ตอนที่แล้วตอนที่ 220 วิถีปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 222 จดหมาย

ตอนที่ 221 แต่งงาน


มุกดาราบ่นสั่งสอนอินวิชิตไปพักใหญ่ โดยเธอไม่ลืมร่ายยาวเหยียดถึงมาตรฐานที่หอเก้าสมบัติควรมี  จนเหนือภพต้องแคะหูอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไป อินวิชิตจัดเตรียมห้องที่ดีที่สุดให้มุกดารา โดยเฉพาะสถานที่อาบน้ำที่ถูกเลือกให้อย่างวิจิตรและสะดวกสบายที่สุด ส่วนเหนือภพกับบุหรงนั้นควรจะพากันกลับวิทยาลัย พวกเขาก็หายหน้าไปนานต่างฝ่ายต่างก็มีคนที่เป็นห่วงรอคอยอยู่

ทว่าหากพาบุหรงกลับไปแบบนี้คงไม่ดีแน่ ชายหนุ่มจึงหาห้องพักสงบเงียบในเมือง เพื่อให้บุหรงได้เก็บตัวอยู่ที่นั่น พร้อมกับที่เขาต้องกระตุ้นบุหรงให้ฝึกลมปราณพุทธะ

“รุ่นพี่ท่านต้องฟังข้า ท่านต้องฝึกมันอย่างน้อยวันละสองครั้ง แล้วท่านก็จะสามารถควบคุมอาการง่วงนอนไม่รู้เวลาล่ำเวลาได้บ้าง”

“ไม่อ้าว ! ข้าจะนอน”

หญิงสาวพูดพลางตลบผ้าห่ม แล้วกลิ้งตัวให้ผ้าห่มห่อพันตัวไว้จนแน่น ขณะที่ชายหนุ่มก็พยายามจะดึงมันออก ทั้งคู่ยื้อฉุดกันไปมา พร้อม ๆ กับพูดคุยไปด้วย

“รุ่นพี่ ท่านอ้วนขนาดนี้แล้วเนี่ย ผู้ชายที่ไหนจะอยากแต่งกับท่านกัน”

บุหรงได้ยินเช่นนั้นก็หูตาสว่าง นางตลบผ้าห่มลง แล้วโผล่หัวออกมาโวยวายด้วยท่าทางงอแง

“ไม่นะ ข้าไม่อยากขึ้นคาน ถ้าข้าไม่ได้แต่ง เจ้าก็ต้องรับผิดชอบ”

พอนางก้มหน้าพิจารณารูปร่างของตัวเอง ก็ถึงกับร้องคร่ำครวญ ก่อนที่แววตาจะเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น นางเริ่มฝึกลมปราณพุทธะ

ทว่าพอนางฝึกไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ขี้เกียจเสียแล้ว เพราะบาปแห่งความเกียจคร้านนั้นหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของนางโดยสมบูรณ์ แม้ลมปราณพุทธะจะไม่ได้มีขีดจำกัด ใครก็ฝึกมันได้ ทว่าพุทธะกับปีศาจย่อมเหมือนความมืดกับแสงสว่าง มันค่อนข้างยากที่นางจะมีใจจดจ่อต่อลมปราณพุทธะ ต่างจากเหนือภพที่เขาเริ่มฝึกตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะถูกสิ่งสู่โดยความบาป เขาจึงไม่เป็นอย่างบุหรง

บุหรงที่กำลังนั่งสัปหงก เด้งตัวขึ้นมากล่าวเสียงดัง

“ไม่ได้ข้าจะต้องได้แต่ง”

เหนือภพค่อนข้างตกใจ ความรู้สึกแข็งกล้าของผู้หญิงนั้นน่ากลัวนัก พอนางรู้ตัวว่าอาจไม่ได้แต่งงาน แรงฮึกเหิมในการฝึกฝนก็เพิ่มมากขึ้น โดยมีเขาคอยให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ เพื่อให้นางสามารถเข้าถึงลมปราณพุทธะได้เร็วขึ้น ดังคำที่ว่า ‘ทุกคนต่างมีมารในใจ’

ลมปราณพุทธะเป็นสิ่งวิเศษ ไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายมารในใจ แต่มันจะช่วยให้เรามีสติกดข่มมารดื้อได้ มารในใจไม่ได้ร้ายจนต้องกำจัดทิ้งไปจากจิตใจ ดังคำที่ว่า ‘คนเรามีทั้งดีและเลว’ ดังนั้นเราต้องมีสติ ลมปราณพุทธะจะช่วยให้เรามีสติปัญญา มีสติขบคิดแยกแยะได้ว่าความรู้สึกที่โผล่ขึ้นมาเป็นครั้งคราวนั้น เราห้ามไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราจะทำหรือใช้มันอย่างไร ให้เกิดประโยชน์และไม่สร้างความเดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น

สามวันต่อมา

บุหรงดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น นางรู้สึกขี้เกียจน้อยลงบ้างแล้ว แต่การจะลดความอ้วนภายในระยะเวลาสั้น ๆ นั้นไม่อาจทำได้ นั่นทำให้หญิงสาวค่อนข้างจะจิตตก

“นี่รุ่นพี่ ท่านจะกังวลไปทำไม ท่านออกจะสวยแบบนี้ ย่อมมีคนแต่งกับท่านแน่นอน”

เหนือภพนอนกินผลไม้ พลางมองดูบุหรงที่ยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจก เขาเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าบุหรงจะจริงจังกับเรื่องแต่งงานขนาดนี้ ตอนพบกันครั้งแรก เขารู้สึกว่านางเป็นผู้หญิงที่ไม่แยแสผู้ชายด้วยซ้ำไป

“เจ้ามันก็พูดได้นี่ ก็เจ้ามันหุ่นดี ไม่อ้วนแบบข้า หากข้าไม่ได้แต่ง ก็อย่าหวังว่าเจ้าจะได้แต่ง คอยดูเถอะ ฮึ !”

“เสียใจด้วยนะ ข้ามีภรรยาแล้ว เห็นทีว่าจะเป็นอย่างที่ท่านพูดไม่ได้” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง

“ผู้หญิงที่ชื่อจันทร์เจ้าสินะ ข้าว่าแล้วเชียว”

บุหรงหรี่ตามองเหนือภพอย่างเป็นต่อ เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิด ความสัมพันธ์ของเหนือภพกับน้องสาวมันดูแปลก ๆ

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม ยังไงข้าก็มีความรักที่แสนหวานชื่น โฮะ โฮะ โฮะ”

ท่าทางอารมณ์ดีมีความสุขของเหนือภพ ทำให้สาวอวบหน้าบึ้งแก้มกลมป่อง เมื่อเหนือภพเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะ

“ได้ ๆ ข้ามีเพื่อนชายที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกหลายคน แต่ละคนก็ล้วนหน้าตาดีมีฐานะ ถ้ามีโอกาสข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จัก รับรองท่านไม่มีวันขึ้นคานหรอก”

หญิงสาวค่อย ๆ คลายใบหน้าบึ้งตึง

“จริงนะ”

“จริงสิ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงปักใจเรื่องการแต่งงานนัก หญิงสาวที่เก่งกาจและหาเลี้ยงตัวเองได้ สามารถอยู่ตัวคนเดียวก็ได้อยู่แล้ว แต่ในมุมมองของเหนือภพนั้นเขาสามารถคิดอย่างนั้นได้ เพราะเขามีคนที่รักอยู่ในใจ ต่างจากบุหรง นางไม่มีใครเลย แม้แต่ครอบครัวก็ยังไม่ต้องการ ดังนั้นลึก ๆ ในใจนางจึงโหยหาความรักความเอาใจใส่ และในบั้นปลายชีวิตก็อยากมีคนมาเคียงคู่ แบ่งปันความสุขความทุกข์ไปด้วยกัน

บุหรงจ้องมองดวงตาของคนในกระจกอย่างต้องการค้นหาคำตอบ ความกล้าหาญและความมั่นใจของเธอหายไปไหนหมด เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก อีกทั้งยังมีแรงปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ เธอไม่เคยรู้สึกด้อยค่าเช่นนี้มาก่อน

‘บุหรง เจ้าจะจมปลักอยู่กับปีศาจในใจอยู่อย่างนี้เหรอ ตื่นได้แล้ว ตื่น !’

หญิงสาวตะโกนเรียกตัวเองอยู่ในใจ เมื่อเธอรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา เธอก็ไปนั่งสมาธิฝึกจิตตามที่เหนือภพชี้แนะ จากนั้นไม่นานเธอก็…

คร่อกกก...

วันต่อมาเหนือภพกับบุหรงก็พากันกลับไปที่วิทยาลัย ทุกคนต่างตกใจกันใหญ่ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างคิดว่าทั้งเหนือภพและบุหรงนั้นตกตายตามกันไปแล้ว เพราะพวกเขาหายตัวนานมาก ตามที่หาไหนก็ไม่เจอ แต่จู่ ๆ ทั้งสองคนก็ยังรอดกลับมา

ทว่าการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของบุหรง ทำให้หลายคนลังเลใจว่าหญิงสาวคนนี้ใช่บุหรงตัวจริงหรือไม่ มิใช่ว่าเหนือภพลวงบุหรงไปฆ่าแล้วให้หญิงสาวคนอื่นปลอมตัวมาหรอกหรือ เพราะในช่วงเวลาแค่ครึ่งเดือนกว่า จากสาวงามหุ่นกระชากใจจะกลับกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

เหนือภพไม่สนใจจะอธิบายความจริงกับใครทั้งสิ้น พอกลับมาถึงเขาก็พยายามตามหาพราวจันทร์ แต่คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นว่า

“พี่ภพ ! จันทร์เจ้ารู้ว่าพี่หายตัวไป เธอก็เสียใจมาก หลังจากนั้นก็มีคนมารับตัวเธอกลับไปเมืองหลวง เมื่อยี่สิบวันก่อนแล้วค่ะ”

มะลิบอกอย่างไม่ปิดบัง เมื่อเหนือภพมาสอบถามกับเธอ ขณะนั้นมะลิก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระสีชมพูของตัวเอง

“อ่ะนี่ค่ะ จันทร์เจ้าบอกข้าว่า ถ้ามีโอกาสได้เจอพี่อีก ให้มอบมันให้พี่กับมือ”

เหนือภพรับซองจดหมายปิดผนึกด้วยอาคมมา ก่อนจะยิ้มให้มะลิด้วยความขอบคุณ

“ขอบคุณเจ้ามาก”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูดีใจนะที่พี่ไม่เป็นอะไร”

มะลิพูดจบก็บิดตัวอย่างเขินอาย ทว่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเหนือภพอีกทีก็เห็นเพียงสนามหญ้าที่ว่างเปล่า เหนือภพหายตัวไปแล้ว

เหนือภพแยกตัวออกมาเพื่อใช้เวลาครุ่นคิด ใครกันที่รับตัวเมียจ๋าของเขากลับไป จะเป็นไปได้ไหมว่าพวกนั้นคือกลุ่มภราดา เพราะเมียจ๋าค่อนข้างมีความกังวลเกี่ยวกับกลุ่มภราดามากเป็นพิเศษ เขาในตอนนั้นก็ได้แต่รับฟังนางแต่ ก็ไม่ได้ขบคิดอะไรอย่างจริงจัง เพราะเขาไม่เคยเข้าใจ อีกทั้งคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของนาง เขาจึงไม่อยากยุ่มย่ามให้นางไม่สบายใจ

แต่พอเขาได้รู้เรื่องจากอาจารย์มุกดารา เกี่ยวกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อลองนำมาผนวกรวมกันกับกลุ่มภราดรที่แสนลึกลับ ซึ่งนับเป็นขุมอำนาจใหญ่ของคนไร้พรสวรรค์ พวกนั้นยังคะยั้นคะยอให้เมียจ๋าของเขาเกี่ยวดองกับราชวงศ์ผ่านทางองค์ชายชัยวิชิตนั่นอีก เรื่องนี้มันเริ่มจะไม่ชอบมาพากลขึ้นทุกที ไหนจะเป็นการเคลื่อนไหวของลัทธิดับสุริยันอีก

เหนือภพรีบเปิดผนึกจดหมายออก อย่างน้อยจดหมายนี่ก็ถูกลงผนึกอาคมไว้อย่างดี หากไม่ใช่เขาก็จะไม่มีใครเปิดได้ อย่างน้อย ๆ เขาก็ได้รู้ว่าเมียจ๋าตั้งใจเขียนจดหมายให้เขา นางไม่ได้ไปอย่างรีบร้อนหรือถูกบังคับไปแน่

ไม่รู้นางทิ้งอะไรไว้ให้เขา นางจากไปตั้งยี่สิบวัน ไม่รู้ป่านนี้กลุ่มภราดาจะให้นางทำอะไร ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย

----------------------------------------------

พี่ภพ…ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ไหน แต่หากท่านพี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็แสดงว่าท่านพี่ปลอดภัยดี ข้าต้องขอโทษจริง ๆ ที่ต้องรีบด่วนจากไป

ข้าเป็นถึงผู้นำคนหนึ่งของผู้ไร้พรสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจทำตามใจได้อีก ตราบใดที่ผู้ไร้สวรรค์อย่างเรายังถูกกดขี่อยู่แบบนี้

ข้าไม่คาดหวังให้ท่านพี่ต้องมาลำบากกับข้า ขอให้ท่านพี่เรียนหนังสือต่อให้จบเถิด หากเรื่องราวสำคัญคลี่คลายไปได้มากกว่านี้ ข้าจะกลับไปหาท่านพี่เอง ไม่ต้องเป็นห่วงข้า

รักและคิดถึง

เมียจ๋าของท่านพี่

----------------------------------------------

‘นี่มันอะไรกัน’

ประโยคคำถามปรากฏอยู่เต็มหัวของเหนือภพ เขาไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของแคว้นอมตะมากนัก เลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พวกนั้นจึงพยายามที่จะลุกขึ้นสู้ ตั้งแต่เล็กจนโตเหนือภพก็คุ้นเคยกับสังคมแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะยากจน มีสภาพความเป็นอยู่และชีวิตที่แสนลำบาก แต่ผู้คนในหมู่บ้านแร่ห้าสีก็ล้วนเป็นมิตรต่อกัน ไม่ได้มีการแบ่งชนชั้นแยกผู้ไร้พรสวรรค์กับผู้มีพรสวรรค์ออกจากกันอย่างเด็ดขาด เขาจึงไม่มีความรู้สึกว่าผู้มีพรสวรรค์นั้นน่าชิงชังอะไรขนาดนั้น

เหนือภพพ่นลมหายใจออกจากปาก ขณะตัดสินใจได้ว่าเขาควรจะกลับเมืองหลวง อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อให้แน่ใจว่าน้องสาวของเขาจะไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามที่หาสาเหตุไม่ได้ ถึงรบกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา มีแต่จะทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้รับประโยชน์

ณ หุบเขาแห่งหนึ่ง

การกลับมาของเหนือภพนั้นสร้างความวิตก ให้แก่กรจักรและหลานไพลินเป็นอย่างมาก ทั้งสองต่างยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดหลังได้รับข่าว ว่าเหนือภพกลับมาถึงวิทยาลัยแล้ว

“เห็นทีเราจะเก็บเขาเอาไว้ไม่ได้แล้ว”

หลานไพลินเสนอความคิด กรจักรก็เห็นด้วย เขาพยักหน้าน้อย ๆ แต่ก็ยังคงขบคิดอะไรบางอย่าง

“อีกกี่วันจะถึงงานแต่งงานของพราวจันทร์กับองค์ชายชัยวิชิต พอจะเร่งเวลาให้เร็วขึ้นอีกได้หรือไม่”

กรจักรถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อีกสิบวันค่ะ ทางองค์ชายรองอยากให้งานนี้ออกมาดีที่สุด ดังนั้นจึงต้องใช้เวลา การจะขอเร่งเวลาคงเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างแม้ว่าทางราชวงศ์จะยอมรับการสมรสนี้ แต่พวกเขาก็ใช่ว่าจะยินดี ดังนั้นอย่าให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจะดีกว่า ไม่งั้นแผนการที่พวกเราวางไว้จะพังกันหมด”

หลานไพลินตอบ พลางหันไปเพ่งมองข้างนอกหน้าต่างห้อง ราวกับจะเพ่งมองให้ทะลุจากหุบเขาแห่งนี้ไปถึงวิทยาลัยที่อยู่ไกลเป็นพัน ๆ โยชน์

กรจักรครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“การจะกำจัดเหนือภพนั้นไม่ใช่เรื่องดี อย่าลืมว่าศิษย์พี่ของมันเป็นใคร และหากเจ้าตึกบุปผารู้เรื่อง ก็คงไม่เป็นผลดีต่อเราแน่ หากนางทรยศขึ้นมาพวกเราอาจจะตายกันหมด ดังนั้นขัดขวางเขาไว้ ทำยังไงก็ได้ ดึงความสนใจเขาไว้ที่นั่น จนกว่าการแต่งงานจะผ่านพ้นไป”

“ได้ ข้าจะให้คนของข้าจัดการ”

พูดจบหลานไพลินก็พลิ้วกายจากไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด