ตอนที่แล้วจอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 9
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 11

จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 10


ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


ตอนเล่นเกมแล้วต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันทำให้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียจริงๆ

วิ่งเข้าใส่บอสโดยไม่มีพลังชีวิต ไม่มีค่าสเตมินา ไม่มีมานา

ไม่มีอะไรเจ็บปวดยิ่งกว่านี้อีกแล้ว ฉินเทียนกำลังรู้สึกแย่ อยู่ๆบอสก็ปรากฏตัวออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบอสร่างมนุษย์ นี่จะให้เขาทำอย่างไร!

เผชิญหน้ากับฉินเซี่ยงเทียนที่มีรัศมีสีทองอันเจิดจ้าอยู่รอบกายแล้ว ฉินเทียนยิ่งรู้สึกหดหู่ นี่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับน้องสาวคนงามที่กำลังถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นเพื่อยั่วยวนเขา

แม้จะรู้สึกว่าน่าตื่นเต้นอย่างมาก แต่ความยากของการเผชิญหน้าก็เป็นของจริง

ไม่มีค่าพลังปราณก็ไม่อาจใช้เคล็ดมังกรฟ้าได้ หรือต่อให้ฝืนใช้ไปก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย หลังจากใช้ท่าใหญ่ไป ร่างกายของเขาก็แทบจะขยับไม่ไหว พลังปราณและโลหิตภายในกายถูกเผาผลาญไป ค่าพลังชีวิตของเขาก็เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

ผู้คนต่างไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่เขาขณะกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูยอดฝีมือแล้วยังหัวเราะได้อยู่

เป็นไปได้หรือไม่ว่าพลังปราณจากมือยักษ์เมื่อครู่จะทำให้มันบาดเจ็บจนเสียสติไป?

ฉินเซี่ยงเทียนไม่ได้ใส่ใจมากนัก จากที่ก้าวเท้าอย่างปลอดโปร่งพลันเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เหลือบมองบุตรชายของมันที่สลบไสลอยู่บนพื้นแล้ว ความโกรธของมันพลันปะทุขึ้นอีกครา มันต้องการจะทุบตีฉินเทียนให้กลายเป็นศพไป

ฉินเทียนมองฉินเซี่ยงเทียนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาโดยปราศจากท่าทีกลัวเกรงแล้ว เขาต้องอุทานขึ้นในใจ "สมกับเป็นบอสจริงๆ เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนด้วย"

"รอก่อนเถอะ ดูว่าบิดาผู้นี้จะระเบิดเจ้าเป็นชิ้นๆได้หรือไม่"

"ค่าประสบการณ์ที่ได้จากบอสจะต้องมากมายมหาศาล...."

"บางทีอาจจะเป็นหลายเท่าเลย....โอ้.."

ฉินเทียนเสียสติไปแล้วหรือ?

ทุกคนที่อยู่ภายในลานฝึกยกเว้นเมิ่งเล่ยต่างคิดว่าฉินเทียนเสียสติไปแล้วจริงๆ

หากยังไม่หลบหนีอีก เขาจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของฉินเซี่ยงเทียน

"นายน้อย......." เมิ่งเล่ยค่อนข้างกังวลขณะฝืนบังคับร่างกายมุ่งไปหาฉินเทียน ทว่าความเร็วของมันจะเทียบกับความเร็วของผู้ที่อยู่ในระดับสุดยอดชั้นจิตวิญญาณได้อย่างไร?

แต่แน่นอนว่าความเร็วของผู้ที่อยู่ในระดับสุดยอดชั้นจิตวิญญาณหรือจะเทียบได้กับความเร็วของผู้ที่อยู่ในชั้นจิตพิสุทธิ์

ท่ามกลางฝูงชนพลันมีเงาร่างพุ่งออกมา ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาไว้ที่ด้านหลัง

"หยุดมือ!"

ตัวคนยังมาไม่ถึง ทว่าเสียงกลับมาถึงก่อนแล้ว

บุรุษผู้สวมชุดยาวสีดำ คิ้วทั้งสองคมเข้มเป็นเส้นตรง ร่างกายเปล่งรัศมีจางๆออกมา ร่างนั้นร่อนลงมาบนพื้นก่อให้เกิดคลื่นพลังปราณแผ่ออกเป็นชั้นๆ คลื่นพลังปราณที่ปล่อยออกมาเมื่อเข้าปะทะกับพลังปราณของฉินเซี่ยงเทียน พลังปราณของฉินเซี่ยงเทียนก็พลันสลายไป

ฉินเซี่ยงเทียนยืนเชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนงอยู่ที่เบื้องหน้าฉินเทียนที่กำลังกำมือด้านหลังเอาไว้แนบแน่น

ประมุขตระกูลฉิน ฉินซานเทียนมาถึงแล้ว

"ขอบเขตชั้นจิตพิสุทธิ์ช่างทรงพลังอย่างแท้จริง ช่องว่างของระดับก็กว้างนัก จำต้องมีทั้งความพยายามและพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม"

ฉินซานเทียนให้ความรู้สึกที่ไม่อาจหยั่งถึงออกมา แสงที่ปลดปล่อยออกจากร่างของมันสามารถสลายพลังปราณอันรุนแรงของฉินเซี่ยงเทียนได้ในชั่วลมหายใจ นี่แน่นอนว่าผู้คนทั่วไปย่อมไม่อาจกระทำได้

ยอดฝีมือลำดับหนึ่งของตระกูลฉินช่างแข็งแกร่งจนผิดสามัญสำนึก

ฉินเซี่ยงเทียนพลันรู้สึกหวั่งเกรงในใจ "มันทะลวงผ่านไปชั้นจิตพิสุทธิ์ได้แล้ว!"

มันตกตะลึงอย่างหนักขณะมองดูแสงที่เปล่งออกมาจากร่างของฉินซานเทียน นี่คือสัญลักษณ์ของชั้นจิตพิสุทธิ์ อัจฉริยะในรอบร้อยปีของตระกูลฉิน ใครจะคิดเล่าว่าชายผู้ยังมีอายุไม่ถึงสี่สิบปีผู้นี้จะสามารถบรรลุชั้นจิตพิสุทธิ์ได้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง

"คารวะท่านประมุข"

ศิษย์หลายร้อยคนภายในลานฝึกฝีมือต่างโค้งตัวคำนับและตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง สำหรับพวกมันแล้ว ประมุขตระกูลผู้นี้มีฐานะไม่ต่างไปจากเทพเจ้า มันสามารถสลายพลังปราณของระดับสุดยอดชั้นจิตวิญญาณได้เพียงใช้ความคิด ความแข็งแกร่งที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ย่อมควรค่าต่อการเคารพเทิดทูน

"ไม่จำเป็นต้องมากพิธี"

ฉินซานเทียนหัวเราะน้อยๆอย่างเป็นกันเองและเหลือบมองไปที่ฉินคุนซึ่งนอนอยู่บนพื้น มันเดินตรงเข้าหาก่อนจะประคองร่างของฉินคุนขึ้นมา พลังปราณอันอ่อนโยนถูกถ่ายทอดไปยังแผ่นหลังของฉินคุนอย่างช้าๆ กระแสพลังปราณค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในร่างของฉินคุน ใบหน้าที่เดิมทีซีดเผือดเริ่มค่อยๆมีสีเลือดดวงตาของฉินคุนค่อยๆเปิดขึ้น

"หึหึ ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว" ฉินซานเทียนประคองฉินคุนลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มันหยิบขวดยาออกมาเทเม็ดยาและยื่นให้ฉินเซี่ยงเทียน "นี่เป็นยาฟื้นฟูสามเม็ด เอาให้มันกิน ร่างกายของมันสมควรดีขึ้น"

ฉินเซี่ยงเทียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย มันลอบชำเลืองฉินเทียนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและกำหมัดแนบแน่น

"เม็ดยาหยางเฉิง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเม็ดยาหยางเฉิง!"

"นั่นเป็นเม็ดยาอมตะระดับสามเลยนะ"

"ท่านประมุขตระกูลช่างจิตใจกว้างขวางนัก"

ฉินคุนดีขึ้นบ้างแล้ว แต่จิตวิญญาณของมันยังไม่ค่อยดีขึ้นนัก กระนั้นใบหน้าของมันก็เปี่ยมไปด้วยโทสะขณะจ้องมองไปที่ฉินเทียน มันกล่าวออกมาอย่างดุร้าย "บิดาผู้นี้จะไม่ให้อภัยเจ้า"

"อวดดีจริงๆ" ฉินเทียนสวนกลับ

ประมุขตระกูลที่อยู่ใกล้ๆยังเกือบจะควบคุมตนเองไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าฉินคุนโง่เขลาเกินไปหรือเคยชินกับความเอาแต่ใจเกินไปกันแน่

ฉินซานเทียนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ทำอย่างไรเพียงขมวดคิ้ว

การแสดงออกเล็กน้อยนี้ย่อมไม่รอดพ้นสายตาของฉินเซี่ยงเทียน มันรีบกล่าวขออภัยออกมา "บุตรชายของข้าไร้มารยาท ขอท่านประมุขโปรดให้อภัย"

ฉินซานเทียนโบกมือน้อยๆ กล่าวแผ่วเบา "พามันกลับไปฟื้นฟูเถอะ ข้าหวังว่ามันจะยังสามารถเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ได้"

"ขอรับ"

แม้ฉินคุนจะยังโมโหแต่มันก็ไม่กล้าลงมือ มันเพียงแค่จ้องฉินเทียนอย่างอาฆาตแค้น เมื่อคิดว่าสวะผู้นี้ทำให้มันต้องขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายแล้ว ความเกลียดชังของมันยิ่งฝังลึกเข้ากระดูกดำ

ฉินซานเทียนกวาดสายตามองดูฉินเทียนครู่หนึ่ง ฉินเทียนลอบคิดขึ้นในใจ อิทธิพลของฉินเซี่ยงเทียนภายในตระกูลฉินมีไม่น้อยเลยจริงๆ ดูเหมือนว่ามันเพียงเกรงใจประมุขตระกูลส่วนหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นถึงฐานะของมันภายในตระกูล

แม้ว่าในใจของฉินซานเทียนจะไม่เข้าใจว่าฉินเทียนทำได้อย่างไร หากแต่ตอนนี้มันก็ไม่กล่าวอะไร ฉินเทียนเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนขั้นที่หก 'กุ้งฝอย' ตัวนี้สามารถปกป้องตัวเองได้ก็นับว่าโชคดีอย่างยิ่งแล้ว

หากเมื่อครู่ฉินซานเทียนไม่ปรากฏตัวออกมาล่ะก็ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คงต้องจบชีวิตลง

ในเรื่องความหยิ่งยโส ฉินเทียนยังไม่อาจเทียบได้กับฉินเซี่ยงเทียน

ฉินเซี่ยงเทียนพยุงฉินคุนจากไปไกลแล้ว ฉินซานเทียนยิ้มเล็กน้อย มันเดินเข้าไปหาฉินเทียนจากนั้นจึงหยิบขวดยาหยางเฉิงออกมาและกล่าวว่า "มีเม็ดยาหยางเฉิงอยู่สิบเม็ด เก็บมันไว้ให้ดี ใช้มันเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์"

ฉินเทียนประหลาดใจ "เม็ดยาหยางเฉิงสิบเม็ด กระทั่งศิษย์สายในปีหนึ่งยังได้รับไม่ถึงสิบเม็ด ผู้นำตระกูลช่างใจกว้างจริงๆ"

โดยไม่คิดมาก เขารับขวดยาหยางเฉิงและเก็บเข้าไปในอกเสื้อ

ของฟรีทั้งที จะไม่รับไว้ก็กระไรอยู่

นอกจากนี้เขายังต้องใช้ยาเพื่อเติมค่าพลังปราณของเขา เมื่อได้อ่านคุณสมบัติของเม็ดยาหยางเฉิง เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย

------------------------------------------

เม็ดยาหยางเฉิง

ระดับ: ระดับสาม

ผล: ชำระล้างจิตใจ ฟื้นฟูพละกำลัง รักษาอาการบาดเจ็บ

ค่าพลังชีวิต: 500 จุด

พลังปราณ: 300 จุด

ค่าการรอดชีวิต: 50 จุด

------------------------------------------

เมื่อเทียบคุณสมบัติกับเม็ดยามังกรพยัคฆ์แล้ว เม็ดยาหยางเฉิงยังแย่กว่า ฉินเทียนคิดว่าเม็ดยามังกรพยัคฆ์ของสำนักเทียนจี๋ควรเก็บเอาไว้ก่อน ผลของมันรุนแรงเกินไปสำหรับเขา

ฉินเทียนรู้ยินดีที่ยังไม่ต้องใช้เม็ดยามังกรพยัคฆ์

เพียงแต่เขายังไม่เข้าใจความสำคัญของเม็ดยาบ่มเพาะ เม็ดยาระดับต่ำมักจะให้ผลที่ต่ำ เม็ดยาระดับสูงนั้นเป็นของหายาก เม็ดยาหยางเฉิงที่ฉินเทียนได้มาหากว่าต้องการซื้อหาแล้วก็ต้องจ่ายอย่างต่ำ 1,000 เหรียญเงิน นอกจากนี้มันยังหาซื้อได้ยาก

มีผู้ฝึกตนอยู่นับไม่ถ้วนภายในทวีปเทียนหยวน ผู้ฝึกตนอัจฉริยะนั้นมีมากมาย ทว่านักปรุงยานั้นหาได้ยาก

เพียงเป็นนักปรุงยาระดับต่ำก็จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลแล้ว ซึ่งหากว่าเป็นนักปรุงยาระดับสูง ตระกูลใหญ่ต่างๆก็จะยื้อแย่งตัว ได้รับทั้งชื่อเสียงและความเคารพจากผู้คน

ตระกูลฉินเพียงมีนักปรุงยาระดับต่ำ ฉินซานเทียนได้กลายเป็นผู้นำตระกูลตั้งแต่ยังหนุ่มก็เพราะน้องสาวของมันฉินเพ่ยซึ่งเป็นนักปรุงยาของตระกูล

"ขอบคุณท่านประมุข" ฉินเทียนกล่าวขอบคุณพร้อมโค้งตัวคำนับ

ฉินซานเทียนยิ้มแล้วกล่าวว่า "วันพรุ่งนี้ก็ย้ายกลับมาที่ตระกูลเถอะ มันจะสะดวกกว่าในการฝึกฝน"

ฉินเทียนทราบอยู่แล้วว่าฉินซานเทียนจะต้องมาไม้นี้

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่สุนัขของตระกูลฉิน ที่จะไล่ก็ไป เรียกหาก็มา

เพียงยาหยางเฉิงสิบเม็ดนี้ก็คิดซื้อตัวเขาแล้ว?

ราคาที่เสนอมามันต่ำไป!

ฉินเทียนไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับตระกูลฉิน รวมทั้งผู้นำตระกูลอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อตอนที่จุดตันเถียนของเขาเสียหาย ความเป็นอยู่และการปฏิบัติที่ได้รับในตอนนั้นไม่ต่างไปจากนักโทษ ทุกคนต่างหลบลี้หนีห่างราวกับเขาเป็นตัวแพร่เชื้อโรค ไม่เว้นแม้แต่พวกบ่าวรับใช้ ตอนนั้นฉินซานเทียนเคยกล่าวช่วยเหลือเขาสักครึ่งประโยคหรือ? ก็ไม่

ในเวลานั้นเขาต้องถูกเจตนาชั่วร้ายของฉินเซี่ยงเทียนจัดการด้วยกระดาษเพียงแผ่นเดียว กระดาษคำสั่งที่ขับไล่เขาออกจากตระกูลฉิน เขาต้องกลายเป็นเด็กรับใช้อันต่ำต้อยของเหลาอาหารฟุหลง กระทั่งอาหารยังไม่ครบสามมื้อ เสื้อผ้าก็เก่าขาด ห้องนอนที่แทบไม่ต่างไปจากเล้าหมู ในตอนนั้นฉินซานเทียนเคยขัดขวางหรือประณามผู้ใดหรือ?

ฉินเทียนไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่เพียงเพราะได้รับความโปรดปรานเล็กน้อยก็จะหลั่งน้ำตาด้วยความกตัญญู ต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับบอสที่หาโอกาศจะฆ่าเขาอยู่ทุกเมื่อเช่นนั้น เขายังจะมีความปลอดภัยอีกหรือ?

เหตุผลที่เขาเปิดเผยความแข็งแกร่งก็เพื่อหาที่พักพิงเพื่อให้เขามีเวลาฝึกฝนให้แข็งแกร่งเพียงพอ

แต่เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ที่ตระกูลฉิน

อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการกลับตระกูลฉิน ขอเวลาอีกสามปี เหยียบย่างเข้าสู่ตระกูลโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาลูกไม้ใดๆ ถึงตอนนั้นมันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที

อีกสามปีฉินเทียนก็จะมีอายุ 18 ปี ถึงเกณฑ์ประเมินครั้งสุดท้ายของตระกูลฉิน...