ตอนที่ 8 : ระดับรักษาปราณ ขั้นที่ 5
ตอนที่ 8 : ระดับรักษาปราณ ขั้นที่ 5
“แม้ว่าอาคมกายทองคำจะเป็นวิชาที่ฝึกทางด้านร่างกาย แต่มันยังสามารถพัฒนาต่อจนกลายเป็นอาคมปราณกระบี่กายทองคำได้เช่นกัน ท่านเจ้าของดาบจึงสามารถใช้ฝึกฝนวรยุทธได้ นอกจากนี้ยังมีจอมกระบี่ผู้ทรงพลังบางคนที่ใช้ร่างกายของตนเองในการสร้างดาบในตำนานด้วย” จิตวิญญาณแห่งดาบอธิบาย ซึ่งมันทำให้ความโกรธของเขาหายไปทันทีและเต็มไปด้วยความหวังแทน
งั้นตอนนี้ก็ได้วิธีฝึกแล้ว!
และไม่นานหลังจากนั้น วิชาในการฝึกวรยุทธที่เรียกว่า อาคมกายทองคำ ก็หลั่งไหลเข้ามาภายในจิตใจและหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งในความจำของโจวฉวนจี
อาคมกายทองคำมีทั้งหมด 4 ระดับ คือ ปราณภายใน กายาโลหะ ระเบิดปราณ และกายสิทธิ์ทองคำ
แม้ว่ามันจะเป็นวิชาที่เอาไว้ฝึกฝนทางด้านร่างกาย แต่ก็สามารถใช้ฝึกปราณภายในได้เช่นกัน
โจวฉวนจีรู้สึกพอใจก่อนจะกลับมาสนใจที่ดาบคลื่นเหมันต์ต่อ
และตามปรารถนา ดาบคลื่นเหมันต์ก็ปรากฎขึ้นบนมือโจวฉวนจี ความรู้สึกเย็นยะเยือกเจาะลึกไปทั่วฝ่ามือและทำให้เขาหนาวสั่น
แม้แต่เจียงฉือน้อยที่กำลังฝึกดาบอยู่ก็ยังรู้สึกเย็นวาบด้วย
โจวฉวนจีพยายามบังดาบด้วยตัวของเขา และเจียงฉือน้อยที่เห็นเพียงใบดาบจึงคิดว่ามันเป็นดาบมังกรสีชาดและไม่ได้สนใจอะไร
ใบดาบของดาบคลื่นเหมันต์นั้นมีขนาดใกล้เคียงกับดาบมังกรสีชาด เพียงแต่เป็นสีเงิน และปรากฎออร่าความเย็นรอบ ๆ แผ่กระจายไปทั่วใบดาบ ส่วนด้ามจับนั้นราวกับทำด้วยคริสตัลน้ำแข็งซึ่งมันงดงามมาก ๆ
และข้อความ 3 บรรทัดที่มีแค่เขาเท่านั้นที่เห็นก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าทันที
ชื่อดาบ : ดาบคลื่นเหมันต์
ระดับ : สัมฤทธิ์
คำอธิบาย : ถูกสร้างขึ้นในดินแดนที่หนาวสุดขั้ว และภายในดาบนั้นมีออร่าเยือกแข็งพันปีสถิตย์อยู่
…
ข้อมูลกลับมีน้อยมาก แต่ออร่าเยือกแข็งพันปีที่ว่านั่นทำให้โจวฉวนจีตกลงไปอยู่ในความคิด
ดาบคลื่นเหมันต์ที่มีระดับสัมฤทธิ์อาจจะไม่ได้ทรงพลังเทียบเท่ากับดาบมังกรสีชาดที่มีระดับเงิน แต่ด้วยคุณสมบัติที่ต่างกัน บางทีอาจจะมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อในการต่อสู้ก็ได้
และเขาก็หยิบยาเสริมพลังวัวป่าออกมา โดยตัวยานั้นถูกบรรจุอยู่ในขวดไม้ และมีทั้งหมด 3 เม็ด
“ยาเสริมพลังวัวป่าเป็นยาที่ทรงพลังมาก หลังจากที่กินเข้าไปท่านจะได้รับความแข็งแกร่งของวัวป่า แต่ผลข้างเคียงก็รุนแรงเช่นกัน ในตอนนี้แล้วท่านเจ้าของดาบยังไม่ควรใช้ มิฉะนั้นท่านจะต้องนอนติดเตียงกว่าหนึ่งเดือนเป็นแน่” จิตวิญญาณแห่งดาบแนะนำเกี่ยวกับยาให้เขาฟัง
“ท่านมีพรสวรรค์มากจากสายเลือดที่มี และมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง ยิ่งกว่านั้นด้วยความช่วยเหลือจากระบบยอดดาบในตำนาน มันก็ไม่แปลกเลยที่จะทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างมันง่ายสำหรับท่าน” จิตวิญญาณแห่งดาบอธิบาย
โจวฉวนจีกระพริบตาปริบ ๆ และถาม “แล้วการฝึกวิชาปราณนี่เหมือนกับการฝึกวิชาดาบมั้ย?”
“โดยรวมแล้วเหมือนกัน เพียงแต่วิชาปราณนั้นมีเงื่อนไขจำเป็นในการฝึกเกี่ยวกับระดับวรยุทธด้วย เช่น การที่จะฝึกระดับที่ 2 ของอาคมกายทองคำ หรือกายาโลหะได้นั้น ท่านจะต้องไปให้ถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 5 เสียก่อนจึงจะฝึกได้”
โจวฉวนจีรู้สึกพอใจกับคำตอบของจิตวิญญาณแห่งดาบ
ด้วยพรสวรรค์ของเขา มันก็ไม่ยากเลยที่จะไปให้ถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 5
นอกจากนี้แหวนเก็บของที่เขาเอามาจากทั้ง 3 คนที่เขาได้ฆ่าไปก่อนหน้านี้ ยังเก็บหินวิญญาณไว้จำนวนมาก รวมถึงยาที่ใช้ช่วยในการฝึกฝนด้วย
โจวฉวนจีไม่ได้บอกเจียงฉือน้อยเกี่ยวกับอาคมกายทองคำ แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาเห็นแก่ตัว
แต่มันเป็นเพราะอาคมกายทองคำนั้นมีเพียง 2 หนทางในการฝึก อย่างแรกคือฝึกผ่านร่างกาย และอย่างที่สองคือฝึกผ่านดาบ
ซึ่งการฝึกผ่านร่างกายนั้นดูจะหนักหนาเกินไป และโจวฉวนจีก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเจียงฉือน้อยต้องมีแผลเป็นฟกช้ำไปทั้งตัว นอกจากนี้เธอยังไม่มีพรสวรรค์ทางด้านดาบอีก
แต่มันก็อาจจะมีวิชาปราณแบบอื่นในอนาคตอีกก็ได้
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจที่จะถามความเห็นของเจียงฉือน้อย
หลังจากที่เจียงฉือน้อยรู้เกี่ยวกับการเป็นจอมยุทธ ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเธอเองก็เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับจอมยุทธในหมู่บ้านลำธารขจีเหมือนกัน
ยังไงก็ตาม หลังจากที่รู้ว่าอาคมกายทองคำนั้นจำเป็นต้องใช้การปรับสมดุลร่างกาย เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
มีอยู่เป็นหมื่นวิธีในการปรับสมดุลร่างกาย ถ้าให้พูดสั้น ๆ มันก็คือการใช้พลังจากภายนอกเพื่อปรับสมดุลร่างกาย เช่น สายฟ้า คลื่นคลั่ง ภูเขา และอื่น ๆ ซึ่งวิธีการมันก็ค่อนข้างที่จะสาหัสสากรรจ์สุด ๆ
ยิ่งระดับวรยุทธสูงมากเท่าใด คนที่ฝึกทางร่างกายก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
วิชาปราณแรกที่เลือกใช้ในการฝึกนั้นสำคัญอย่างมาก เพราะมันจะกลายมาเป็นรากฐานที่ส่งผลต่อการฝึกในอนาคตด้วย ดังนั้นแล้วมันคงจะดีกว่าถ้าเจียงฉือน้อยไม่ฝึกด้วยวิธีนี้
“ท่านพี่ อย่าเศร้าไปเลย ข้าจะช่วยหาวิชาปราณที่เหมาะสมให้กับท่านเอง” โจวฉวนจีพยายามปลอบใจเธอ แต่ด้วยความที่เขาสูงแค่หน้าท้องของเจียงฉือน้อยเท่านั้น มันจึงดูตลกเล็กน้อย
“ได้ งั้นข้าจะเชื่อเจ้านะ” เจียงฉือน้อยยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะกลับมาฝึกด้วยดาบไม้ของเธอต่อ
และในตอนนี้ โจวฉวนจีก็ได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนวรยุทธอย่างเป็นทางการแล้ว
เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนตัวเอง และคอยแนะนำเจียงฉือน้อยเกี่ยวกับวิชาดาบบ้างในบางครั้ง
ส่วนเจียงฉือน้อยก็คอยฝึกฝนอย่างหนักและสม่ำเสมอ โจวฉวนจีที่ไม่อยากจะทำลายความมุ่งมั่นของเธอจึงไม่ได้ห้ามเธอแต่อย่างใด
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น
โจวฉวนจีก็ได้มาถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 2 แล้ว
ระดับรักษาปราณมีทั้งหมด 10 ขั้น ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นก้าวแรกในการฝึกฝนวรยุทธสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ และหลังจากระดับรักษาปราณก็ยังมี ระดับสร้างรากฐาน ระดับบรรลุญาณ ระดับบัวภายใน ระดับผุดวิญญาณ ระดับราศีกำเนิด ระดับราศีคาดการณ์ ระดับขัดเกลาวิญญาณ เเละระดับนิพพาน
และราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจวนั้นอยู่สูงยิ่งกว่าระดับบัวภายใน ซึ่งสำหรับเขาแล้วมันช่างเป็นหนทางที่ยาวไกลยิ่งนัก
1 เดือนต่อมา
โจวฉวนจีก็ได้มาถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 3
3 เดือนต่อมา
โจวฉวนจีก็ได้มาถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 4
และ 5 เดือนต่อมา
โจวฉวนจีก็ได้มาถึงระดับรักษาปราณขั้นที่ 5 แล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกระดับที่สองของอาคมกายทองคำได้เสียที
จอมยุทธวัย 3 ขวบที่สามารถเข้าสู่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 5 ได้ ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาจะต้องถูกตามล่าเป็นแน่
และในเวลาเดียวกัน ความเข็งแรงทางด้านร่างกายของเขาตอนนี้มากถึง 3000 ปอนด์เลยทีเดียว
โจวฉวนจีสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณยาที่มี
และอีกส่วนต้องขอบคุณระบบยอดดาบในตำนานที่ช่วยรักษาเส้นเอ็นและกระดูกให้เขาอยู่เรื่อย ๆ ไม่อย่างนั้น เด็กอายุ 3 ขวบแบบเขาก็คงจะทนผลกระทบจากปราณวิญญาณไม่ได้แน่ ๆ
แต่ในตอนนี้เขาจะยังไม่ฝึกระดับที่ 2 ของอาคมกายทองคำ เพราะตามที่จิตวิญญาณแห่งดาบได้บอกไว้ว่าเขายังเด็กเกินไป และการฝึกจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดถ้าเขาเริ่มหลังจากที่อายุครบ 5 ปี
โจวฉวนจีก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะใช้ทางลัดแต่อย่างใด จึงค่อย ๆ ปรับสมดุลพลังงานชีวิตของเขาต่อไป
และการใช้วิชาดาบกระเรียนขาวควบคู่กับพลังวิญญาณของเขาตอนนี้นั้นทรงพลังมาก เขาสามารถตัดต้นไม้ที่หนาถึง 20 เซนติเมตรจากระยะที่ไกลกว่า 5 เมตรได้อย่างง่ายดาย และเขายังสามารถฆ่าหมู่ป่าธรรมดาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้เช่นกัน
เขารู้สึกทึ่งที่เขาแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
ในตอนนี้หน้าผาบนยอดเขาก็ได้กลายเป็นสถานที่ฝึกสำหรับเด็กทั้งสอง
และวันนี้ในตอนเที่ยง
“เป็นไปได้ยังไงกัน? ระดับรักษาปราณขั้นที่ 5 เนี่ยนะ!”
จู่ ๆ ก็มีเสียงประหลาดใจดังกระแทกหูโจวฉวนจีเข้ามา เขาจึงลืมตาขึ้นและมองไป ก่อนจะพบกับกั๋วไป่หลี่ที่กำลังขี่ดาบอยู่ ร่างกายของกั๋วไป่หลี่สั่นสะท้านในขณะที่มองไปยังโจวฉวนจีด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ
เจียงฉือน้อยเริ่มกังวลทันทีที่เห็นกั๋วไป่หลี่ เธอจึงรีบวิ่งไปอยู่ข้าง ๆ โจวฉวนจีทันที
โจวฉวนจีขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นอย่างช้า ๆ
การเผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับบัวภายในนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนี
ก่อนหน้านี้ กั๋วไป่หลี่ได้เป็นพยานของการสังหารจอมยุทธปีศาจด้วยการลอบโจมตีเพียงครั้งเดียว ดังนั้นแล้วเขาจะไม่ลดการป้องกันลงอย่างแน่นอน
กั๋วไป่หลี่มองลงไปที่โจวฉวนจี ในขณะที่ใจของเขาก็เต็มไปด้วยความว้าวุ่น
ตั้งแต่ที่เขาหายจากการบาดเจ็บ เขาก็เริ่มตามหาตัวโจวฉวนจีไปทั่วทุกที่
และแล้วความพยายามของเขาก็ได้ผล! ในที่สุดเขาก็เจอ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 1 ปีก่อนเด็กคนนี้ยังไม่มีพลังวิญญาณเลยสักนิด...
แต่มาตอนนี้เขากลับเข้าสู่ระดับรักษาปราณขั้นที่ 5 ได้ภายในปีเดียวเนี่ยนะ?
แล้วยังดาบนั่นอีก นั่นมันอะไรน่ะ?
นี่เขาเปลี่ยนดาบอย่างงั้นหรอ?