ตอนที่ 224 ตระกูลเหนือ รู้จักหรือไม่ ?
คลื่นเสียงความถี่สูงไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับสัตว์อสูร ทว่ามนุษย์ที่เฝ้าดูอยู่ไกลจากรัศมีจากการต่อสู้กว่าห้าร้อยเมตร ก็ยังได้รับผลกระทบ คนที่คนอ่อนแอถึงกับแก้วหูแตกตายอนาถ คนที่แข็งแกร่งขึ้นมาหน่อยอย่างมากก็แค่สลบไร้สติ สร้างความอลหม่านให้กับผู้คนละแวกนั้นเป็นอย่างมาก ทุกคนพากันอพยพถอยอย่างรวดเร็ว
มุกดารารวมพลังปราณระดับขอบเขตจิตวิญญาณไว้ที่หมัด
‘หมัดดาราพิฆาต’
เพียงกำปั้นเดียวคลื่นพลังปราณเกรี้ยวกราด ก่อเกิดแสงจากดาวหางพุ่งออกไปหมายจะสังหารอีกาทองคำที่โฉบบินลงมา แม้ว่าอีกาทองคำจะบาดเจ็บอยู่ก่อนหน้า แต่พลังปราณของมุกดาราก็ไม่อาจเอาชีวิตมันได้ มีแต่จะทำให้มันสมปรารถนา
แววตาของอีกาทองคำเย้ยหยันหญิงสาวน่ารังเกียจ ขณะที่ร่างกายของมันกระเด็นตกลงไปในไออสูรเทียม สีหน้าของมุกดาราแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
สายตาระดับขอบเขตจิตวิญญาณของหญิงสาว มองไปยังทะเลหมอกสีชาดที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อสัตว์อสูรที่ตกลงไปกำลังดูดซับมัน เพื่อเพิ่มพูนพลังของตัวเอง รอเพียงเวลาที่จะผงาดออกมา
บุหรงรวบรวมพลังปราณสีม่วงเตรียม พร้อมจะทุ่มการโจมตีครั้งใหญ่ลงไป แต่กลับถูกห้ามโดยมุกดารา
“ในช่วงเวลานี้ ต่อให้มีขอบเขตพลังมากมายเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ ไออสูรเป็นพลังงานที่แปลกประหลาดและลี้ลับ พลังปราณเกือบทุกรูปแบบที่กระทบโดนมัน มีแต่จะเพิ่มประสิทธิภาพและขยายขนาดของมันให้กว้างขึ้น เราไม่สามารถทำลายไออสูรได้”
บุหรงสลายพลังปราณทิ้งไปอย่างยากลำบาก
“แล้วควรจะทำยังไง”
“หนี”
คำพูดเดียวหลุดออกจากปากของมุกดารานั้น ทำให้ทั้งเหนือภพและบุหรงถึงกับตื่นตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินคนระดับขอบเขตจิตวิญญาณพูดว่าต้องการจะหนี
สำหรับเหนือภพนั้น อาจารย์ว่าอะไรเขาก็ทำตามนั้น แต่บุหรงนั้นค่อนข้างมีความผูกพันกับวิทยาลัยแห่งนี้ นางจึงปฏิเสธที่จะทำตาม
“พวกท่านไปกันเถอะ ที่นี่คือบ้านหลังแรกที่ยอมรับข้า หากไออสูรจะพังทำลายมัน ก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
บุหรงไม่พูดเปล่า นางทะยานลงจากหลังคาเพื่อช่วยเหลือคนที่บาดเจ็บ ทั้งยังช่วยอพยพผู้คนเท่าที่เธอจะทำได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนเหล่านี้ให้พ้นภัยชั่วคราวก่อน
เหนือภพมีสีหน้าซับซ้อน เขาค่อนข้างเข้าใจความรู้สึกของบุหรง แม้เขาไม่ได้มีจิตใจเมตตาต่อคนอื่นมากนัก แต่กับคนใกล้ชิด เพื่อนและครอบครัวนั้น เขาค่อนข้างเห็นใจเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มมองไปทางอาจารย์
“อาจารย์ ท่านไม่มีวิธีขัดขวางพวกมันหรือ”
มุกดารามีความลำบากใจบางอย่าง อีกอย่างเธอไม่ได้มีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ ทวีปแห่งนี้ก็เป็นเพียงทวีปล่มสลาย ไม่ควรค่าที่จะเอามาใส่ใจหรือเสี่ยงชีวิต ถึงจะกังวลเกี่ยวกับไออสูรเทียม แต่เอาไว้ค่อยกลับไปทวีปดาราก่อน แล้วค่อยให้หนึ่งในสำนักดาราทั้งเก้าส่งคนมาจัดการก็ยังไม่สาย
“ศิษย์ข้า วิธีนั้นย่อมมี เพียงแต่เมื่อทำมัน ผลที่ตามมานั้นย่อมไม่เป็นผลดี มิสู้พวกเราจากไปยังดีกว่า”
“อาจารย์ มันเกี่ยวกับข้าใช่หรือไม่”
เหนือภพเริ่มจับสังเกตอาจารย์ได้ ก่อนหน้านี้อาจารย์เหมือนจะพูดถึงตระกูลเหนือ เรื่องที่เกี่ยวกับเขาอาจารย์ย่อมไม่อยากพูดถึง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหนือ เขารู้สึกว่าไออสูรพวกนี้มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเขา แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร ทำไมเขาถึงรู้สึกกระชุ่มกระชวยทุกครั้งที่ได้มองมัน
ผู้เป็นอาจารย์พ่นลมหายใจ
ฟู่ ~
“ได้ข้าจะบอก”
“ไออสูรนั้นที่แท้ต้นกำเนิดมาจากสำนักดาราเหนือ ส่วนเรื่องที่ว่ามันเกิดมาได้ยังไงนั้น ไม่มีใครรู้ รู้เพียงว่าคนของตระกูลเหนือส่วนใหญ่ ล้วนสามารถซึมซับไออสูร เพื่อบ่มเพาะพลังปราณของตัวเอง แต่หลังจากสำนักดาราเหนือถูกทำลายโดยลัทธิดับดารา ไออสูรแท้จริงก็หายไป ลัทธิดับดาราใช้เวลาหลายร้อยปีเพื่อศึกษาไออสูรจากศพคนตระกูลเหนือ จนกระทั่งสามารถสร้างไออสูรเทียมขึ้นมาได้ ซึ่งครั้งนั้นมันก็ลบเมืองใหญ่เมืองหนึ่งให้หายไปจากทวีป”
“แล้วครั้งนั้น ใครเป็นคนกำจัดมันครับ”
“ไม่มี โชคดีที่ไออสูรเทียมนั้นยังไม่สมบูรณ์พอ มันขยายตัวกลืนกินเมืองใหญ่ได้เพียงครึ่งเดือน แล้วมันก็สลายไปด้วยตัวของมันเอง แต่ครั้งนั้นก็สร้างบาดแผลใหญ่ให้กับชาวทวีปดารามาจนทุกวันนี้”
“แต่พวกเรารอแบบนั้นไม่ได้ อาจารย์ท่านพูดความจริงออกมาเถอะ ช่วยบอกวิธีที่ตระกูลเหนือใช้ควบคุมไออสูรพวกนี้”
“ศิษย์ข้า เรื่องมันไม่ง่ายดายเพียงนั้น”
มุกดาราเป็นกังวล เธอรู้สึกว่าลัทธิดับดาราเคลื่อนไหวที่ทวีปสุริยะนี้มาหลายสิบปี แม้จะไม่รู้ว่าพวกมันต้องการอะไร แต่เบาะแสที่ได้รับมาก็ทำให้เธอรู้ว่าพวกมันกำลังตามหาอะไรบางอย่าง ซึ่งน่าจะเกี่ยวพันกับตระกูลเหนือ
“จู่ ๆ ไออสูรก็ปรากฏตัวที่นี่ เจ้าไม่คิดหรือว่ามันแปลก หากอาจารย์เจ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ การที่ไออสูรปรากฏขึ้น ก็เพื่อดึงดูดผู้มีสายเลือดตระกูลเหนือออกมา คงเป็นแผนชั่วของลัทธิดับดารา ข้าไม่อยากให้เจ้าติดกับดักชั่วของพวกมัน”
“ต่อให้เป็นเช่นนั้น เพื่อนางแล้วข้าก็ยินดีเสี่ยง”
เหนือภพพูดขณะตวัดสายตามองบุหรง ที่กำลังกุลีกุจอช่วยผู้อื่นอย่างเต็มที่
“นางเป็นเหมือนคนในครอบครัวของข้า เป็นพี่สาวที่ข้ารัก อาจารย์ ข้าอาจจะไม่ใช่คนดีนัก แต่ข้าก็รู้ตัวว่าข้าควรจะทำอะไรเพื่อใคร”
“เฮ้อ ~ เด็กน้อย”
มุกดาราถอนหายใจอย่างจนปัญญา ในที่สุดเธอก็ยอมบอกสิ่งที่เธอรู้
“วิธีการควบคุมไออสูรน่ะ ข้าไม่รู้หรอก ข้ารู้เพียงว่าไออสูรไม่เป็นภัยต่อสายเลือดตระกูลเหนือ ต่อให้เป็นเพียงตระกูลสายรองเช่นเจ้าก็เถอะ ข้าคิดว่าเมื่อเจ้าสัมผัสมัน ก็น่าจะเข้าใจถึงเจตจำนงแห่งตระกูลเหนือที่เหลือทิ้งเอาไว้ได้ ต่อให้เป็นเพียงไออสูรเทียม แต่ต้นกำเนิดของมันก็ยังใช้เศษเสี้ยวไออสูรแท้จริงหลอมสร้างขึ้นมา ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าถึงมันได้ หากเจ้าสามารถเข้าใจมัน และสามารถดูดซับมันเข้าสู่ตัวได้สำเร็จ การจะควบคุมไออสูรเหล่านี้ก็ไม่ยากอีกต่อไป ลำบากเพียงแค่หนึ่งความคิด ทางด้านสัตว์อสูรพวกนั้นข้าอาจารย์เจ้าจะจัดการมันเอง เจ้ามุ่งความสนใจไปที่ไออสูรอย่างเดียวเถอะ”
เหนือภพพยักหน้า
ชายหนุ่มดิ่งตัวลงจากบนหลังคาอาคารสูง ด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ในใจเขาตอนนี้เต้นรัว ตื่นเต้น เขาคาดหวังขอให้ตัวเองมีสายเลือดตระกูลเหนือ หากไม่เป็นเช่นนั้นเขาก็คงไม่ต่างจากซากศพพวกนี้ ที่ต้องเลือดออกจากทวารทั้งเก้าจนตาย
“เหนือภพ เจ้าจะทำอะไร”
บุหรงเพิ่งสังเกตเห็นเหนือภพอยู่ห่างจากลุ่มควันสีชาดเพียงแค่หนึ่งก้าว สีหน้านางนั้นร้อนใจ ขณะพุ่งตรงเข้ามาหาเหนือภพ ก่อนที่นางจะไปถึงตัวเขา ชายหนุ่มเพียงหันกลับมายิ้มให้นางแล้วเอ่ยว่า
“ข้าจะปล่อยให้บ้านของเจ้าพังทลายได้ยังไง”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ก้าวเข้าสู่ควันสีแดง จนกระทั่งจมหายเข้าไปในนั้น
บุหรงมีสีหน้าซับซ้อนและตื่นกลัว ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนหลังคาในจุดที่มุกดารายืนท้าลมแน่นิ่ง แววตาแฝงไปด้วยความเศร้า
“โอกาสสำเร็จเท่าไหร่คะ”
บุหรงฉลาดพอที่จะรู้ว่าไออสูรนี้เกิดมาจากตระกูลเหนือ ดังนั้นคนผูกต้องเป็นคนแก้ แต่มันจะง่ายเพียงนั้นเหรอ
มุกดาราส่ายหน้า
“ข้าไม่รู้ บางทีอาจจะไม่มี หรือถ้ามีก็คงน้อยนิด”
บุหรงหน้าซีดตกใจ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอยอมรับเหนือภพเป็นคนในครอบครัวเธออย่างแท้จริง เธอรู้สึกผูกพันกับเขามากกว่าพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเธอมาเสียอีก
“หากรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วท่านให้เขาเข้าไปทำไม ท่านเป็นอาจารย์เขาไม่ใช่เหรอ”
เมื่อมุกดาราได้ยินคำต่อว่า ก็นิ่วหน้าไม่พอใจ
“หากไม่ใช่เพราะพี่สาวอย่างเจ้า ศิษย์ข้าจะทำเช่นนั้นเหรอ สิ่งที่เจ้าควรทำตอนนี้ไม่ใช่ต่อว่าข้า ทำเรื่องที่เจ้าควรทำเสีย อย่าให้การเสียสละของศิษย์ข้าต้องสูญเปล่า”
คำพูดของอาจารย์สาวจี้ใจของบุหรง ปากที่อ้าค้างไร้เสียงเล็ดลอด บุหรงมีใบหน้าเศร้าลง ก่อนเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เธอพูดพลางมองไปยังหมอกสีชาดที่กำลังเคลื่อนไหว
“ข้าเชื่อว่าเขาต้องไม่เป็นอะไร”
มุกดาราไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใด เธอเพียงจ้องมองไปยังจุดเดิมที่ศิษย์ของเธอหายไปอย่างเงียบงัน
ทันทีที่เหนือภพเข้าไปในหมอก ทัศนวิสัยของเขากลับไม่ได้ถูกบดบังแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเขาเหมือนเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง ในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความแห้งแล้งและกลิ่นคาวเลือด ท้องฟ้าสีแดงชาด ต้นไม้เหี่ยวเฉา ยามมองไปยังพื้นที่เขาเดินผ่านและเหยียบย่ำมัน มันเต็มไปด้วยกองซากศพและกระดูกจำนวนมากมายมหาศาล
“ที่นี่ที่ไหน ?”
ประโยคคำถามปรากฏขึ้นภายในหัวของชายหนุ่ม เขาเดิน เดินต่อไป เดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าทำไมเขาต้องเดิน ในหัวสมองพลันขาวโพลน ว่างเปล่า มันไม่มีอะไรอยู่ในนั้น จนกระทั่งเขาเริ่มหลงลืมตัวตน ลืมไปเสียว่าตัวเขานั้นชื่ออะไร ลืมเหตุผลที่เขาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ และไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เขาล้วนลืมหมดสิ้น
สมองของชายหนุ่มผมม่วงไม่ต่างจากกระดาษขาว มันช่างว่างเปล่า จนกระทั่งชายหนุ่มหยุดเดินและยืนนิ่งอยู่กับที่ ประกายความคิดบางอย่างก็ก่อเกิด กระดาษขาวที่ว่างเปล่าเริ่มมีการแต่งแต้มด้วยข้อความสีแดง
‘เจ้าเป็นใคร ?’
เหนือภพส่ายหน้า
‘เจ้ามาที่นี่ได้ไง ?’
เหนือภพส่ายหน้าอีกครั้ง
จากนั้นข้อความมากมายนับหมื่นแสนข้อความก็ปรากฏ ซึ่งเหนือภพก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบคำถามอย่างไร จนกระทั่งข้อความหนึ่งปรากฏขึ้น
‘ตระกูลเหนือ รู้จักหรือไม่ ?’
ทันใดนั้นเองก็เหมือนมีคนมาจุดประกายความคิด โลกที่มืดมิดไร้แสงพลันสว่างด้วยแสงเทียน เขารู้ในทันทีว่าตัวเองนั้นเป็นคนตระกูลเหนือ เขาจึงตอบรับข้อความนั้น
จากนั้นโลกทั้งโลกพลันพังทลายลง ความรู้สึก ความคิด อารมณ์ด้านลบมากมายถาโถมใส่เข้าใส่ตัวของเหนือภพ ความทรงจำที่เขาไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหนือมากมายไหลทะลักเข้ามาไม่ต่างจากเขื่อนแตก ความทรงจำและการรับรู้ตัวตนค่อย ๆ คืนกลับมา
จนกระทั่งสติความนึกคิดของเขากลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาก่อนหน้ากลับหายไป ที่ชัดเจนนั้นเหลือเพียงแค่ไม่กี่ส่วน แต่กว่าที่เหนือภพจะได้ทำความเข้าใจความทรงจำที่ผุดขึ้นมา สถานที่ที่เขาหยุดยืนอยู่ก็พลันเปลี่ยนไป