บทที่ 106 นักศึกษาใหม่
บทที่ 106 นักศึกษาใหม่
เมื่อจางเล่ยมองไปที่ท่าทางของถงเล่ยที่แสดงความรักที่มีต่อจี้เฟิงอย่างเปิดเผย เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าเขารู้นิสัยน้องสาวของเขาดี ว่าเธอจะต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆอย่างแน่นอน แต่ถ้าจี้เฟิงต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นภายใต้แรงกดดันของครอบครัวในอนาคตขึ้นมาจริงๆ น้องสาวของเขาจะสามารถทนได้หรือไม่?
“เฮ้ออ!!” จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างแรง เขาได้แต่ส่ายหัวและปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่จางเล่ยรู้จักนิสัยจี้เฟิงเป็นอย่างดี ขอแค่เขาไม่ละทิ้งถงเล่ยไปง่ายๆแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
รถบัสเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ และขับออกจากจัตุรัสสถานี
“พี่จุ้นดูนั่น!” ไม่ไกลนักจากทางออกของสถานี นักเรียนคนหนึ่งชี้ไปที่รถบัสที่พวกของจี้เฟิงโดยสารอยู่ “สามคนนั้นนั่งอยู่ในรถบัสคันนั้น พวกเขาเป็นนักศึกษาของสหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจว!”
อู๋จุ้นเจี๋ยที่กำลังยืนรอลูกพี่ลูกน้องมารับ เขาหันไปมองทางที่เพื่อนนักเรียนชี้ให้ดู และเห็นพวกของจี้เฟิงผ่านทางหน้าต่างของรถบัส เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที “สามคนนั้นก็เรียนอยู่ที่สหพันธ์ม.เจียงโจวเหมือนกันนี่เอง ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเข้าข้างฉันจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ยากหน่อยนะถ้าคิดที่จะหลบซ่อนจากสายตาของฉันไปได้!”
อู๋จุ้นเจี๋ยคิดว่า พวกจี้เฟิงรู้สึกเกรงกลัวและไม่กล้าที่จะมีปัญหาขัดแย้งกับเขาหลังจากที่ได้รู้ว่าเขามีลูกพี่ลูกน้องเป็นเพื่อนกับลูกชายของผู้นำในเจียงโจว ถึงได้ทำเป็นเมินเฉยและไม่ยอมบอกกับเขาว่าเรียนที่ไหน
“ในเมื่อฉันเองก็เป็นนักศึกษาของสหพันธ์ม.เจียงโจว ฉันจะตรวจสอบเรื่องของพวกนายเมื่อไหร่ก็ได้!” อู๋จุ้นเจี๋ยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และเลียริมฝีปากของเขา “ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นของฉันอย่างแน่นอน!”
จี้เฟิงซึ่งนั่งอยู่ในรถดูเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาหันศีรษะอย่างรวดเร็วและเห็นอู๋จุ้นเจี๋ยจากระยะไกลที่กำลังยืนมองมาทางพวกเขาอยู่เช่นกัน ผ่านหน้าต่างรถบัส
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็ยิ้มมุมปาก “นายควรจะอยู่ในที่ของนายไม่งั้นฉันจะทำให้นายต้องเสียใจ!”
...........
ในฐานะของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเจียงโจว สหพันธ์มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีประวัติยาวนานเกือบเก้าสิบปี ที่นี่เปรียบเหมือนกับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความลึกซึ้งใน ประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานของประเทศจีน ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับมหาวิทยาลัยอื่นๆที่เพิ่งเกิดขึ้นในไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา
สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจว มีวิทยาเขตถึงสามแห่งและมีผู้คนเกือบ 50,000 คนอยู่รวมกันในแต่ละวิทยาเขต และแม้แต่จะอยู่ในวิทยาเขตเดียวกันคุณก็ต้องนั่งรถบัสจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง จากที่กล่าวมานี้คุณสามารถจินตนาการได้ว่า สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวแห่งนี้กว้างใหญ่แค่ไหน
เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสหพันธ์มหาวิทยาลัยในวันแรกของการต้อนรับนักศึกษาใหม่
พวกเขาสามคนในเวลานี้ยืนอยู่หน้าประตูของสหพันธ์มหาวิทยาลัยมองดูนักเรียนนักศึกษาที่เดินเข้าออกเหมือนกับที่นี่มีงานจัดแสดงสินค้าลดราคา จี้เฟิงและสองพี่น้องจางเล่ยและถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
ดูเหมือนว่าการลงทะเบียนในวันนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว
“มากับฉัน!” จี้เฟิงพูดเบาๆพร้อมกับจับมือของถงเล่ยและเดินนำไปข้างหน้า ถงเล่ยที่ถูกจี้เฟิงจับมือดึงให้เดินตามไปและมีจางเล่ยเดินปิดท้าย
สำหรับจี้เฟิง ฝูงชนที่แออัดเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหากับเขาเลยแม้แต่น้อย จากที่เห็นคือการก้าวเดินที่ดูเหมือนเป็นระบบของเขานั้น ดูเป็นการเดินที่แปลกและเหลือเชื่อในสายตาของถงเล่ยและจางเล่ย เพราะเขาสามารถหาช่องทางในการเดินไปข้างหน้าได้ตลอดหรือต่อให้ด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คนเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปราวกับมีช่องทางให้เขาเดินไปได้อย่างง่ายดาย เขาเดินซิกแซกหรือบางครั้งก็เดินเบียดแทรกเข้าไปตรงๆพร้อมกับจูงมือถงเล่ยให้ตามมาติดๆอยู่ด้านหลังโดยที่มีตัวเขาเป็นคนเปิดช่องทาง
ทันใดนั้นใบหน้าที่สวยงามของถงเล่ยถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจและถามด้วยความสงสัย “จี้เฟิง นายทำได้ยังไง?”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “ฉันแค่หาช่องว่างเดินแทรกเข้าไปน่ะ อาจจะใช้แรงด้วยนิดหน่อย ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครสามารถเบียดฉันได้หรอก!”
จางเล่ยมองไปที่จี้เฟิงอย่างสงสัย “เฮ้ยเจ้าบ้า มันจะเป็นไปได้ยังไงที่นายจะเดินเบียดคนไปได้ง่ายๆ คนเยอะแยะขนาดนี้แถมนายดูสิ แต่ละคนตัวใหญ่ๆแถมพละกำลังก็ไม่ใช่น้อยๆ ทำไมพวกเขาถึงจะไม่สามารถเดินเบียดชนะนายได้? ดูอย่างชายผิวดำตัวใหญ่คนนั้น แค่ดูก็รู้แล้วว่าความแข็งแกร่งต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่นายจะสามารถเดินเบียดชนะคนแบบนั้นได้ นายบอกฉันมาตรงๆดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้น?!”
“ก็ดูสิ เขาเบียดเข้ามาหรือเปล่าล่ะ?” จี้เฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม
จางเล่ยทำหน้าสงสัย “เจ้าบ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง ผู้ชายผิวดำตัวใหญ่และสูงขนาดนั้น ทำไมนายถึงเดินเบียดเขาไปได้อย่างง่ายดาย นายสูงแค่ไม่เท่าไหร่เองเมื่อเทียบกับเขาแถมนายยังมีเล่ยเล่ยอีก ทำไมนายถึงเดินเบียดผ่านเขาไปได้ง่ายๆขนาดนั้น?”
ถงเล่ยเม้มริมฝีปากของเธอ บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เธอนั้นรู้ดีว่าจี้เฟิงมีทักษะที่ดีและร่างกายของเขาก็แข็งแรงมากจริงๆ เธอจำได้อย่างชัดเจนในวันที่จี้เฟิงไปส่งเธอที่บ้านและเจอเข้ากับพวกอันธพาล และเมื่อตอนที่จี้เฟิงให้เธอหนีไปก่อน เธอได้ไปแจ้งตำรวจทันที และหลังจากนั้นเมื่อเธอกลับมาก็พบว่าอันธพาลพวกนั้นต่างนอนสลบไม่ได้สติอยู่กับพื้น แต่จี้เฟิงกลับไม่มีร่องรอยของการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
“พี่! ฉันว่าพี่อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยดีกว่า เอาไว้เดี๋ยวจี้เฟิงก็คงบอกพี่เองนั่นแหละ!” ถงเล่ยหัวเราะเบาๆและพูดว่า “รีบไปลงทะเบียนหอพักกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวมันจะมืดเอา!”
“ถูกต้อง!” จี้เฟิงกลัวว่าจางเล่ยจะซักไซ้และถามอะไรเขาอีก เขาจึงรีบพูดว่า “รีบไปกันดีกว่า!”
“พวกนายสองคนนี่น่าสงสัยชะมัด!” เมื่อเห็นจี้เฟิงและถงเล่ยเดินนำห่างออกไป จางเล่ยก็ตกใจจึงรีบก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงประตูใหญ่หน้าหอพักนักศึกษา พวกเขาจึงตกลงกันเรื่องสถานที่นัดเจอหลังจากที่แยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเอง แต่เนื่องจากจี้เฟิงเรียนคนละคณะกับจางเล่ยและถงเล่ยที่เรียนคณะเดียวกัน จี้เฟิงจึงต้องแยกตัวไปคนเดียว
“เอาเป็นว่าเรามาเจอกันตรงประตูนี้ตอน 1 ทุ่มแล้วกันนะ!” จี้เฟิงพูดอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่จี้เฟิงแยกตัวออกมา เขาตรงไปที่ห้องสำนักงานลงทะเบียนหอพักนักศึกษาของคณะของเขาอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ต้องตกใจทันทีที่เห็นร่างสวยงามที่คุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่ง มันเป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้นและหญิงสาวคนนั้นก็หายเข้าไปในฝูงชน…
เธอคือเซียวหยูซวน!!
หัวใจของจี้เฟิงเต้นรัวขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าหญิงสาวคนที่เขาเห็นเมื่อครู่อาจเป็นเธอ!
วันที่ 3 กันยายน ซึ่งเป็นสองวันก่อนที่จี้เฟิงจะเดินทางมาที่เจียงโจว จี้เฟิงได้กลับไปยังโรงเรียนมัธยมปลายหมางซือวิทยาเขตที่สองเป็นครั้งสุดท้าย สาเหตุที่เขากลับไปที่โรงเรียนในวันนั้นเป็นเพราะว่าเขาอยากจะพบกับเซียวหยูซวนอีกครั้ง
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พบกับเธอ เขาได้รู้จากอาจารย์ที่เคยพูดคุยกับเซียวหยูซวนอยู่บ้างในตอนที่เธอสอนอยู่ที่นี่ อาจารย์คนนั้นบอกกับเขาว่า เซียวหยูซวนได้ลาออกจากโรงเรียนไปแล้วและเท่าที่รู้เธอน่าจะกลับไปยังบ้านเกิดของเธอ
ไม่มีใครรู้ว่าบ้านเกิดของเซียวหยูซวนอยู่ที่ไหน และไม่มีใครรู้ว่าเซียวหยูซวนไปไหนหรือทำอะไรหลังจากเลิกงานหรือแม้กระทั่งทำไมเธอถึงลาออกจากการเป็นอาจารย์ของโรงเรียนมัธยมปลายหมางซือนี้
ท้ายที่สุดเวลาของเซียวหยูซวนในเขตหมางซือนี้ก็เป็นระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่ปีกว่าๆเท่านั้น และเธอก็ไม่ค่อยพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเธอกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆตลอดระยะเวลาที่เธอมาเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ ดังนั้นถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าเซียวหยูซวนมาจากเมืองใหญ่แต่ก็ไม่มีใครรู้รายละเอียดไปมากกว่านั้น
ในตอนนั้นจี้เฟิงรู้สึกช็อกพอสมควรหลังจากที่ได้ยินข่าวแต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาเป็นปกติดี
เซียวหยูซวนจากไปแล้ว
เธอไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจะไปที่ไหนและแน่นอนว่าเธอก็ไม่ได้บอกอะไรกับจี้เฟิงเลยเช่นกัน จี้เฟิงสัมผัสได้ว่าเซียวหยูซวนดูเหมือนจงใจที่จะหลบหน้าเขา หรือเป็นเพราะว่าเธอยังโกรธเขาอยู่…
เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่จี้เฟิงหักหน้าเหอตงในการแข่งบิลเลียดเมื่อวันนั้น เซียวหยูซวนก็ไม่เคยพูดคุยหรือสนใจเขาอีกเลย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ถึงแม้ร่างของหญิงสาวเมื่อสักครู่ที่เขาเห็นจะดูเหมือนเซียวหยูซวนมาก แต่เขาก็ไม่อยากคาดหวังจนเกินไปเพราะเขาได้เห็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
“หญิงสาวคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่จะเป็นเซียวหยูซวนจริงๆหรือเปล่า..” จี้เฟิงได้แต่พึมพำกับตัวเอง เขาหวังมากจริงๆว่าคนคนนั้นคือเซียวหยูซวน แต่เขาก็ไม่แน่ใจอยู่ดีเพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาเห็นนั้นอยู่ห่างออกไปมากแถมยังเป็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่ร่างของหญิงสาวคนนั้นจะหายเข้าไปในฝูงชน แต่มันก็ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าใช่หรือไม่ใช่เธอ!
“ลืมไปเลย! ฉันต้องลงชื่อสมัครเข้าพักในหอพักและไหนจะพวกของใช้จำเป็นอื่นๆอีก ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันต้องได้นอนข้างถนนเข้าจริงๆ!” จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและพยายามกำจัดความคิดฟุ้งซ่านวุ่นวายทั้งหมดที่อยู่ในหัวของเขาออกไป
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเซียวหยูซวนยังคงอยู่ในหัวของเขาแทบจะตลอดเวลาและไม่สามารถลบภาพของเธอออกไปจากหัวของเขาได้เลย
เมื่อเขามาถึงสำนักงานทะเบียน จี้เฟิงพบว่ามีคนเข้าแถวเพื่อรอลงทะเบียนอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงจี้เฟิงก็ลงทะเบียนเสร็จ และรับของใช้ต่างๆภายใต้คำแนะนำจากรุ่นพี่
“เจ้าบ้า!”
เมื่อจี้เฟิงเดินมาที่ประตูของหอพัก เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกตัวเอง เขาหันกลับไปทันที และเห็นจางเล่ยกับถงเล่ยยืนอยู่หน้าทางเข้าของอีกหอพักหนึ่ง ถงเล่ยโบกมือเล็กน้อยให้จี้เฟิง
“เจ้านี่หนิ!”
จี้เฟิงยิ้มและส่ายหัว จากนั้นเขาจึงวิ่งเหยาะๆเข้าไปหาจางเล่ยและถงเล่ย “เล่ยเล่ย เธอได้รับของทั้งหมดแล้วหรือยัง?” จี้เฟิงถามพร้อมกับส่งยิ้มเล็กน้อยให้เธอ
“ฉันยังไม่ได้ไปรับของของฉันหรอก ฉันว่าจะมาช่วยนายจัดของแล้วก็จัดที่นอนให้เรียบร้อยก่อน!” ถงเล่ยกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มหวานกลับไปให้จี้เฟิง
“ฮัลโหล! ทุกคนฉันอยู่ตรงนี้!!” จางเล่ยพูดประท้วงเสียงดัง ถงเล่ยไม่เคยช่วยเขาจัดห้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ครั้งนี้น้องสาวที่แสนเย็นชา...ที่น่ารักของเขา ไม่ได้รับของของตัวเองก่อนด้วยซ้ำ แต่เธอกลับรีบตรงมาที่หอพักชายเพื่อช่วยจี้เฟิงจัดห้อง
เนื่องจากจางเล่ยและจี้เฟิงไม่ได้อยู่หอพักเดียวกัน ดังนั้นจี้เฟิงจึงช่วยจางเล่ยขนย้ายของไปที่ห้องพักของจางเล่ยก่อน จากนั้นจี้เฟิงจึงพาถงเล่ยไปที่หอพักของเขา
“เดี๋ยวก่อน เจ้าบ้า! นายจะไม่ช่วยฉันก่อนเหรอ?” จางเล่ยถาม
แม้ว่าจะมีของใช้ในชีวิตประจำวันมากมายหลายอย่าง แต่ของพวกนั้นก็ไม่ได้เป็นของที่มีน้ำหนักเยอะ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด
ก่อนที่จี้เฟิงจะทันตอบอะไร ถงเล่ยก็พูดขึ้น “พี่ก็ปูที่นอนของพี่ให้เรียบร้อยด้วยตัวเองไปก่อนก็แล้วกัน ไว้ฉันจะมาช่วยจัดการของอื่นๆให้ทีหลัง!” ถงเล่ยตอบแบบขอไปที
จู่ๆใบหน้าของจางเล่ยก็เศร้าหมอง เขาได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ “เฮ้ออ น้องสาวของฉันเป็นผู้หญิงที่ดีกับแฟนหนุ่มของเธอจริงๆ แต่กับพี่ชายแท้ๆเธอกลับใจร้ายได้ลงคอ”
“มีอะไรขัดข้องหรือเปล่า?” ถงเล่ยถามและจ้องเขม็งไปที่พี่ชายของเธอเป็นเชิงข่มขู่
“ไม่แน่นอนขอรับ ใครจะกล้ามีปัญหากับนายหญิงเล่ยเล่ย!” จากนั้นจางเล่ยก็ส่ายหัวและพูดว่า “รีบไปกันเร็วๆเข้าเถอะ หลังจากจัดของเสร็จแล้วเราจะได้ไปเดินเล่นรอบๆมหาลัยกัน ฉันได้ยินมาว่าฤดูร้อนในประเทศจีนของเรา สาวๆในมหาลัยจะใส่ชุดอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก!”
“ก็ลองดูสิ!” ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะพูดขู่พี่ชายของเธอ “ถ้าพี่ทำอย่างนั้นฉันจะฟ้องพ่อ ว่าพี่ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเพื่อจีบสาวตั้งแต่วันแรกที่มาถึง และถ้าพี่ไม่กลัวเพราะว่าพ่ออยู่ไกลจากที่นี่ ฉันก็จะไปฟ้องคุณปู่!”
“อย่าๆๆ อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด!” จางเล่ยถึงกับพูดห้ามอย่างลนลาน ถ้าน้องสาวของเขาฟ้องพ่อว่าเขาออกไปเที่ยวไล่จีบสาวจริงๆ เกรงว่าเขาคงจะโดนตัดเงินค่าใช้จ่ายจนเกลี้ยงแน่ๆ แล้วทีนี้อย่าว่าแต่ออกไปหาสาวๆเพื่อเที่ยวเล่นเลย เพราะแม้แต่เงินซื้อข้าวก็คงจะไม่มี
“น้องรักไม่ต้องเป็นกังวลไป พี่รับปากว่าพี่จะไม่ไปยุ่งกับสาวๆแน่นอน! ฮะฮะ” จางเล่ยได้แต่หัวเราะแห้งๆ
จี้เฟิงอดยิ้มไม่ได้เมื่อมองไปที่สองพี่น้องที่กำลังทะเลาะวิวาทกันอยู่ “เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าตอนนี้เล่ยเล่ยเธอไปกับฉันก่อน เมื่อเราจัดการข้าวของที่หอของฉันเสร็จแล้วฉันจะได้ไปช่วยเธอขนของ”
“โอเค!” ถงเล่ยพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มหวานอยู่บนใบหน้าของเธอจากนั้นเธอก็วิ่งเข้าไปหาจี้เฟิงและจับแขนของเขาอย่างมีความสุข “เราไปกันเถอะ!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เล่ยเล่ยเธอจับแขนของฉันไว้แบบนี้ ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของเธอนะ!”
“อ๊ะ!” ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยใบหน้าที่เขินอายและรีบปล่อยแขนของจี้เฟิงทันที
…จบบทที่ 106~❤️