สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 2
ตอนที่ 2 ตำรวจ และ รอยลิปสติก
ไม่ว่าลุคจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ สุดยอดนักเขียนหรือผู้ทรงอิทธิพลด้านเทคโนโลยี ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้หมายความว่าผู้หญิงระดับไฮคลาส จำนวนมากจะรีบพุ่งเข้ามาในอ้อมกอดของลุค ซึ่งลุคนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการไม่มีแฟนอีกต่อไป
ในความเป็นจริง ในฐานะของคนรวยหรือผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของสายอาชีพ ลุคไม่จำเป็นต้องหาผู้หญิงสวยๆ เองด้วยซ้ำ ควรจะมีผู้หญิงสวยและฉลาดมากมายที่ยินดีจะมาอยู่กับลุคทันทีที่ลุคกระดิกนิ้ว
แต่…ระบบสุดยอดนักสืบ? และภารกิจแรกคือให้ลุคกลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเนี่ยนะ?
ลุครู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
ทำไมหน่ะเหรอ?? เพราะว่า โรเบิร์ตเป็นเจ้าหน้าของรัฐ เขานั้นเป็นนายอำเภอของเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่
นายอำเภอที่ว่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยศประดับชื่อของโรเบิร์ตเท่านั้น
นายอำเภอในที่นี้ เรียกว่าผู้ที่สามารถบังคับใช้กฎหมายของเมืองได้หรืออีกนัยหนึ่งคือคนที่คล้ายกับหัวหน้าตำรวจ
การบังคับใช้กฎหมายในเมืองเล็กๆ เหล่านี้ค่อนข้างแตกต่างจากหน่วยงานตำรวจของเมืองใหญ่จำพวก LAPD หรือ NYPD ทั้งสองเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย แต่นายอำเภอได้รับเงินจากการเก็บภาษีของประชาชนภายในพื้นที่ของตนเองเท่านั้นไม่เหมือนกันกับตำรวจในเมืองใหญ่อย่าง กรมตำรวจของรัฐลอสแองเจลิส นิวยอร์ก เอฟบีไอ หรือ ชิล หรือ ซีไอเอ ที่ได้รับส่วนแบ่งเงินจากรัฐบาล
ในฐานะเขาอาศัยอยู่กับโรเบิร์ตมานานกว่า 10 ปี ลุคมีความเข้าใจอย่างชัดเจนมากเกี่ยวกับเงินเดือน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเล็กๆ สามารถได้รับต่อปี
โรเบิร์ตได้รับเงินรายปี 54,000 เหรียญสหรัฐต่อปีก่อนหักภาษี เท่านั้น ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดในสำนักงานนายอำเภอแล้ว สำหรับเจ้าหน้าที่ในระดับต้นๆ ที่พึ่งได้รับการบรรจุ รายได้ต่อปีอาจได้รับเพียงแค่ 32,000 เหรียญสหรัฐ
โรเบิร์ตในฐานะที่เขาเป็นนายอำเภอแต่เงินที่เขาได้รับก็แทบจะไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของเขาทั้งครอบครัวด้วยซ้ำ
โชคดีที่เท็กซัสเก็บภาษีต่ำที่สุดในสหรัฐอเมริกาและค่าครองชีพที่นี่ก็ค่อนข้างต่ำเช่นกัน นอกจากนี้ตัวของแคทเธอรีนเองยังทำงานเป็นครู ด้วยเหตุนี้เองครอบครัวของโรเบิร์ตจึงไม่ต้องอยู่อย่างแร้นแค้นและยากจน
แต่ทว่าตอนนี้เจ้าระบบบ้านี่ กำลังมอบเควสให้กลายเป็นตำรวจเนี่ยนะ? นี่มันกับดักชนชั้นกลางรึเปล่าเนี่ย?
เนื่องจากชื่อระบบเป็นสุดยอดนักสืบแต่ทำไมเขาถึงไม่กลายเป็นนักสืบอัจฉริยะ ของบริษัทฯ เอกชน หรืออะไรสักอย่างแนวๆนั้นไม่ได้?
ในฐานะนักสืบเอกชนมันเป็นไปได้ที่จะทำรายได้หลายล้านดอลล่าร์ต่อปีถ้าเขาทำได้ดี ด้วยความช่วยเหลือของระบบลุคอาจร่ำรวยและเป็นที่หนึ่งในฐานะนักสืบเอกชนก็ได้
แต่เขาจะมีอนาคตแบบไหนถ้าเขากลายเป็นแค่ตำรวจ? แม้แต่หัวหน้าตำรวจของนิวยอร์กก็ทำรายได้เพียงแค่ไม่เกิน 200,000 เหรียญสหรัฐต่อปีเท่านั้น
แน่นอนว่าพวกนายตำรวจยศสูงๆ ไม่ได้อาศัยเงินเดือนเพียงอย่างเดียวเพื่อที่จะร่ำรวย ถ้าไม่ใช่ทำงานสกปรกลับหลัง ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็อาจจะไปกล่าวสุนทรพจน์เขียนหนังสือหรือเข้าลงเล่นการเมืองหลังจากเกษียณอายุและสร้างรายได้ปีละหลายล้าน
แต่ในปีนี้ลุคอายุเพียงแค่ 18 ปี ยังไม่จำเป็นต้องไปคุยถึงเรื่องเกษียรอายุ นอกจากนี้หากลุคสามารถร่ำรวยได้หลังครบอายุเกษียณแล้วเขาจะมีเงินไปทำอะไร เป้าหมายชีวิตของเขาคืออะไร?
ที่แย่กว่านั้นคือเมื่อสามวันที่แล้วนั้น ลุคเพิ่งเกือบจะทะเลาะกับโรเบิร์ตในขณะที่คุยเกี่ยวเรื่องการงานของลุค นั่นเป็นเพราะโรเบิร์ตต้องการให้เขาเข้าร่วมกรมตำรวจหลังจากสำเร็จการศึกษา และเขาก็ดันปฏิเสธเขาอย่างเสียงแข็ง
เพราะว่าเป้าหมายของลุคคือการเป็นคนร่ำรวย
เขามีระบบ แม้ว่าระบบจะเปิดใช้งานหลังจากที่เขากลายเป็นผู้ใหญ่ เนื่องจากตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกาผู้ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปถือเป็นผู้ใหญ่ ในท้ายที่สุดพวกเขาสามารถเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ได้แล้วในวัยนั้น แล้วจะไม่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไรหล่ะ?
ลุคเคยเชื่อว่าเขาต้องอายุให้ครบ 21 ปี ก่อนระบบจึงจะเริ่มทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะระบบจะเปิดในวันที่เขาอายุครบ 18 ปี และหลังจากเปิดใช้งานก็ต้องการให้เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซะงั้น
…เขาได้ทำกรรมอะไรเอาไว้ทำไมพระเจ้าถึงให้ระบบไร้สาระนี่มาแทน
ลุครู้สึกเศร้าและอยากจะร้องไห้ในใจ
ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงโรเบิร์ต
แม้ว่าโรเบิร์ตจะไม่ใช่พ่อแท้ๆผู้ให้กำเนิด แต่เขาก็เลี้ยงดูปูเสื่อลุคในฐานะของคนในครอบครัวโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
ถ้าลุคเปลี่ยนใจกะทันหันและตกลงที่จะเป็นตำรวจ โรเบิร์ตจะแกล้งเขาให้มากที่สุดอย่างแน่นอน แต่ท้ายที่สุดโรเบิร์ตน่าจะช่วยเขาให้ทำงานเป็นนายตำรวจได้
โรเบิร์ตเป็นชาวเท็กซัสธรรมดาซึ่ง ที่ในอดีตเคยเป็นทหารในกองทัพ ต่อจากนั้นก็มีประสบการณ์ไปทำงานในฟาร์มปศุสัตว์ก่อนที่จะมาเป็นตำรวจในท้ายที่สุด เขาเป็นคนหยาบคายคนหนึ่งเลยหล่ะ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนตรงไปตรงมา
ลุคนอนบนเตียงโรงพยาบาลด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนและเริ่มปล่อยให้ความคิดของเขาพลุ่งพล่านและเขาก็หลับไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานเสียงก็ดังขึ้นข้างหูของเขา “ลุคตื่นเถอะ”
ลุคยังคงหลับครึ่งตื่น“ไม่นะแคลร์วันนี้มันเป็นวันหยุดของโรงเรียนนะ ให้ฉันนอนต่อหน่อยเถอะ”
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของแคลร์ก็ดังขึ้น “โรเบิร์ตตอนนี้ลุคน่าจะสบายดี แต่เขาไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงเลย ฉันจะทำอย่างไรกับเขาดีเนี่ย โอ้? คุณกำลังจะมา? ดีเลย ฉันกำลังจะไปตั้งแคมป์กับเชลลี่และคนอื่นๆ ฉันจะออกเดินทางในอีก 1 ชั่วโมง เยี่ยมไปเลยที่ได้ยินว่าคุณจะมา”
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกลิ่นอันหอมกรุ่นก็ลอยเข้ามาและริมฝีปากอุ่น ๆ ก็ตกลงบนแก้มของลุค จากนั้นเสียงก็ดังขึ้น “ลุคฝันดีนะ โรเบิร์ตกำลังจะมาแล้วดังนั้นฉันจะออกไปก่อน”
ลุคพึมพำอย่างไม่มีความสุขและหันกลับไปก่อนที่จะนอนต่อ
หญิงสาวหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย
ส่วนลุคยังอยู่ในดินแดนแห่งความฝันอย่างมีความสุข
ในความฝันของลุค เขาถือปืน RPG ในมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งถือปืน Gatling เขายิงอาวุธทั้งสองใส่กองทัพเอเลี่ยนจนกวาดกองทัพเอเลี่ยนทั้งหมด และเขาก็หัวเราะอย่างพอใจ “ฉันเป็นสุดยอดตำรวจ ใครอยากสู้อีก-”
ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังสั่นไหวราวกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้น อาคารรอบ ๆ ตัวเขาเริ่มถล่มและพังลงมาทับเขา
ปัง ลุคสะดุ้งตื่นและเอาหัวโขกกับอะไรบางอย่าง
หลังจากเสียงอู้อี้ลุคก็ลุกนั่งลงบนเตียงด้วยสายตางุนงง โรเบิร์ตถอนมือออกจากจุดที่เขาเคยเขย่าลุคและลูบศีรษะของเขาที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะก่อนที่จะพูดว่า “ยอดเยี่ยมมาก ดูเหมือนแกจะหายดีแล้วสินะ ทำร้ายร่างกายนายอำเภอ แต่เช้า”
ลุคค่อยๆหายจากความงุนงง แต่ยังคงลูบศีรษะด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เขาหัวเราะเบาๆ “โรเบิร์ตฉันไม่ใช่อาชญากรหรือผู้ร้ายที่ไหนนะ และอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่ลูกน้องของคุณนะ จำได้ไหม”
ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านั้นเขาก็ค้าง
เชี่ย! เขาคุ้นเคยกับการทะเลาะกับโรเบิร์ตมากเกินไป ตอนนี้เขาควรทำอย่างไร
ภารกิจแรกจากระบบคือการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเขาก็มีเวลาจำกัดเพียงแค่หนึ่งเดือน
และโรเบิร์ตเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยให้เขาเป็นตำรวจได้ภายในหนึ่งเดือน โรเบิร์ตเป็นนายอำเภอที่นี่และเป็นหัวหน้าของตำรวจภายในเมือง
และถ้าลุคกลายเป็นตำรวจโรเบิร์ตก็จะเป็นหัวหน้าของเขา
แต่บางทีอาจเป็นเพราะลุคยังคงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลซึ่งทำให้โรเบิร์ตไม่ได้โต้เถียงกับเขาเหมือนที่ผ่านมา แต่เขาถามว่า “แกเป็นยังไงบ้าง”
ลุคตอบว่า“ไม่ต้องสนใจเรื่องที่สลบก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันสบายดี ฉันแค่หิว”
โรเบิร์ตตอบว่า“ฉันจะไปหาอาหารให้แก” เขาหันหลังกลับไปหลังจากพูดแบบนั้น
แต่ลุครีบหยุดเขา "ไม่ต้องๆ ฉันหายดีอยู่แล้ว โรเบิร์ตพาฉันกลับบ้าน ฉันคิดถึงอาหารเช้าของแคทเธอรีน”
โรเบิร์ตหันกลับมาและพูดว่า“แกแน่ใจนะว่าหายแล้ว”
“เราทั้งคู่ไม่ใช่หมอ ถ้าจะออกจากโรงพยาบาลก็คงต้องได้รับความยินยอมจากแพทย์” โรเบิร์ตคิดขณะหนึ่ง และเขาก็ออกไปหาหมอของลุค
หมอมาถึงและก็ถามคำถามง่ายๆ เพื่อจะทดสอบว่าลุคไม่ได้เป็นอะไรแล้วและเขาก็น่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
แต่ก่อนที่เขาจะจากไปหมอก็อดไม่ได้ที่จะให้คำแนะนำเพิ่มเติม “ร่างกายคุณไม่ได้ผิดปกติอะไร นอกจากการถูกกระทบกระแทกที่หมอจำไม่ได้ว่าหมอเห็นมันนะเมื่อคืน แต่โดยรวมก็ปกติดี และ ก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยอย่านอนดึก”
ลุคเอามือลูบหัวที่ปูดขึ้นมาเนื่องจากโขกหัวกับโรเบิร์ต ก่อนหน้านี้ศีรษะของเขากระแทกเข้ากับโรเบิร์ตอย่างแรงและตอนนี้ยังเจ็บอยู่
เขาทำได้เพียงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ในก่อนจะพูดว่า“เข้าใจแล้วครับหมอ”
หลังจากนั้นไม่นานลุคและโรเบิร์ตก็อยู่ในรถฟอร์ดออฟโรด F150 และกำลังเดินทางกลับบ้าน
หลังจากอยู่บนถนนสักพักลุคไม่สามารถเริ่มบทสนทนา “โรเบิร์ตฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาสักหน่อย”
โดยที่ตาและมือของโรเบิร์ตยังคงมองไปที่ถนนและขับรถ โรเบิร์ตตอบว่า“โอ้...อะไรนะ?”
ลุคตอบว่า“โรเบิร์ต หลังจากที่คิดเรื่องงานอีกครั้งหนึ่งในสองสามวันมานี้ ฉันว่าเป็นตำรวจก็ไม่น่าจะแย่อะไรเท่าไรนะ”
"หา?" โรเบิร์ตเหลือบมองลุคด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ลุคกล่าวต่อว่า“ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะอยู่ในเป็นตำรวจ”
หวีด!
ยางรถยนต์ส่งเสียงดังบนหินทรายขณะที่ F150 เสียหลักและพุ่งลงทะเลทรายข้างถนน
ไม่กี่วินาทีต่อมารถก็มาหยุดสนิท
โชคดีที่บริเวณข้างทางเป็นพื้นที่ราบ แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่เรียบเล็กน้อย แต่ในฐานะของรถออฟโรด รถจึงกลับมาควบคุมได้เป็นปกติในชั่วเสี้ยววินาที ไม่ได้มีอันตรายใดๆเดินขึ้น
โรเบิร์ตปล่อยเบรคและจ้องไปที่ลุคด้วยความตกใจ “แก…แกมีไม่สบายอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
ลุคกลอกตาของเขา อาการไข้ของเขาเกิดจากการเชื่อมต่อกับระบบเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่ว่าเขาได้รับความเสียหายจากสมอง ซะหน่อย “ไม่. ฉันว่าฉันพูดชัดนะว่าไปคิดมาแล้ว ตั้ง 3 วันหนะ”
“งั้นทำไมแกถึงเปลี่ยนใจล่ะ? ฉันจำได้ว่าแกบอกว่าจะยอมตายดีกว่าอยู่อาศัยอยู่ที่นี่และกลายเป็นตำรวจ แกยังพูดด้วยว่าเป็นตำรวจมันจะยากจนข้นแค้นสุดๆ จนต้องกินดินแทนข้าวในอนาคต” โรเบิร์ตถาม
“เฮ้เฮ้ นั่นเป็นคำพูดลอยๆ เฉยๆ อย่าเอาไปคิดจริงจังสิ ฉันแค่ปฏิเสธเพราะฉันไม่เชื่อคุณเมื่อคุณอธิบายว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นงานที่ฉันจะได้รับเงินเดือนโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย” ลุคตอบ
โรเบิร์ตเบิกตากว้างก่อนจะพูด “ก็ถ้าแกไปเป็นตำรวจภายในเมืองน็อค แกจะต้องยุ่งแน่ ๆ และยิ่งถ้าเป็นตำรวจในเมืองใหญ่อย่างพวกนิวยอร์กก็น่าจะเหนื่อยตายกันไปข้างหนึ่ง แต่ในเมืองเล็กๆ นี้แกจะทำงานอยู่ใต้สายบังคับบัญชาของฉัน และมันก็ไม่ได้มีงานอะไรมากมายจะให้ทำนักหรอก นอกจากไปช่วยแมวลงจากต้นไม้”
ลุคส่ายหัวเราะเบาๆ “ได้ ฉันยอมรับว่าฉันผิด โรเบิร์ตคุณเป็นหัวหน้าฉันต่อจากนี้ สั่งงานมาได้เลยและฉันพร้อมที่จะฟังคุณนับจากนี้”
โรเบิร์ตจ้องไปที่ลุคก่อนที่จะคำรามพร้อมกับเสียงหัวเราะและตบไหล่ลุค “ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุด! นี่เป็นครั้งแรกที่แกเคยยอมรับความพ่ายแพ้! ลุคจำวันนี้ไว้ให้ดี! แกหนะแพ้ในครั้งนี้นะ!”
ลุคตอบว่า“ เหอะๆ จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ถ้ามันจะทำให้ให้คุณนอนหลับฝันดีในตอนกลางคืน”
หลังจากนั้น รถF150 เข้าสู่ถนนอีกครั้ง และเริ่มมุ่งหน้ากลับบ้าน ระหว่างทางมีเพียงเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราวของโรเบิร์ต
เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน ลุคก็เปิดประตูบ้านโดยที่ไม่ได้รอโรเบิร์ตลงจากรถ เขาผลักประตูให้เปิดโดยตรงและเข้าไปในบ้านพร้อมกับพูดว่า“แคทเธอรีนฉันกลับบ้านแล้ว!”
หัวเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากห้องนั่งเล่น "ลุคสบายดีไหม”
ลุคเดินไปเข้าไปไกล้ ก่อนจะพูดว่า“ฉันสบายดีอยู่แล้วตะหากแค่ง่วงเฉยๆ แล้วนั่นโจเซฟกำลังทำอะไร? หยุดเล่นเกมส์โดยไม่ได้รับอนุญาตเดียวนี้เลย”
ใบหน้าเล็กๆ ของโจเซฟ เริ่มเบ้ปาก และพูดว่า“แคทเธอรีนตกลงกับฉันไว้ว่า ฉันจะเล่นได้หนึ่งชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นพี่ไม่ใช่แคลร์”
ลุคยักไหล่ “ก็ได้ๆ เล่นต่อไปก็ได้แต่อย่าลืมหยุดเล่นเมื่อถึงเวลา”
โจเซฟค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ยังพยักหน้า "แน่นอน. อย่ามาทำให้เสียเวลาน่า" จากนั้นเขาก็นั่งลงบนพื้นและจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ต่อขณะที่เขาเล่นเกม
ในขณะนั้นแคทเธอรีนเดินออกจากห้องครัวและมองไปที่ลุคด้วยสีหน้ากังวล
ลุคก้าวเข้าไปและกอดแคทเธอรีนก่อนจะพูดว่า“ฉันสบายดี แต่หิวนิดหน่อย อาหารเช้าพร้อมหรือยังแคทเธอรีน”
แม้จะได้ยินอย่างนั้น แต่แคทเธอรีนก็ยังคงกังวลและชำเลืองมองไปที่โรเบิร์ตซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาภายในบ้าน
โรเบิร์ตดูเหมือนจะอ่านใจเธอได้ขณะที่เขาตอบว่า“มันสบายดี ฉันไปตรวจกับหมอแล้ว”
หลังจากนั้นก็เกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของแคทเธอรีนขณะที่เธอพูดว่า "โอเค ถ้างั้นมาทานอาหารกันเถอะ อาหารเช้าเสร็จพอดี”
เธอหันกลับมาและอดยิ้มไม่ได้และชี้ไปที่ใบหน้าของลุคก่อนจะพูดว่า“แต่ระหว่างทานอาหาร ไหนบอกซิว่าได้ไปจีบพยาบาลสาวคนไหนอยู่ที่โรงพยาบาลไหมเนี้ย”
ลุคไม่รู้เรื่องที่เธอพูดถึง หลังจากเข้ามาในห้องอาหารและมองไปที่ช้อนส้อมสแตนเลสบนโต๊ะอาหาร ลุคก็สังเกตเห็นว่ามีรอยแดงๆ ที่แก้มของเขา
พอลุคมองดูดีๆ และพอรู้ว่ามันคือรอยลิปสติกเขาก็พูดไม่ออกทันที
ระหว่างทางกลับจากโรงพยาบาลเขาได้พบกับผู้คนมากมาย ถึงว่าพวกเขาหลายคนยิ้มและหัวเราะ เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเขา
ก่อนหน้านี้ลุคไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้ผู้คนมีความเป็นมิตรซึ่งกันและกัน ลุคเดาว่าเพราะความที่ในเมืองมีอัธยาศัยดี ของผู้คนที่นี่ทุกคนต่างก็ยิ้มให้เขาเพราะเขาหล่อมาก
แต่ตอนนี้ลุคเข้าใจแล้วว่าทำไม เขานั้นเดินไปรอบๆ โดยมีรอยลิปสติกสีแดงสดที่แก้มตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนจะคิดอย่างไรเมื่อเห็นสิ่งนี้กัน?
จากวิธีที่พวกเขามองเขา ความคิดของพวกเขาต้องเป็นคิดว่า มันเป็นเรื่องดีที่ยังเด็กอยู่
เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะเช็ดรอยลิปสติกออก แต่เขาใช้เวลาพอสมควรก่อนที่จะนึกถึงทุกสิ่งตั้งแต่เมื่อวานและวันนี้
ข้างๆ เขาโรเบิร์ตยังมองเขาอย่างล้อเลียนและพูดว่า“ว่าไง? แกจำได้ไหมว่าเป็นพยาบาลคนไหน”
ดวงตาของลุคไหววูบในขณะที่เขาพูดว่า“ฉันจำได้ว่าเมื่อสองวันก่อนงานพรอมที่สำเร็จการศึกษาแคลร์ไปซื้อลิปสติกใหม่”
โรเบิร์ตที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเป็นนายอำเภอถือว่ายังพอมีความฉลาดเพียงพอที่จะเข้าใจความหมายของคำเหล่านั้นทันที
และเมื่อเขาศึกษารอยลิปสติกนั้นเส้นสีดำก็เกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาทันทีขณะที่เขาพูดว่า " ยัยเด็กนั่น"
ลุคยักไหล่และหยิบผ้าเช็ดปากออกมาและเช็ดรอยออก
ในขณะนั้นแคทเธอรีนมาพร้อมอาหารเช้า
แต่เธอถืออาหารเช้ามาให้ลุคเท่านั้น
โรเบิร์ตได้ทานอาหารก่อนไปทำงานแล้ว อันที่จริงเขาอยู่ระหว่างเดินทางไปทำงานก่อนที่จะอ้อมและมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเพื่อดูลุค ไม่ว่าในกรณีใดนี่เป็นเมืองเล็ก ๆ ดังนั้นเขาจึงถือว่าเป็นนี่เป็นส่วนหนึ่งของการลาดตระเวนประจำวันของเขา
ส่วนแคทเธอรีนกินข้าวกับโจเซฟมาก่อนหน้านี้แล้ว เด็กๆต้องกินตรงเวลา ดังนั้นโจเซฟไม่สามารถรอจนกว่าจะกินข้าวเช้าในเวลาสายขนาดนี้
ลุคหยิบนมอุ่น หนึ่งแก้วออกจากไมโครเวฟแล้วเทลงในชามข้าวโอ๊ตก่อนจะพูดว่า“อืม กินแล้วนะ”
แคทเธอรีนยิ้มและพยักหน้า “ได้จร๊ ว่าแต่ว่าจำได้รึยังว่าเป็นพยาบาลคนไหน”
ลุคไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับคำถาม แต่โรเบิร์ตซึ่งกำลังดื่มน้ำอยู่ ก็พ่นน้ำออกมาทันที
โชคดีที่เขานั่งอยู่ที่มุมอื่นของโต๊ะอาหารเช้าของลุคจึงรอดพ้นจากการสำลักของโรเบิร์ต
ลุครับประทานแซนวิชแฮมเข้าปากอย่างไม่เร่งรีบ
แต่ว่า มีคำกล่าวว่าทุกอย่างในเท็กซัสมักจะมีขนาดที่ใหญ่ผิดปกติ
ตัวอย่างเช่นแซนวิชที่เขากินหนากว่าแซนวิชธรรมดา ขนาดโดยรวมก็ใหญ่ขึ้นเช่นกันและแม้แต่แฮมข้างในก็หนากว่าแฮมทั่วไป คู่กับผักสองชิ้นและแตงกวาดองโฮมเมดที่ทำโดยแคทเธอรีน แซนวิชขนาดใหญ่ที่มีรสชาติขของขนมปัง เนื้อสัตว์ ความหวาน ความเปรี้ยว และ ยังมีความสดใหม่จากชิ้นผักอีกด้วย นี่เป็นเพียงรสชาติที่ลุคชอบ
แม้ในชีวิตก่อนหน้านี้ลุคชอบกินเบอร์เกอร์และแซนด์วิช ต่างจากคนอื่น ๆ เขาไม่ได้กินอาหารประเภทนั้นเพื่อประหยัดเวลา แต่ลุครักพวกมันอย่างแท้จริง
และด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่รู้สึกแปลกแยกกับชีวิตใหม่ในเท็กซัสนี้
นอกจากนี้ยังมีชาวจีนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเท็กซัสเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮูสตันและฟอร์ตเวิร์ธ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีคนนำอาหารจีนจากสองแห่งนี้มาเป็นระยะ ๆ
ในแง่ของอาหารอาหารเท็กซัสเหมาะกับรสนิยมของเขาอย่างแท้จริง
แซนวิชทั้งหมดมีน้ำหนักประมาณ 600 กรัม และลุคก็รับประทานเสร็จในเวลาไม่นานนัก เขายังเติมนม และข้าวโอ๊ตก่อนที่จะตบหน้าท้องด้วยความพึงพอใจ “ฮู่วว อิ่มม ก่อนหน้านี้รู้สึกหิวจนแทบจะกินไก่ได้ทั้วตัวเลย”
ทางด้านโรเบิร์ตได้อธิบายแล้วว่ารอยลิปสติกมาจากไหนถึงแคทเธอรีนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา นั่นทำให้แคทเธอรีนหลุดหัวเราะออกมา
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของลุคเธอก็พูดอย่างสงสัยว่า“โรเบิร์ตไม่ได้เอา เบอร์เกอร์ หรืออย่างอื่น ให้เธอรองท้องก่อนหรอ??”
ลุคตอบว่า“มันจะมีอะไรมาเทียบกับอาหารของคุณได้อย่างไร เพราะงั้นผมเลยรอกลับบ้านก่อนแล้วค่อยกินไง”