ตอนที่แล้วเล่ม1 : บทที่ 60 – อัสซี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม1 : บทที่ 62 – ความโหดร้าย

เล่ม1 : บทที่ 61 – ทะเล


กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 61 – ทะเล

เมื่อโอนาห์ตื่นขึ้นมา อัสซีกยังอยู่ใกล้ ๆ เขาโดยหัวที่ชูขึ้นออกมาจากร่างกายเขา เขารู้สึกพักผ่อนได้เต็มอิ่มทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เขารู้ว่า “ลมหายใจ” ในร่างกายจะคงสภายสหายของเขาไว้ได้ทั้งคืนเพียงเพราะว่าพื้นที่บริเวณนี้มีความหนาแน่นของ “ลมหายใจ” ที่สูงมาก

‘ถึงเวลาสำหรับอันตรายที่แท้จริงแล้ว บันทึกของยูเรียบอกไว้ว่าทางขึ้นไปข้างบนนั่นอยู่อีกฟากฟนึ่งของหุบเขาแต่บริเวณนั้นเป็นที่อยู่ของราชาสัตว์เวทมนตร์ที่ดุร้ายเนื่องจากมีความเข้มข้นของ “ลมหายใจ” ที่เพิ่มขึ้นตลอดเส้นทางนั้น’

การแสดงออกถึงความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโนอาห์ขณะกำลังกินและมองไปข้างหน้าพร้อมกับครุ่นคิดบางอย่าง หลังจากนั้น เมื่อเขาอิ่ม เขาก็ถอนหายใจและส่าหน้า

‘ถ้าข้างหน้านั่นมีความตายรอฉันอยู่จริง ๆ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลที่ต้องลังเล’

เขายืนขึ้นและความมุ่งมั่นอันเยือกเย็นก็หลั่งไหลออกมาจากตัวเขา จอมเวทย์ผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งจะสามารถสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบกาย แต่โนอาห์ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น เขาสัมผัสได้เพียงแค่แรงกดดันบางประเภทซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพของจิตใจเขา ณ ตอนนั้น ๆ ด้วย

จากนั้นโนอาห์ก็เดินออกจากถ้ำพร้อมกับร่างกายที่ได้รับการพักผ่อนมาอย่างเต็มที่ เขาก้าวไปอย่างช้า ๆ และระมัดระวังทุกการเคลื่อนไหวที่นอกเหนือการรับรู้และเขาจะหยุดเพื่อตรวจสอบพื้นที่ตรงหน้าอย่างละเอียดทุกครั้ง

‘ฉันจะไม่ยอมพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ที่ความเร็วในการเดินเท่านี้ ก็จะช่วยเพิ่มระดับให้ร่างกายได้เล็กน้อยจนกว่าจะไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง’

โนอาห์ใช้โอกาสเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปสู่สถานการณ์ที่อันตรายข้างหน้า แต่ขณะนั้นเอง บางสิ่งที่ผิดแปลกไปก็ถูกจับด้วยความสนใจของเขาระหว่างเดินทาง

‘ทำไมไม่เจอสัตว์เวทมนตร์เลยแม้แต่ตัวเดียว?’

ที่บริเวณนี้ของหุบเขาไม่มีงูเลยสักตัวเดียว ไร้สัญญาณชีพของอสูรใด ๆ แม้ว่าความหนาแน่นของ “ลมหายใจ” จะเพิ่มขึ้นมาตลอดเส้นทางก็ตามที โนอาห์ยังคงเดินต่อไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับความแครงใจที่มากมาย ทุกครั้งที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขามองหาถ้ำเพื่อพัก เมื่อความแข็งแกร่งกลับมาสูงสุดอีกครั้งเขาก็จะออกเดินทางต่อ

สี่วันผ่านไปโดยที่เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายเลยแม้แต่ตัวเดียว ‘บางทีฉันอาจจะโชคดี หรือไม่พวกมันอาจจะมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่างอยู่สักที่หนึ่ง’ แน่นอนว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้

เมื่อเขาเข้าใกล้สุดของหุบเขาและกำแพงที่อยู่อีกฟากก็เริ่มปรากฏชัด โนอาห์มองเห็นภาพที่ทำให้ความหวังของเขาเกือบดับลง ปลายสุดของหุบเขาคือผืนน้ำทะเลที่กว้างใหญ่และมีภูเขาเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง

แต่ภาพที่กลับชวนสยองขวัญ ทะเลที่เห็นไม่ได้ประกอบด้วยผืนน้ำแต่มันเต็มไปด้วยร่างของสัตว์เลื้อยคลานจำนวนนับไม่ถ้วน

โนอาห์ทำได้เพียงแค่จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างประหลาดใจ งูอันดับหนึ่งจำนวนหลายพัน อันดับสองหลายร้อย และอันดับสามอีกราวหนึ่งร้อยตัวกำลังขดเลื้อยไปมากันไปมาเป็นภาพทะเลงูที่หลากสีสัน

‘ตายแน่ถ้าลงไป ไม่ว่าจะมีตันเถียนหรือไม่มีฉันก็ไม่รอดทั้งนั้น’

โนอาห์มองไปยังฝูงงูขนาดใหญ่อย่างตั้งใจเพื่อหาบางสิ่งที่จะใช้ได้และเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่ง

‘ทำไมพวกมันถึงดูผอมแห้งจัง? แล้วใกล้ ๆ ภูเขาลูกนั้นมีอะไร?’

งูจำนวนมากร่างกายผอมแห้งมาก โนอาห์คิดว่าตัวเองได้ยินเสียงที่ดังก้องอยู่ในท้องของพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่ได้ทำอะไรต่อสิ่งนี้ บางครั้งพวกมันก็กัดกินกันเองที่อยู่ใกล้ ๆ และเลื้อยต่อไปเฉกเช่นว่านี้คือธรรมชาติอย่างที่มันเป็น สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคืองูที่ได้รับบาดเจ็บยอมให้พวกของมันกัดกินโดยไม่สนใจร่างกายของตัวเอง

นอกจากนี้พวกมันยังดูโล่งใจที่ถูกกัดกินและหวาดกลัวต่องูตัวที่กัดกินมันอีกด้วย! การคาดเดาของโนอาห์เกี่ยวกับโลกใบนีเกือบจะพังทลายไปเมื่อเขาได้สังเกตพฤติกรรมที่ผิดแปลกธรรมชาติเช่นนี้

ใกล้ ๆ ภูเขา บริเวณตีนเขา มีกองของบางสิ่งที่เป็นสีเหลืองดูคล้ายกับหนังงูที่ประกายแสงระเรื่ออ่อน ๆ

‘นี่มันอะไรกันเนี่ย?’ โนอาห์ตัดสินใจศึกษาพฤติกรรมงูจำนวนหนึ่งระยะหนึ่งก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่าจะทำอะไรต่อไป

สองวันผ่านไปพร้อมกับการที่เขาพยายามค้นหารูปแบบที่ซ่อนอยู่ในพฤติกรรมของงูเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ แต่ทั้งหมดที่เขาสังเกตเห็นคือกองหนังงูเร่งจังหวะการประกายของแสง เขามีข้อสมติฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ซึ่งมันทำให้เขาระส่ำระสาย

‘อย่าบอกนะว่ามันเป็นสัตว์เวทมนตร์ที่จำศีลเพื่อวิวัฒนาการ? แต่ถ้าดูจากขนาดแล้ว อาจจะสูงถึงอันดับสี่เลยก็เป็นได้!’

โนอาห์ไม่เคยต่อสู้กับสัตว์อันดับสี่มาก่อนแต่เขามั่นใจว่าอย่างไรเขาก็สู้ไม่ได้

‘ถ้าเป็นไปตามที่คิดก็ควรที่จะเริ่มลงมือก่อนที่มันจะวิวัฒนาการสูงขึ้น ทางเดินน่าจะอยู่ด้านหลังภูเขาและพวกงูก็ดูจะเชื่องช้า ฉันอาจจะเข้าถึงตัวมันได้ด้วยการปลอมตัวเป็นอัสซี’

เขาตัดสินใจและอัญเชิญสหายร่วมสายเลือดจากนั้นก็เข้าไปในร่างของมัน เขากำลังจะเคลื่อนที่ออกไปยังที่โล่งเพื่อคลุกคลีกับฝูงงูเมื่อคราบแตกออก ทันใดนั้นเสียงดังฟ่อก็ดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา

งูยักษ์สีเหลืองโผล่ออกมาจากกองเนื้อสด มันมีความยาวถึงสามสิบเมตรและมันก็ชูร่างขึ้นไปในอากาศเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จต่องูนับพัน

งูจำนวนมากมองมาที่มันด้วยความกลัวเล็กน้อยเนื่องจากแรงกดดันของงูยักษ์ได้แผ่กระจายไปทั่วบริเวณหุบเขา แม้แต่โนอาห์เองก็ยังรับรู้ได้และสั่นเล็กน้อยภายในร่างของอัสซี

ขณะนั้นเองก็เกิดแรงสั่นสะเทือนแล่นผ่านหุบเขาและหินจำนวนมากก็เริ่มหล่นลงมาจากกำแพงเนื่องจากแผ่นดินไหว งูทุกตัวล้วนก้มหัวลงต่ำไปยังทิศทางของภูเขาสีขาวด้วยความกลัว แม้แต่อันดับสี่ที่เพิ่งวิวัฒนาการก็หันไปมองทางเขาลูกนั้นด้วยความคารวะพร้อมเกิดเสียงฟ่อดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา

โนอาห์รู้สึกเจ็บในหูจากเสียงดังที่สนั่นขึ้นมาจนต้องเอามือมาป้องไว้อย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้หูได้รับอันตราย เมื่อเสียงนั่นเงียบลงทุกพื้นที่ก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีเสียงใดดังออกมาจากงูเลยแม้สักตัว

โนอาห์มองไปยังทิศทางดังกล่าวของภูเขาด้วยความงงงวย ภูเขาลูกที่เขาเห็นกำลังเคลื่อนที่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด