ตอนที่แล้วตอนที่ 212 ชายผู้มีระดับต่ำต้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 214 สมาพันธ์นวดารา

ตอนที่ 213 ถูกสิ่งสู่


ชายหนุ่มอยู่ในสมาธิ เขาเก็บตัวทำความเข้าใจเกี่ยวกับสำนึกรู้ของปราณราชันย์ยักษาขั้นผิวหนัง หลังจากที่เขาฝึกมันจนสำเร็จ แทนที่จะพาเขาจะทะลวงไปยังขั้นต่อไป เข้าสู่ขั้นกระดูก ทว่ากลับมีอะไรบางอย่างที่จุกตันเส้นทางการฝึกของเขา จะเรียกว่าจุดคอขวดของการฝึกฝนก็ไม่ผิด

เขามักจะเห็นภาพนิมิตเดิมซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่จะพยายามทะลวงคอขวดนี้ มันเป็นภาพของยักษ์กายสีขาว กำลังทำท่ารำโขนอยู่ เขาเห็นมันรำซ้ำแค่ท่าเดียว แต่กลับดูดุดันแข็งแรง ภาพวนซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น

เหนือภพจดจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาเห็นภาพยักษ์รำโขนกี่ครั้งแล้ว มันมากจนจดจำลึกเข้าไปในความทรงจำ จากความพยายามที่จะเข้าใจในภาพนิมิตก็เปลี่ยนวิธี ในเมื่อเขาไม่อาจเข้าใจภาพนิมิตที่ว่า เขาก็ทำตามมันเลยก็สิ้นเรื่อง

แม้การตั้งท่ารำของเหนือภพจะดูเก้ ๆ กัง ๆ แต่ทันทีที่เขาเริ่มทำตาม ความอบอุ่นบางอย่างก็แผ่ซ่านทั่วสรรพางค์กาย โดยเฉพาะผิวหนังที่เสมือนได้รับสารอาหารบำรุงเป็นพิเศษ เขารับรู้ได้ถึงกระแสคลื่นพลังงานอบอุ่นไหลเวียนโอบอุ้ม ยิ่งเหนือภพทำแม่ท่ายักษ์แรกได้เหมือนมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ความรู้สึกที่ได้ก็จะยิ่งดีกว่าก่อนหน้า

ความพยายามของเหนือภพไม่เสียเปล่า เมื่อเขาเลียนแบบแม่ท่ายักษ์ได้เหมือนในนิมิต เขาก็ได้ยินเสียงเขื่อนแตกภายในหัว มันฟังดูน่ากลัว แต่กลับให้ความรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งชายหนุ่มยังพบว่าสิ่งที่เขาเห็นมันคือ ‘วิชาฉัตรเพชรเก้าชั้น’ เป็นวิชาป้องกัน

เมื่อใช้ท่าทางแม่ท่ายักษ์รูปแบบตามภาพนิมิต มันจะเร่งเร้ากำลังกายภายในขึ้นปกคลุมร่าง เสมือนฉัตรเก้าชั้นครอบร่างของเขาเอาไว้ เสริมความแข็งแกร่งทนทานของผิวหนัง ซึ่งมันสามารถหักลบคมดาบและสลายพลังที่โจมตีเข้ามา

“วิเศษ จริง ๆ”

เหนือภพพึมพำออกมาพร้อมรอยยิ้ม ความแข็งแกร่งด้านร่างกายของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก หากได้เกราะที่บุหรงเร่งหลอมสร้าง แค่นี้เขาก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาแล้วว่าเขาจะเอาตัวรอดภายในนครทองคำ เพื่อสูบทองอีกครึ่งนครมาเป็นของเขาได้

พอเหนือภพนึกถึงบุหรง เขาก็รีบออกจากห้องฝึกวิชา มุ่งไปยังโรงหลอม  ถ้านับตามเวลาของในมิติบรรพกาล เขาก็ไม่ได้พบหน้านางมาหลายเดือนแล้ว วัน ๆ นางยังคงคลุกอยู่แต่ในโรงหลอม ไม่รู้ว่าตอนนี้นางทำอะไรอยู่

“นี่รุ่นพี่ !”

เหนือภพตะโกนเรียกทันทีเมื่อมาถึงหน้าโรงหลอม ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ปกติจะมีลมร้อนพัดมากระทบใบหน้า ทว่าครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น

“รุ่นพี่ เกราะของข้าไปถึงไหนแล้ว”

ประโยคคำถามของเหนือภพดังขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มเดินผ่านเข้าไปโรงหลอม ทว่าเขากลับไม่พบตัวนาง อีกทั้งข้าวของก็ถูกวางทิ้งระเกะระกะ เตาหลอมโลกันตร์ที่เคยร้อนแรงเจิดจ้าตลอดเวลา บัดนี้กลับไม่มีบรรยากาศนั้น เขาเห็นโลหะแข็งคายังอยู่ที่เบ้าหลอมอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นกับนาง

“รุ่นพี่ ท่านอยู่ที่ไหน”

เหนือภพยังคงเดินเปิดประตูห้องต่าง ๆ ของโรงหลอม จนกระทั่งพบบุหรงนอนยาวเหยียดอยู่บนพื้น เหนือภพตกใจมาก

“รุ่นพี่ !”

ชายหนุ่มรีบเข้าไปพยุงร่างของหญิงสาว เขาเขย่าร่างไร้สติเบา ๆ  จากนั้นนางก็มีท่าทางงัวเงีย เปลือกตาที่มีขี้ตาแห้งกรังติดอยู่ค่อย ๆ กะพริบลืมขึ้นช้า ๆ

“หืม มีอะไร เจ้าจะออกไปแล้วเหรอ รีบไปเถอะข้าขอนอนต่ออีกสักหน่อย”

บุหรงพูดแค่นั้น แล้วเธอก็ปิดเปลือกตาลงตามเดิม

“เปล่า ท่านไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ นะ แล้วทำไมถึงมานอนบนพื้นล่ะ แล้วเกราะของข้าที่ท่านสัญญาว่าจะทำให้ข้าอยู่ไหน หรือท่านทำเสร็จแล้ว”

เหนือภพถามยาวเหยียดขณะเขย่าตัวบุหรง แต่บุหรงนั้นยังสะลึมสะลือไม่ตื่นดี

“น้ำ” บุหรงพูดประโยคสั้น ๆ พร้อมกับดันตัวลุกขึ้น เหนือภพจึงเอาน้ำให้นางดื่ม

“ข้าหลับไปนานแค่ไหน”

“ข้าจะรู้กับท่านไหมเล่า ข้าควรจะถามท่านมากกว่า อย่าบอกนะว่าหลายเดือนมานี้ ท่านไม่ทำอะไรเลย เอาแต่นอน”

“คงงั้น” บุหรงปิดปากหาว ก่อนจะค่อย ๆ ยกน้ำขึ้นจิบ

“คงงั้น ? นี่ท่านบอกว่าคงงั้นเหรอ”

เหนือภพกุมขมับตัวเอง เขาอยากจะบ้าตาย แต่พอเขาคิดดูดี ๆ แล้วก็รู้สึกแปลกใจ ปกตินิสัยของบุหรงไม่ใช่แบบนี้ นางจะหลอมโลหะสร้างโน้นสร้างนี่ไปเรื่อย แปลกมากที่นางเอาแต่นอน ถ้าบาดแผลยังไม่หายก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้นางปกติดีทุกอย่าง

“หรือว่า !” เหนือภพร้องเสียงดัง พลางจับจ้องไปยังหญิงสาวที่ยังคงไม่ตื่นเต็มที่

“จะเป็นค่ายกลเจ็ดทวารแปดประตูนั่น ที่ทำให้ผีขี้เกียจสิงสู่เจ้า”

“ห๊ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นบุหรงก็เบิกตากว้าง ท่าทีงัวเงียก่อนหน้าหายไปทันที เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวตาก็สว่าง เธอลืมคิดไปเสียสนิทเลย เธอไม่แม้จะเอะใจสักน้อยว่าทำไมระยะหลังเธอจึงดูเฉื่อยชา เกียจคร้านมากเป็นพิเศษ นอกจากนอนแล้ว เธอก็รู้สึกขี้เกียจไปหมด ไม่เว้นแม้แต่การกิน

เมื่อรู้ตัวแววตาของบุหรงก็กลับมาใสกระจ่างดังเดิม

“พยุงข้าขึ้นที”

ชายหนุ่มช่วยพยุงหญิงสาวขึ้นจากพื้น แขนขาของนางค่อนข้างอ่อนแรงเพราะนอนมากเกินไป จากนั้นบุหรงก็ค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวให้ฟัง เธอหลับยาวมาก นอกจากตื่นมากินและเข้าห้องน้ำแล้ว เธอก็แทบจะหลับตลอดเวลา นึกไม่ถึงว่าบาปแห่งความเกียจคร้านจะสิงสู่นางไปแล้ว

บุหรงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ขณะจ้องมองเหนือภพ เขาเองก็กำลังจ้องหน้านางอยู่เหมือนกัน

“เหนือภพ ทำไมเจ้าไม่เห็นเป็นอะไรเลย เจ้าก็เข้าไปในค่ายกลเจ็ดทวารห้าประตูกับข้าแท้ ๆ”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีมันอาจจะไม่ได้ผลกับข้า”

“ไม่มีผลจริงอ่ะ เจ้าคิดดูดี ๆ ว่าช่วงนี้เจ้าทำอะไรแปลก ๆ ที่เจ้าไม่เคยทำมาก่อนไหม”

“แปลก ๆ เหรอ”

เหนือภพคิดย้อนถึงการกระทำของเขาในระยะหลังมานี้  ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไป เขาก็ยังคงเป็นเขา เหนือภพส่ายหน้า

“ไม่มีอ่ะ”

บุหรงจับจ้องไปยังใบหน้าชายหนุ่ม พลางครุ่นคิด หรือว่ามันไม่ได้มีผลกับเหนือภพจริง ๆ

“เอาล่ะ ช่างเถอะ ข้าเป็นแบบนี้แล้ว ข้าไม่ทำชุดเกราะอะไรให้เจ้าละ เจ้าทำเองเถอะ”

บุหรงตั้งใจพูดด้วยอารมณ์เหวี่ยงวีน หวังทำให้เหนือภพโกรธ เธออยากจะทดสอบอะไรบางอย่าง

เหนือภพนิ่วหน้า เบิกตากว้าง

“ทำไมล่ะ รุ่นพี่ ข้ารอได้นะ”

แม้ใบหน้าของเหนือภพจะดูไม่ค่อยพอใจ แต่น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นยังห่างไกลจากคนโมโหง่าย หมายความว่าเหนือภพไม่ได้ถูกบาปแห่งความโกรธครอบงำ

บุหรงถอนหายใจ แล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่น

“ข้าก็แค่พูดไปเท่านั้นล่ะ ข้าหิวแล้ว เจ้าไม่หิวบ้างเหรอ”

เหนือภพส่ายหน้า

“ข้าไม่ค่อยอยากกินอะไร แต่ข้าทำให้เจ้ากินได้นะ ไปบ้านหลักกับข้าสิ”

บุหรงพยักหน้า ดูท่าบาปแห่งความตะกละที่ทำให้คนเห็นแก่กิน ก็ไม่ได้สิ่งสู่เขา ดังนั้นเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอกำลังทดสอบเขา เธอจึงเดินตามเหนือภพไปยังบ้านหลัก

ห้องอาหารของเหนือภพนั้นอยู่ติดกับห้องครัว มันเป็นห้องครัวแบบเปิดที่มีเครื่องครัวครบครัน และสามารถเห็นโต๊ะทานอาหารยาวที่เปิดโล่ง มุมมองทะลุไปจนถึงวิวน้ำตก

บุหรงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ท่าทางของนางนั้นนั่งตรงได้เพียงแค่ไม่วินาที นางก็ฟุบตัวนอนลงไปบนโต๊ะ ขณะที่เหนือภพทำอาหารจานเดียวแบบง่าย ๆ

“นี่เหนือภพ เจ้ารู้สึกยังไงที่ข้าหลอมอาวุธเก่งกว่าเจ้า”

จู่ ๆ หญิงสาวก็ถามขึ้นมา ทำให้เหนือภพที่กำลังผัดผักกับเนื้อสัตว์ในกระทะ หันหน้ามามองนาง

“เจ้าถามอะไรแปลก ๆ อย่าเพิ่งพูดมาก ช่วยหยิบจานในตู้ให้ข้าหน่อย”

บุหรงหน้ามุ่ยเมื่อถูกใช้งาน แต่พอรู้ตัวว่าเธอถูกบาปแห่งความเกียจคร้านสิ่งสู่ ก็ทำให้นางยิ่งตื่นตัว นางสะบัดหัวเรียกสติ ก่อนจะลุกขึ้นไปเอาจานในตู้เก็บจานชาม ขณะนั้นในหัวสมองก็เกิดความคิดพิเรนทร์อยากทดสอบเหนือภพต่าง ๆ นานา

“ไม่อิจฉาข้าบ้างเหรอ”

บุหรงถามพลางยิ้มกว้าง ขณะนั้นเธอก็แกล้งทำให้เสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยอยู่แล้ว ให้หลุดรุ่มร่ามโป๊เปลือยขึ้นไปอีก ขณะเอาจานไปส่งให้ชายหนุ่มกับมือ

เหนือภพยิ้มอ่อนแล้วก็ส่ายหน้า

“ข้าหลอมอาวุธเก่งกว่าเจ้าก็แปลกแล้ว ข้าเพิ่งหัดทำได้กี่เดือนเอง เอาล่ะ กินเสร็จแล้วอย่าลืมล้างด้วยละกัน”

เหนือภพพูดขณะเอาจานมาใส่อาหารแล้วยื่นให้บุหรง โดยไม่ลืมกำชับนางว่า

“ใส่เสื้อผ้าดี ๆ หน่อย ถึงผีขี้เกียจจะสิงเจ้า แต่ก็ได้อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นผู้หญิง”

บุหรงหน้ามุ่ย ขณะดึงเสื้อขึ้นมาปิดหน้าอกให้มิดชิด ดูเหมือนว่าบาปแห่งริษยากับบาปแห่งตัณหาจะไม่ได้สิงสู่เขา เช่นนั้นก็เหลือเพียงบาปแห่งความทระนง และบาปแห่งความโล�

เหนือภพเดินเอาจานผลไม้มาให้บุหรง แล้วเขาก็นึกอะไรออก

“นี่จะว่าไปนะ ถึงข้าจะสู้วิชาหลอมอาวุธกับเจ้าไม่ได้ แต่ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า เจ้ารู้ไหม ตอนนี้ข้าเริ่มเข้าใจเส้นทางการฝึกฝนพลังของผู้ไร้พรสวรรค์บ้างแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน ข้าคงอยู่เหนือทุกคนบนแคว้นอมตะ”

ชายหนุ่มพูดจบก็ยิ้มอย่างให้กำลังใจตัวเอง เขามีเรื่องมากมายอยากเล่าให้บุหรงฟัง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกเก็บมันไว้กับตัวเอง

บุหรงถึงกับเบิกตากว้าง ปกติเหนือภพนั้นไม่พูดมากเท่าไหร่นัก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาพูดมากเพียงนี้ แถมคำพูดคำจา ทั้งท่าทางก็ยังดูโอ้อวดไม่เบา อยากจะอยู่เหนือยอดฝีมือทุกคนบนแคว้นอมตะเนี่ยนะ

“ไม่คิดว่าเจ้าจะโอ้อวดเป็น”

“คนมันเก่ง ก็ต้องพูดให้ผู้อื่นรับรู้บ้าง แต่เดี๋ยวนะ”

เหนือภพชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหันมาสบตากับหญิงสาว พลางหวนคิดถึงเหตุการณ์แปลก ๆ ของบุหรงที่ทำอะไรแปลก ๆ ถามอะไรแปลก ๆ ไม่ใช่ว่านางกำลังทดสอบเขาหรอกหรือ

“หรือว่าข้า...”

เหนือภพพูดไม่จบ แต่บุหรงพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้าอ่อนใจไปมาแล้วก็ตักข้าวกิน ดูท่าบาปแห่งความทระนงจะสิงสู่เหนือภพเข้าแล้ว

เหนือภพรอให้บุหรงทานข้าวจนเสร็จโดยไม่กวน ขณะที่เขาใช้เวลาศึกษาตำรา สำหรับศึกษานั้นเขามุ่งมั่นตั้งใจมาก เขารู้สึกราวกับว่าทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ อ่านมากเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ถูกเติมเต็ม

บุหรงมาหาเหนือภพที่ห้องสมุด หลังจากข่มใจล้างจานจนเสร็จ

“นี่...”

“หืม อิ่มแล้วเหรอ”

“ใช่ ข้าอยากจะมาบอกเจ้าว่า อย่าได้ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความบาป ด้วยบาปที่สิ่งสู่เจ้าคือบาปแห่งความทระนงด้วยแล้ว เจ้ายิ่งไม่ควร มีทิฐิ ไม่ควรเชื่อตัวเอง ไม่โอ้อวด ขี้โม้ หรือวางมาด เจ้าต้องเป็นคนที่มีใจเปิดกว้างรับคำแนะนำจากผู้อื่น อย่าได้ถือตัว หยิ่งยโส หรือมักใหญ่ใฝ่สูงโดยไม่รู้จักประมาณตนเองเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นสักวันมันจะทำให้เจ้าตาย”

เหนือภพหันมองหญิงสาวอย่างขอบคุณ แต่ลึก ๆ ในใจก็รู้สึกไม่ยอมรับ เขารู้สึกคันปากอยากโต้แย้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามไม่พูดมาก เงียบไว้เป็นดีที่สุด

“เจ้าก็เหมือนกัน อย่าลืมชุดเกราะข้า อ่ะอีกอย่าง ข้าอยากได้อาวุธ เจ้าทำอาวุธที่เหมาะกับข้าให้หน่อย ต้องการวัตถุดิบอะไรเพิ่มก็หยิบเอาในคลังได้เลย”

“อืม ได้ข้าจะพยายาม ถ้าเจ้าเห็นข้าเงียบไปสองวันติด ก็ช่วยปลุกข้าหรือกระตุ้นข้าด้วย ข้าเองก็ไม่รู้จะทนความเกียจคร้านไปได้อีกนานเท่าไหร่”

บุหรงพูดเสียงอ่อน เธอรู้ดีว่าควรทำอย่างไร แต่ความรู้สึกเกียจคร้านนี้ช่างทรงพลังจริง ๆ มันแทรกตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเธอ จนเธอเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าถูกผีสิงสู่ หรือเธอขี้เกียจเองกันแน่

“ได้ ข้าจะทำ อ่อ ข้าว่าอาจจะกลับไปนครทองคำหน่อย อาจจะหายไปนานนับปี หรือมากกว่านั้น เจ้าอยู่ได้นะ”

“ข้าเข้าใจ”

บุหรงรู้ดีว่าเวลาในมิตินี้เมื่อเทียบกับโลกภายนอกแล้วเร็วกว่า คาดว่าเวลาหนึ่งปีภายในนี้คงเท่ากับหนึ่งวันด้านนอก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด