรอคุณอยู่เลย”
และเมื่อบั๊กมองไปข้างหลังโรเบิร์ตแล้วเห็นลุคกับเซลิน่า เขาก็ยิ้มและทักทายทั้งคู่ “เซลิน่าลุค สบายดีไหมบ้าง? มามาเข้าบ้านกัน”
ดังนั้นทั้งสามจึงเข้าไปในบ้านของบั๊ก
แม้ว่าที่นี่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่พวกเขาในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่พวกเขาต้องทำตามขั้นตอนต่างๆ ในการแสดงตัวตน ไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่ในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่นนิวยอร์ก ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปในบ้านของใครบางคนตำรวจจะต้องโชว์ป้ายและพูดออกไปว่า "นี่ NYPD" ก่อนจึงจะเข้าไปได้
แต่ทว่าสำหรับโรเบิร์ตแล้ว เขารู้จักเกือบทุกคนในเมืองนี้และแทบจะทุกคนในที่นี่ก็รู้จักเขาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องแสดงตราหรือแนะนำตัวเอง
แต่ถึงกระนั้น แน่นอนว่าโรเบิร์ตยังคงสวมเครื่องแบบตำรวจอยู่ ดังนั้นตราของเขาจึงห้อยยังคงอยู่บนเข็มขัดของเขา
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปและนั่งลงบนโซฟาแล้วโรเบิร์ตพูดว่า“บั๊กเรามาที่นี่ เพราะมีเรื่องจะสอบถามจอร์จสักหน่อย”
บั๊กมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดว่า“โรเบิร์ต อันที่จริงเราก็รู้จักกันมานานหลายปี บอกฉันมาตรงๆ เลยดีกว่าจอร์จมันจะไม่เป็นอะไร”
เมื่อพวกเข้าทั้งสามคนได้ยินอย่างนั้น หัวใจของพวกเขาคนเต้นแทบจะไม่เป็นจังหวะ พร้อมกันกับพวกเขาคิดเหมือนกันว่า “นี่เป็นคำพูดที่น่าสนใจจริงๆ”
โรเบิร์ตนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดว่า“บั๊ก ฉันสัญญาได้แค่ว่า ฉันจะทำทุกอย่าง อย่างเต็มที่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของฉันที่มีอยู่ เผื่อดูแลจอร์จ”
บัคยิ้มอย่างขมขื่น “คุณนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ เข้มงวดไม่เปลี่ยนไปเลย”
โรเบิร์ตกล่าวว่า“บั๊ก มิเชลตายแล้วนะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำเป็นลืมหรือปกปิดมันได้นะ”
บั๊คสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้าให้กับโรเบิร์ต ก่อนที่เขาจะหันไปที่บันไดแล้วตะโกนขึ้นว่า “ไสหัวของแกลงมาที่นี่เดี๋ยวนี้นะ! หากแกคิดจะซ่อนตัวและไม่ออกมา ฉันจะไปลากแกลงมาด้วยปืนของฉัน!”
ลุคถึงกับพูดไม่ออก แต่ทว่าที่นี่คือเท็กซัส และพ่อที่อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ก็ไม่ได้หายากอะไร
เกือบจะในทันทีที่สิ้นเสียงของบั๊ค จอร์จก็โผล่หน้าออกมาจากบันได ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังแอบฟังพวกเขาอยู่
เมื่อมองไปที่ชายร่างสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว ที่กำลังก้าวลงมาจากบันได ด้วยสีหน้าที่น่าสงสาร ลุคก็พบว่ามันน่าตลกดี
อันที่จริงแล้วยังมีบางอย่างที่เขาไม่ได้บอกกับโรเบิร์ต
แต่นั่นเกี่ยวข้องกับเรื่องความเป็นส่วนตัวของเขาและเขาไม่ได้อยากจะให้เรื่องนี้ทำให้มาบดบังการตัดสินของโรเบิร์ต เขาจึงตัดสินใจที่จะเงียบไว้
โดยส่วนตัวแล้วลุคเชื่อว่าสเปิร์มที่พบภายในร่างกายของมิเชลจำนวนมากนั้นคงจะเป็นของ จอร์จ, ลอร์ด ไม่ก็บอริส
อันที่จริงแล้วคนที่เป็นไปได้มากที่สุดคงจะเป็นจอร์จ เพราะว่าลุคได้ยินมาจากสาวๆ เชียร์ลีดเดอร์ว่าเมื่อคืนพวกเขาเห็นจอร์จและมิเชลเข้าบ้านด้วยกัน
ซึ่งด้วยสถานการณ์แบบนั้น แล้วพวกเขาจะไปทำอะไรกันได้อีก? ซึ่งจริงๆ แล้วลุคกับเจมิน่าก็กำลังจะทำแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่าโชคร้ายของลุคที่ถูกขัดจังหวะซะก่อน
แต่สำหรับลุคแล้วเขาไม่คิดว่าจอร์จเป็นคนที่สังหารมิเชลหรอก นั่นเป็นเพราะลุครู้ว่าที่จริงแล้วจอร์จเป็นคนขี้ขลาดมาก
จึงทำให้ลุคคิดว่าจอร์จเป็นผู้ต้องสงสัยที่น่าสงสัยน้อยที่สุด
และยิ่งไปกว่านั้นตัวจอร์จเองยังรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของมิเชลล์กับผู้ชายคนอื่น ๆ
ในทำนองเดียวกันกับเรื่องมิเชลยังทราบถึงความสัมพันธ์ของจอร์จกับสาวๆ เชียร์ลีดเดอร์คนอื่นๆ
สองคนนี้ ... เป็นคู่เหมาะสมกันมากทีเดียว ผู้ชายก็ชอบเล่นสนุกไปทั่ว ส่วนผู้หญิงก็ทำตัวราวกับเป็นนักสะสมของพิเศษ
ที่ลุครู้เรื่องราวพวกนี้เป็นเพราะว่าครั้งหนึ่งจอร์จ ได้ล็อกเป้ามาที่ เจมิน่า และเนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาถึงกับตัดสินใจทำอะไรที่ดูโง่ๆ โดยคุกคามอย่างตรงๆ และบอกให้เขาอยู่ห่างเจมิน่า
ซึ่งตอนที่จอร์จเข้ามาจีบ เจมิน่า ลุคไม่ได้ว่าอะไรในทันทีทันใด แต่หลังเลิกเรียนเขาได้ ไปดักรอจอร์จระหว่างทางที่เขากำลังคนเดียว
ในตอนนั้นลุคใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีเลยที่เข้าจัดการจอร์จ ทำให้จอร์จลงไปกราบอ้อนวอนขอความเมตตาบนพื้น
ถ้าวัดกันตามลักษณะร่างกายแล้วทั้งสองคนมีขนาดร่างกายที่แตกต่างกันพอสมควร จอร์จมีสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว และหนักมากกว่า 220 ปอนด์ ซึ่งคนทั่วไปมองมาเพียงครั้งเดียว ใคร ๆ ก็พอจะบอกได้ว่าลักษณะของจอร์จดูแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งตัวลุคเองมีความสูงเพียงประมาณ 5 ฟุต 9 นิ้ว และมีน้ำหนักประมาณ 170 ปอนด์เท่านั้น มองยังไงลุคก็ตัวเล็กกว่าจอร์จ
แต่ทว่าลุคนั้นได้ฝึก บราซิลเลี่ยนยิวยิตสู มาตั้งแต่มัธยมต้น ซึ่งถ้าเทียบกับจอร์จที่ฝึกแค่อเมริกันฟุตบอลอย่างเดียวแล้ว ลุคนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกับจอร์จอย่างสิ้นเชิง
ในเวลาประมาณ 30 วินาทีลุคสามารถล๊อกแขนของจอร์จได้ และทำให้เขาเจ็บปวดจนจอร์จ ต้องรีบร้องขอความเมตตาจากลุค
โดยทั่วไปแล้ว บราซิลเลี่ยนยิวยิตสู ประกอบด้วยท่าล็อกต่างๆ จึงสามารถใช้เพื่อกำราบและหยุดการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นมันสำหรับคิดว่า บราซิลเลี่ยนยิวยิตสูเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการต่อสู้ระยะประชิดระยะใกล้และเหมาะมากสำหรับความขัดแย้งที่เขาเผชิญในแต่ละวัน
นั่นคือเหตุผลที่ลุคแทบจะไม่เคยสนใจที่จะฝึกฝนอย่างอื่นเช่นมวยหรือศิลปะการต่อสู้จีน
ถ้าพูดถึงการชกมวยแน่นอนว่ามันรู้สึกดีมากๆ เวลาที่เราสามารถน๊อกคนอื่นด้วยหมัดเดียว แต่มันจะไม่ง่ายแบบนั้นหรอกที่จะทำให้ใครบางคนน๊อกภายในหมัดเดียวสำหรับการชกมวย
บราซิลเลี่ยนยิวยิตสู นั้นมีเทคนิคมากกว่าและขนาดของร่างกายก็ไม่ได้สำคัญมากนัก ตราบใดที่ลุคสามารถล็อกจอร์จได้ ก็ไม่สำคัญแล้วว่าจอร์จจะตัวใหญ่กว่า ทางเลือกเดียวของเขาคือร้องขอความเมตตาจากลุคเพื่อให้ปล่อย
หลังจากสอนบทเรียนแก่จอร์จแล้ว เขาก็หลบหน้าหลบตากับลุคตั้งแต่นั้นมา แต่หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือนทุกอย่าง ก็กลับมาเหมือนปกติระหว่างพวกเขา แต่จอร์จก็ไม่กล้ายุ่งกับ เจมิน่า อีกต่อไป
และนับจากนั้นลุคจึงตัดสินว่าจอร์จเป็นแค่คนขี้ขลาด
คนขี้ขลาดที่จะทำตัวให้ดูแข็งแกร่งต่อหน้าคนอ่อนแอ แต่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งจริงๆ กลับทำตัวอ่อนแอ
และเมื่อเทียบกับพฤติกรรมของจอร์จ ลุคจึงมั่นใจว่าจอร์จกำลังซ่อนอะไรไว้บางอย่าง
จอร์จเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางกระวนกระวายและยืนอยู่ที่บันได โรเบิร์ตกล่าวว่า“เชิญนั่งจอร์จ ฉันมีคำถามจะถามคุณ”
เมื่อได้ยินดังนั้นจอร์จก็เหลือบมองไปบั๊กพ่อของเขา พร้อมกับเหงื่อฝุดออกมาเต็มหน้า
ใบหน้าของลุคกระตุกเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนร่วมโรงเรียนเขา
ใบหน้าของบั๊กดูซับซ้อนหลากหลายอารมณ์ปนอยู่บนหน้าเขา ความโกรธ, การทำอะไรไม่ถูกและความวิตกกังวล ทุกอย่างมันรวมอยู่ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดเขาก็กัดฟันแน่นและพูดขึ้นว่า“บอกโรเบิร์ตทุกอย่างที่แกทำเมื่อคืนนี้ ตอบทุกคำถามของเขา อย่าคิดที่จะปกปิดอะไรนอกเสียจากว่าแกอยากจะกลายเป็นฆาตกรจริงๆ”
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งสามได้ยินคำพูดเหล่านั้นหัวใจของพวกเขาก็เต้นรัวอีกครั้ง
พ่อลูกคู้นี้ต้องเคยพูดถึงเรื่องนี้กันมาก่อน และบั๊กเองอาจจะรู้แล้วว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น นั่นคือเหตุผลที่เขายอมให้จอร์จถูกสอบสวน
แต่จอร์จเป็นฆาตกรหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะบอกได้
เป็นเรื่องปกติที่ยิ่งมีคนพยายามซ่อนบางสิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนอยากรู้มากขึ้นเท่านั้น
หลังจากได้ยินคำพูดของบั๊ก จอร์จก็เริ่มเล่าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
หลังจากที่พวกเขาฟังจอร์จเล่าเสร็จโรเบิร์ตก็มีสีหน้าแปลก ๆ สำหรับ เซลิน่า และ ลุค นั้นพวกเขาสบตากันพร้อมส่งสัญญาณที่แตกต่างกันด้วยสายตาของพวกเขา
ลุคสัมผัสได้จากดวงตาของเซลิน่าว่าเธอกำลังคิดอะไรบางประมาณว่า“คุณยังจะบอกว่าเด็ก ๆ ในโรงเรียนของคุณไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างนั้นเหรอ”
ในขณะที่ตาของลุคส่งสัญญารประมาณว่า“นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยนะ”
โรเบิร์ตถามจอร์จต่อไป สำหรับลุคเขาฟังพร้อมกับครุ่นคิดถึงสิ่งที่จอร์จพูดก่อนหน้านี้
เห็นได้ชัดว่าจอร์จกับมิเชลได้มีอะไรกันแน่นอนเมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน และเนื่องจากปาร์ตี้เป็นปาร์ตี้หลังเรียนจบจอร์จก็ได้ขโมยและนำเตกีล่าของพ่อเขาไปดื่ม ด้วยเหตุนั้นทั้งสองเมาบ้าคลั่งในขณะที่พวกเขามีอะไรกัน
ในที่สุดจอร์จก็เมาเต็มที่และตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน
หลังจากตื่นนอนเขาพยายามปลุกมิเชลให้ตื่นเพื่อที่พวกเขาจะได้ปาร์ตี้ต่อ อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้สึกตัวแล้วและเมื่อเขาตรวจดูก็พบว่าเธอนั้นไม่หายใจแล้ว