ตอนที่ 10 : 4 ปี กับดาบชโลมโลหิต
ตอนที่ 10 : 4 ปี กับดาบชโลมโลหิต
ขณะที่กั๋วไป่หลี่กำลังทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้า เสียงของเจียงฉือน้อยก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ท่านปู่ มาหาข้าหน่อย ข้ามีปัญหาเกี่ยวกับการฝึกนิดหน่อย”
เมื่อได้ยินดังนั้นกั๋วไป่หลี่ก็หยุดความคิดของตนก่อนจะเดินไปหาเธอแทน
ตอนนี้เจียงฉือน้อยนับถือกั๋วไป่หลี่เป็นคุณปู่ของเธอแล้ว ส่วนโจวฉวนจีก็เริ่มยอมรับและรู้สึกสนิทกับเขามากขึ้นแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โจวฉวนจียังคงยุ่งอยู่กับการพัฒนาปราณของเขาอยู่แถวไหล่เขาเเละเขาต้องการรักษาระยะห่างกับกั๋วไป่หลี่
นั่นเพราะว่ากั๋วไป่หลี่มีวรยุทธอยู่ในระดับสูงเกินไป เขาจึงไม่สามารถรวบรวมปราณสู้กั๋วไป่หลี่ที่มีพลังมากกว่าได้
“อีกไม่นานข้าก็จะอายุ 4 ปีแล้ว”
โจวฉวนจีตั้งตารอเป็นอย่างมาก เป็นเพราะในวันหนึ่งที่เขาเคยเอาดาบคลื่นเหมันต์ออกมาเพื่อใช้ฝึก กั๋วไป่หลี่ที่คอยเฝ้ามองอยู่ จู่ ๆ ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที เขาดึงโจวฉวนจีมาและเตือนด้วยความจริงใจว่า “ฉวนจี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หากชีวิตเจ้าไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามนำดาบทั้งสองเล่มของเจ้าออกมาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องเผชิญกับปัญหาไม่รู้จบแน่!”
ทั้งที่ดาบคลื่นเหมันต์อยู่แค่ระดับสัมฤทธิ์ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้กั๋วไปหลี่กังวลได้มากถึงขนาดนั้น
โจวฉวนจีจึงคาดหวังเป็นอย่างมากกับดาบในตำนานระดับทอง ระดับอเมทิสต์ และระดับทองรุ่งโรจน์
และแล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวก็ผ่านไปถึง 3 เดือนแล้ว
“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบมีอายุครบ 4 ปีแล้ว ระบบกาชาเริ่มทำงาน!”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านได้รับ [ระดับเงิน] ดาบชโลมโลหิต 8 ก้าวทะลวงกระบี่ และหินวิญญาณระดับ 3 จำนวน 100 ชิ้น”
เมื่อเขาได้ยินเสียงของจิตวิญญาณแห่งดาบก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
นี่มันดาบในตำนานระดับเงินเล่มที่ 2 หนิ!
และข้อมูลเกี่ยวกับดาบชโลมโลหิตก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา
ชื่อดาบ : ดาบชโลมโลหิต
ระดับ : เงิน
คำอธิบาย : เป็นดาบที่ดื่มเลือด ยิ่งได้รับเลือดมากเท่าไหร่ ความเเข็งเเกร่งก็ยิ่งฉายเเววออกมามากเท่านั้น
…
ดาบที่ดื่มเลือดเนี่ยนะ?
นี่มันดาบปีศาจรึไงกัน?
โจวฉวนจีรู้สึกมีความสุขมากกว่าเดิม นอกจากจะเป็นดาบที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากเล่มอื่นแล้ว ยังเป็นดาบที่จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นถ้ายิ่งเผชิญหน้ากับศัตรูด้วย
แล้วยังหินวิญญาณระดับ 3 ที่เขารู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไรอีก
หินวิญญาณเป็นสกุลเงินที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในโลกแห่งจอมยุทธนี้ และในขณะเดียวกัน มันก็ยังสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาวรยุทธได้เช่นกัน โดยจะมีทั้งหมด 9 ระดับไล่จากระดับต่ำสุดไปสูงสุด หินแต่ละระดับมีค่าเป็น 10 เท่าของหินก้อนที่ต่ำกว่า 1 ระดับ เช่น ถ้าเป็นหินวิญญาณระดับ 2 ก็จะมีค่าเทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับแรก 10 ก้อน
และนั่นหมายความว่าเขาได้รับหินวิญญาณระดับแรกจำนวน 10000 ก้อนเลยทีเดียว
นอกจากนี้เขายังมีหินวิญญาณที่ได้มาจากเยี่ยเฟยฟาน เฉินฮัวที่มาจากตระกูลฝาง และเหล่าลูกสมุนอยู่ประมาณนึงเก็บไว้ในสุดยอดช่องเก็บของอีกด้วย
“แล้ว 8 ก้าวทะลวงกระบี่มันคืออะไร? วิชาดาบหรอ หรือเป็นอุปกรณ์อะไรสักอย่างน่ะ?” โจวฉวนจีถามอย่างสงสัย และความทรงจำส่วนหนึ่งก็หลั่งไหลเข้ามายังจิตใจเขา
8 ก้าวทะลวงกระบี่คือกระบวนท่าการเคลื่อนไหวที่ใช้ปราณกระบี่ แต่ละก้าว จะสามารถก้าวไปไกลได้ถึง 100 เมตร และทำให้สามารถสังหารศัตรูทั้งหมดได้ภายใน 8 ก้าว
แต่ก็แน่อยู่แล้วว่ามันอาจจะเกินจริงไปสักหน่อย
โจวฉวนจีเริ่มฝึก 8 ก้าวทะลวงกระบี่ทันทีที่เขาได้รับความทรงจำมา
แต่กระบวนท่าการเคลื่อนไหวของ 8 ก้าวทะลวงกระบี่ค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อย เพียงการเคลื่อนไหวเดียวก็แทบจะทำให้เขาล้มลงได้
กั๋วไป่หลี่ที่แอบดูอยู่ก็ตาโตแปลกใจ รู้สึกอยากรู้อยากเห็นในการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ของเขา
ไอเจ้าเด็กนั่นมันทำอะไรอยู่เนี่ย?
และโจวฉวนจีก็สามารถเคลื่อนไหวครบท่วงท่าของวิชาดาบ 8 ก้าวทะลวงกระบี่ได้หลังจากที่ฝึกไปราวครึ่งชั่วโมง
แต่เขายังคงฝึกฝนต่อไป แม้จะมีโซเซและล้มลงบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยังคงลุกขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากจบวัน เขาก็สามารถฝึกไปได้ถึง 18 ครั้ง แต่เขายังคงฝึกอย่างต่อเนื่องจนถึงค่ำ
และยังคงฝึกจนถึงเช้า จนในที่สุดเขาก็ฝึกครบ 50 รอบ และมันก็ค่อย ๆ ง่ายขึ้นตามลำดับ
หลังจากนั้นเขาก็ฝึกต่อจนครบ 100 รอบ แต่นั่นยังเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ ในการบรรลุ 8 ก้าวทะลวงกระบี่เท่านั้น
เพราะวิชานี้ค่อนข้างที่จะฝึกยากกว่าวิชาดาบกระเรียนขาวมาก
ในวันที่ 2 เขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะฝึกต่อไป
จนในวันนั้น ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกจนครบ 500 ครั้งได้สำเร็จ และสามารถบรรลุ 8 ก้าวทะลวงกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์
ในขณะที่กั๋วไป่หลี่เฝ้ามองโจวฉวนจีที่ก้าวอย่างรวดเร็วบนไหล่เขาราวกับการเคลื่อนย้ายภายในพริบตา กั๋วไป่หลี่ก็อ้าปากค้างด้วยความอึ้ง
ในตอนแรกเขาคิดว่า เด็กคนนี้มันทำบ้าอะไรอยู่ก็ไม่รู้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าโจวฉวนจีจะสามารถบรรลุวิชานั่นได้จริง ๆ!
กั๋วไป่หลี่จับตัวโจวฉวนจีไว้ทันทีและถาม “กระบวนท่าการเคลื่อนไหวนั่นมันคืออะไรน่ะ?”
“8 ก้าวทะลวงกระบี่” โจวฉวนจีพูดอย่างใจเย็น
การที่เด็กอายุ 4 ขวบอย่างเขาจะโกหกผู้ใหญ่ได้มันก็คงจะน่าตลกเกินไป
“8 ก้าวทะลวงกระบี่หรอ...” กั๋วไป่หลี่บ่นพึมพำกับตัวเองราวกับตกอยู่ในภวังค์
โจวฉวนจีสะบัดมือเขาออกก่อนจะฝึก 8 ก้าวทะลวงกระบี่ต่อ
ด้วยระดับวรยุทธในปัจจุบันของโจวฉวนจี มันทำให้เขาสามารถก้าวไปได้ไกลกว่า 10 เมตรในแต่ละก้าว และหลังจากครบ 8 ก้าว เขาก็ใช้พลังวิญญาณไปจนเกือบหมด
แต่ถ้าหากไม่มีพลังวิญญาณล่ะก็ 8 ก้าวทะลวงกระบี่ก็เป็นได้แค่กระบวนท่าการเคลื่อนไหวธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้เร็วอะไรนัก
กั๋วไป่หลี่มองไปยังเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนมีบางอย่างภายในใจ ตอนนี้เขารู้สึกสับสนจนปวดตับไปหมด
ไอเด็กนี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
นี่เขาเป็นร่างเทพจำแลงมารึไงกัน?
“ด้วยความสามารถแบบนี้ เขาอาจจะสามารถท้าทายตำแหน่งบังลังก์สูงสุดแห่ง 9 มหาจักรพรรดิกระบี่ได้เลยนะ...”
แม้ว่ากั๋วไป่หลี่จะอยากรู้สักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้โลภขนาดนั้น กลับกัน มันยิ่งทำให้เขาต้องการให้เด็กประหลาดคนนี้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเขามากกว่าเดิม
หลังจากที่บรรลุ 8 ก้าวทะลวงกระบี่ได้แล้ว พลังของโจวฉวนจีก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
และเพื่อที่จะลองวิชาของเขาในการต่อสู้ เขาจึงเริ่มฝึกซ้อมการต่อสู้กับกั๋วไป่หลี่ และเมื่อกั๋วไป่หลี่ได้เห็นจิตดาบกระเรียนขาว มันก็ทำให้เขาต้องตกตะลึง
มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นโจวฉวนจีใช้จิตดาบกระเรียนขาว
เด็ก 4 ขวบที่สามารถบรรลุจิตดาบได้ จากประวัติศาสตร์ทั้งหมดของสำนักกระบี่เร้นลับยังไม่เคยมีใครทำได้เลยสักคน
กั๋วไป่หลี่ไม่เคยพบไม่เคยเจอและไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรเเบบนี้แม้จากทั่วทั้งมหาจักรวรรดิ์โจวมาก่อน
หลังจากนั้นกั๋วไป่หลี่ก็คาดหวังในตัวของเขามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และในแต่ละวัน กั๋วไป่หลี่จะค่อย ๆ ปลูกฝังการมีเมตตาต่อผู้อื่นให้กับโจวฉวนจี เหมือนอย่างที่เขาเคยช่วยเหลือผู้อื่นยามที่ผู้อื่นต้องการ และคอยสังหารพวกฝ่ายอธรรมหรือเหล่าปีศาจ และเขาก็เอาแต่พูดจนหูของโจวฉวนจีแทบจะหนวกเลยทีเดียว
ครึ่งปีต่อมา
โจวฉวนจีมีความก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อยจากการก้าวเข้าสู่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 8 และเขาสามารถเลื่อนขั้นได้ถึง 2 ระดับติดต่อกันจากการใช้หินวิญญาณระดับ 3 ทั้งหมด
ซึ่งนั่นทำให้กั๋วไป่หลี่ยอมรับข้อสันนิษฐานที่เขาเคยตั้งเอาไว้กับโจวฉวนจีในที่สุด
ในอีกด้าน เจียงฉือน้อยก็ได้เข้าสู่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 3 ได้สำเร็จ ต้องขอบคุณคำแนะนำของกั๋วไป่หลี่
แต่โจวฉวนจีไม่ได้แบ่งหินวิญญาณให้เจียงฉือน้อย เพราะกั๋วไป่หลี่สั่งห้ามเอาไว้
เขาบอกว่าร่างกายของเจียงฉือน้อยนั้นยังไม่สามารถทนต่อหินวิญญาณระดับ 3 ได้
และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง
กั๋วไป่หลี่เรียกโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยมารวมตัว ก่อนจะพูดขึ้นพลางถอนหายใจ “ข้าต้องจากที่นี่ไปสักพัก จริง ๆ ข้าก็อยากจะอยู่ต่ออีกสักปีนะ แต่ศิษย์บางคนในสำนักของข้ากำลังเผชิญกับปัญหา และข้าจะต้องรีบกลับไปช่วยน่ะ”
โจวฉวนจีจำได้ว่าเคยเห็นนกอินทรีบินมาตอนกลางคืน บางทีนั่นคงจะเป็นสารจากสำนักกระบี่เร้นลับล่ะมั้ง?
เจียงฉือน้อยพยักหน้าและพูด “ท่านปู่ อย่าลืมกลับมาเยี่ยมพวกข้าบ้างนะ”
กั๋วไป่หลี่ลูบหัวเธอก่อนจะพูดอย่างใจดีว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาแน่นอนทันทีที่ข้าจัดการธุระเสร็จนะ”
แววตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความเศร้าและความกังวล เขาหันกลับมามองที่โจวฉวนจีและพูดต่อ “ฉวนจี ดูแลพี่สาวของเจ้าด้วยนะ เข้าใจมั้ย? พวกเจ้ามีแค่กันและกัน เพราะงั้นห้ามทิ้งใครไว้ข้างหลังเด็ดขาด”
ก่อนที่โจวฉวนจีจะได้พูดอะไร เจียงฉือน้อยก็ใช้แขนของเธอโอบรอบคอของโจวฉวนจีเอาไว้และหัวเราะเบา ๆ “ฉวนจีเป็นครอบครัวของข้า เพราะงั้นเขาจะไม่ทิ้งข้าแน่นอน”
เธอเชื่อมั่นในตัวเขามาก และในตอนนี้ถ้าให้เธอเลือกระหว่างคุณยายและโจวฉวนจีล่ะก็ เธอก็จะเลือกเขาอย่างไม่ลังเลเลย
กั๋วไป่หลี่ยิ้มให้ก่อนจะหันหลังกลับและขึ้นขี่ดาบจากไป จากนั้นตัวเขาก็กลายเป็นลำแสงที่หายไปอย่างรวดเร็วสุดเส้นขอบฟ้า
แต่โจวฉวนจีมีลางสังหรณ์ว่ากั๋วไป่หลี่อาจจะไม่ได้กลับมาอีก
เพราะสายตานั่น มันเหมือนกับสายตาของแม่นางจาวฉวนในตอนที่นางโยนเขาลงไป
เขาไม่สามารถที่จะอยู่กับแม่ได้ เเละเขายังไม่สามารถหาทางแก้แค้นได้เช่นกัน
แม้จะรู้สึกแย่ แต่เขาก็ยังคงฝึกกับเจียงฉือน้อยต่อไป
เป้าหมายของเขาคือการขึ้นสู่ระดับสร้างรากฐานให้ได้เมื่ออายุ 6 ปี
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปตามปกติ พื้นที่ในการฝึกของโจวฉวนจียังคงอยู่ห่างจากบ้านไกลกว่า 50 ไมล์ และที่ด้านหลังของเนินเขาจักรพรรดิกระบี่นั้นเป็นป่าที่พวกเขาใช้เพื่อล่ากระต่ายและหมูป่า
ในส่วนของด้านหน้าเนินเขาจักรพรรดิกระบี่เป็นแม่น้ำที่พวกเขาสามารถจับปลาได้
และ 2 เดือนต่อมา
จู่ ๆ ก็มีเสียงคำรามลั่นสั่นสะเทือนแผ่นดินดังขึ้นมาจากทางเหนือ โจวฉวนจีเบิกตากว้างด้วยความกลัว และเจียงฉือน้อยที่ฝึกอยู่ข้าง ๆ เขาก็ลุกขึ้นทันทีก่อนจะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลัง เธอคิดว่าจะมีปีศาจมาโจมตีพวกเขา
โจวฉวนจีขมวดคิ้ว เขานั่งลงบนยอดเขาที่ ๆ จะสามารถมองไปไกลถึงทางเหนือได้ และที่สันเขาที่ทอดยาวเป็นคลื่นนั้น เสียงคำรามก็ดังมาไกลจากทางเส้นขอบฟ้าและนั่นทำให้เขาใจสั่นระรัว บางทีอาจจะเป็นปีศาจทรงพลังสักตัวกำลังเข้ามาใกล้ก็ได้?
และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงคำรามที่ทั้งอึกทึกและดุร้ายขนาดนี้
“ฉวนจี ข้าว่าพวกเราย้ายไปอยู่ที่อื่นดีมั้ย?” เจียงฉือน้อยถามอย่างระแวง
เธอนั้นเป็นแค่เด็กอายุ 8 ขวบที่สูงกว่าโจวฉวนจี และนับตั้งแต่เธอเริ่มฝึกวรยุทธมา ผิวพรรณของเธอก็ดูขาวสวยและอ่อนนุ่มขึ้นมา รับกับใบหน้าที่สวยงามราวกับนางฟ้าตัวน้อย
และสำหรับผู้ที่ต้องการอ่านติดตามนิยายใหม่ก่อนใคร สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ Tired Tried Novel นะคะ กลุ่มลับที่ 1 เปิดเเล้วนะคะ