บทท่ี 251
เมื่อเนี่ยฟงเดินเข้ามาในห้องโถง สายตาแต่ละคนจับจ้องมองมาที่ตนอย่างไม่วางตา เพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนแล้วแต่มีคราบเลือดแห้งกรัง เขาเองหาได้สนใจเดินเข้าไปนั่งที่ว่างมุมห้องพร้อมกับนำขวดยาออกมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บหลังจสกนั้นก็โคจรลมปราณเพื่อรักษาร่างกาย ในระหว่างนั้นเอง ชายหนุ่มผู้หนึ่งผิวคล้ำมีมัดกล้ามมัดผมหางม้าก้าวเดินเข้ามาในจุดที่เนี่ยฟงนั่งโคจรลมปราณอยู่ หลายคนภายในห้องต่างส่ายศีรษะไปมา แน่นอนว่าเนี่ยฟงเองก็รับรู้เช่นกันว่ามีคนยืนอยู่ด้านหน้าของตน
“มีสิ่งใดรึ ถึงได้เดินมาหาข้า”
“เหอะ อวดดีนักไอ้ลูกหมา”
“ข้าคิดว่าการสังหารสี่คนนั้นคงไม่พอสินะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปากดีนักไอ้เวร เจ้าคิดว่าเจ้าสวะสี่ตัวนั้นเก่งกาจนักหรืออย่างไร”
เนี่ยฟงค่อยๆลืมตาขึ้นมาจ้องมองชายหนุ่มด้านหน้า
“แล้วเจ้ามาหาข้าต้องการสิ่งใด”
“สั่งสอนเจ้า”
“สั่งสอนข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาสิข้าเองก็หงุดหงิดกับเจ้าสัตว์อสูรลิงนั่นอยู่เช่นกันไม่น่าตกตายเร็วเกินไป”
หลายคนถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชายหนุ่มนามเนี่ยฟงกล่าวถึงสัตว์อสูรลิง
“เจ้ากล่าวถึงสัตว์อสูรลิงที่ไหนกัน”
“ที่ลานประลอง”
ชายหนุ่มด้านหน้าถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง ทันใดนั้นก็มีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรูปร่างสูงโปร่งมีมัดกล้ามเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างล้วนแล้วแต่มีรอยแผลเป็น ก้าวเดินเข้ามาหาทั้งสองพร้อมกับใช้มือขวาแตะไปที่หัวไหล่ชายผิวคล้ำ
“ไม่เอาน่า เจียงซ่าง เจ้าก็รู้ว่าสัตว์อสูงลิงที่นี่มีเพียงตัวเดียว ไอ้หนูผู้นี้ช่างเก่งกาจนักที่จัดการสังหารมันได้ ข้าว่าอีกเขตคงโกรธแค้นเขตเราไม่น้อย”
ชายผู้มาใหม่หันมาจ้องมองเนี่ยฟงพร้อมกับเอ่ยวาจา
“ข้ามีนามว่ามู่ยี่ เจ้าคงมีนามว่าเนี่ยฟง สนใจเข้าร่วมกลุ่มกับพวกข้าหรือไม่”
“กลุ่มของท่าน หากข้าเข้าร่วมแล้วข้าจะได้สิ่งใด และหากข้าปฏิเสธคำเชิญของท่านละ”
“แน่นอนว่าเจ้าเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก จะเหตุผลใดก็ตามแต่ข้ายืนยันได้แน่นอนว่าเจ้าหาได้ทราบเกี่ยวกับที่แห่งนี้เลย สำหรับข้อมูลนั้นข้าสามารถบอกกล่าวต่อเจ้าได้ สิ่งจำเป็นต่อเจ้าต่อนี้ก็คือข้อมูลข้ากล่าวจริงหรือไม่ ยังไม่รวมการรักษาเพราะกลุ่มของข้ามีหมอที่เก่งกาจช่วยเหลือเจ้ายามเมื่อได้รับบาดเจ็บกลับมาจากการประลอง เพียงแค่สองอย่างนี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะดึงดูดเจ้าให้เข้ารวมกลุ่มกับพวกข้า”
ทันใดนั้นก็มีชายชราผู้ก้าวเดินเข้ามาอีกทางพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาเช่นกัน
“ส่วนกลุ่มของข้าให้เช่นเดียวกับเด็กน้อยมู่ยี่แต่มีเม็ดยาเพิ่มพลังปราณให้อีกสิบเม็ดสำหรับเข้าร่วมกลุ่ม”
มู่ยี่หันไปมองที่ชายชราพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง
“เหอะตาแก่หวังเจียวเจ้าคิดจะหลอกล่อชายหนุ่มผู้นี้ไปดื่มเลือดเพื่อเพิ่มพลังปราณเช่นชายหนุ่มคนที่ผ่านมารึ”
“หุบปากเน่าๆของเจ้าซะมู่ยี่”
ทันใดนั้นเองที่ทั้งสองกำลังมีปากเสียงก็มีเสียงตะโกนดังลั่นออกมา
“หยุด”
ทั้งสองต่างถอยหลังกลับไปที่ของตนเช่นเดียวกับชายหนุ่มนามเจียงซ่าง ทหารสองนายเดินมายังที่เนี่ยฟงยืนอยู่มีทหารผู้หนึ่งเอ่ยวาจาออกมา
“ไอ้หนูเจ้าโชคดีนักชนะเพียงครั้งแรกก็ถูกผู้ปกครองเขตเรียกพบแล้ว”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็เดินตามนายทหารออกไปจากห้องโถงหลายกลุ่มต่างส่งเสียงกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เนี่ยฟงถูกพาออกมายังทางซ้ายมือเช่นเดิมเมื่อเดินผ่านม่านพลังออกไปก็พบกับทางเดินยาวไม่นานก็พบกับม่านพลังสีทองอีกครั้งเมื่อเดินผ่านออกไปก็พบกับห้องโถงขนาดใหญ่ทำมาจากหินเช่นกันเพียงแต่ว่ามีช่องหน้าต่างมองเห็นวิวด้านนอก เนี่ยฟงถึงกับตื่นตกใจเพราะสิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นก้อนเมฆลอยปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ ไม่นานก็มีเสียงกล่าววาจาดังลั่นออกมา
“เอาละเจ้าออกไปก่อนข้าจะกล่าววาจาต่อชายหนุ่มผู้นี้ ไม่นานเขาจะกลับไปอยู่ที่ของเขาเอง ส่วนรางวัลข้าจะเป็นคนมอบให้เขาเอง”
“ขอรับ”
ไม่ถึงสองลมหายใจนายทหารทั้งสองก็ออกไปจากห้องโถง ชายชราที่เนี่ยฟงคุ้นตาก็ปรากฏตัวออกมาด้านหน้าของตน
“เจ้าคงคุ้นเคยกับที่แห่งนี้แล้วสินะไอ้หนู ดูจากสภาพของเจ้าแล้วคงสนุกไม่น้อยดังที่ตาเฒ่าลุ่ยกงกล่าว”
“ขอรับท่านจัวกุ๋ยกู่”
“ดี ตอนนี้เจ้าคงฝึกวิชาที่ได้ปรับแต่งไปบ้างแล้ว ที่ข้ามาครั้งนี้ข้าจะมอบคัมภีร์อีกเล่มให้แก่เจ้า เป็นคัมภีร์รวบรวมปราณของชนชั้นที่เรียกตัวเองว่าเทพ มันจะทำให้พลังของเจ้าแสดงพลังออกมาได้มากยิ่งขึ้น ว่าแต่เจ้าต้องการสิ่งใดในการชนะทั้งสองครั้งกันละ”
“ข้าต้องการวัตถุดิบสำหรับสร้างอาวุธที่สามารถทนทานต่อพลังสายฟ้า และต้องการเตาหลอมสำหรับทำอาวุธขอรับ”
“เจ้าสามารถทำอาวุธได้อย่างนั้นรึ แต่ข้าแปลกใจที่เจ้าไม่กล่าวสอบถามข้อมูลของที่นี่”
“กล่าวตามตรงเคยสร้างดาบมาแล้วครั้งหนึ่งขอรับ ส่วนข้อมูลคงไม่จำเป็นขอรับ ข้าเข้าใจแล้วว่าข้าต้องทำสิ่งใดเมื่ออยู่ที่นี่”
“ฮ่า ฮ่า เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ว่าแต่อาวุธที่เจ้าเลือกหาใช้ดาบแต่เป็นแส้แข็ง เจ้าคงไม่คิดที่จะสร้างมันหรอกนะไอ้หนู”
“แน่นอนขอรับข้าต้องการสร้างแส้แข็งที่สามารถทนพลังสายฟ้าของข้าได้ เพราะอาวุธที่ข้าได้มาหาได้ทนพลังสายฟ้าได้ขอรับ”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวานำแส้แข็งออกมา แส้แข็งเหล็กดำถึงกับมีรอยร้าวปรากฏจางๆ
“เวลาอีกห้าวันสำหรับประลองอีกครั้งเจ้าคงสร้างไม่ทันแน่ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าเพื่อนทำอาวุธอยู่ผู้หนึ่งข้าจะให้เขาสร้างอาวุธให้เจ้าก็แล้วกัน ว่าแต่เจ้ามีแบบอาวุธของเจ้าหรือไม่ไอ้หนู”
เนี่ยฟงแสยะยิ้มสะบัดมือขวาเก็บแส้แข็งเหล็กดำในมือพร้อมกับนำแส้แข็งกระดูกมังกรออกมาจัวกุ๋ยกู่ถึงกับตื่นตกใจจ้องมองอย่างไม่วางตา
“ไอ้หนูเจ้าได้อาวุธชิ้นนี้มาจากที่ไหนกัน”
“สุสานแห่งหนึ่งในดินแดนของข้าเองขอรับ”
จัวกุ๋ยกู่พยักหน้าตอบรับหันไปมองรอบด้านไม่นานก็เองวาจาออกมา
“เจ้าพร้อมแล้วหรือไม่ที่จะรับคัมภีร์รวบรวมปราณ”
เนี่ยฟงยังไม่ทันที่จะกล่าวสิ่งใดก็ถูกฝ่ามือขวาซัดเข้าที่หน้าอกอีกครั้ง เป็นเช่นเดิมเนี่ยฟงกระเด็นไปด้านหลังเห็นภาพร่างของตัวเองอยู่ด้านหน้าไม่ถึงสองลมหายใจเนี่ยฟงก็หมดสติลง จัวกุ๋ยกู่หันไปมองทางขวา
“ไอ้บ้าลุ่ยกง เรื่องทั้งหมดเจ้าเป็นคนวางแผนไว้ใช่หรือไม่ที่ให้เด็กน้อยนี่ใช้อาวุธนั้น”
“เจ้าอย่ากล่าวหาข้าเช่นนั้น เรื่องหมดมันเป็นโชคชะตาอาวุธเลือกนายขอมันเอง ตัวข้าเองก็หาได้ทราบว่าอาวุธชิ้นนี้อยู่ที่นั่นเพียงแต่ว่าตอนนี้พลังของมันยังไม่ตื่นมันจึงคงสภาพที่แส้แข็งดังที่เจ้าเห็น ว่าแต่เจ้าเถอะจะเอาแส้แข็งจากที่ไหนมาให้ไอ้หนูนี่”
“เจ้าลองคิดดูสิว่าข้าจะเอาอาวุธที่ไหนมาให้ไอ้หนูของเจ้า”
“บัดซบ บัดซบ เจ้าคงไม่คิดจะไปยังที่แห่งนั้นหรอกนะ”
“ในเมื่อไอ้หนูนี่มีของดีแต่ใช้ไม่เป็น เช่นนั้นข้าคงต้องช่วยเหลือเสียหน่อยก็แล้วกัน”
รุ่งเช้าต่อมาเนี่ยฟงรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองนั้นกลับมาอยู่ในห้องหินเช่นเดิม เมื่อทำการตรวจสอบแหวนในมือก็พบว่าในแหวนมีแส้แข็งอีกหนึ่งเล่มอยู่เมื่อนำออกมาก็พบว่ามันคล้ายกับแส้แข็งกระดูกมังกรของตนเหลือเกินเพียงแต่ว่ามันมีสีดำ เมื่อนำแส้แข็งสีขาวออกมาถือก็พบว่ามันมีลักษณ์คล้ายกันเหลือเกินหลังจากนั้นเนี่ยฟงก็เก็บแส้แข็งทั้งสองไว้ในแหวน สะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สี่วงทับซ่อนกันที่พื้นห้องเช่นเดิม ทันทีที่จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ทำการเพิ่มพลังปราณให้แก่ตนเองอีกครั้งจากแก่นพลังปราณที่ได้มาเพิ่มอีกจำนวนไม่น้อยพร้อมกับขวดยา ทันทีที่เข้ามาในห้องมืดสิ่งแรกที่เนี่ยฟงจัดการก่อนก็คือศึกษาคัมภีร์รวบรวมปราณของเทพ
เสียงเปิดประตูหินดังลั่นอีกครั้งเนี่ยฟงแสยะยิ้มก้าวเดินออกมาจากห้อง ทหารสองนายถึงกับตื่นตกใจก็สภาพห้องเกิดรอยแตกร้าวไปที่ทั้งห้อง พื้นที่นั่งยุบตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานเนี่ยฟงก็ถูกพามาที่ห้องโถงเช่นเดิม เพียงแต่ว่าผู้คนในห้องแตกต่างออกไปกว่าครั้งแรกมากนักเพราะสายตาที่แต่ละคนจ้องมองตนประดุจมีความแค้นใหญ่หลวง ทันทีที่นายทหารทั้งหมดออกไปจากห้องก็มีพลังปราณพุ่งเข้ามากดทับตนเองอย่างรวดเร็ว วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏที่พื้นเพื่อสลายแรงกดดัน เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำนามเจียงซ่างก้าวเดินเข้าหาอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีความสามารถสังหารสัตว์อสูรลิงจริง แต่ตอนนี้วันนี้พวกเราลำบากเสียแล้ว”
“เกิดเรื่องสิ่งใดขึ้นที่ข้าต้องรับรู้เรื่องไม่”
“วันนี้เขตของเราจะต้องปะทะกับเขตเจ็ด”
“แล้วเหตุใดเจ้าต้องแสดงท่าทีหวาดกลัวเช่นนั้น”
“เจ้าคงไม่รู้สินะว่าสัตว์อสูรลิงที่เจ้าสังหารไปนั้นอยู่ในเขตเจ็ดและเป็นลูกรักของผู้ปกครองเขต แต่ แต่เจ้ากลับสังหารมันเสียแล้ว ครั้งนี้เขตเจ็ดจึงเลือกที่จะประลองกับเขตหนึ่งที่เราอยู่แทนที่จะเป็นการสุ่มเลือก”
เนี่ยฟงยังไม่ทันที่จะกล่าวตอบสิ่งใดก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นออกมา
“เนี่ยฟงวันนี้เจ้าจะได้ประลองเป็นคนแรก”
หลายคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มหันมาจ้องมองเนี่ยฟงด้วยความสะใจ