Chapter 191 -192: การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเลิ่งเชาถิง, เอาคืนเชาผิง (ฟรี)
Chapter 191 การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเลิ่งเชาถิง
มีท่อนเหล็กหลายอันในร้านเผื่อเกิดเหตุฉุกดฉิน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ใช้ก่อนวันงานเปิดตัวร้าน
ทั้งสามคนไปที่ประตูพร้อมกับท่อนเหล็กในมือ
กุญแจสำหรับเปิดประตูร้านมีสามดอก อยู่ที่กู้หนิงและโจวเจิ้งหงคนละดอก ส่วนอีกดอกอยู่ที่ผู้จัดการร้าน
กู้หนิงไม่ให้เค่อยิงและเฉาหัวเข้าใกล้ประตู เธอจะเป็นคนเปิดประตูเอง
มีสองประตู ด้านในเป็นประตูกระจกกันกระสุน ส่วนด้านนอกเป็นประตูม้วนอลูมิเนียมอัลลอยด์ ประตูกระจกโปร่งใสดังนั้นจึงมีม่านปิดไว้เป็นชั้นๆ
นักเลงสิบกว่าคนกำลังทำลายประตูด้านนอก ประตูม้วนอลูมิเนียมอัลลอยด์ค่อยๆม้วนเปิดขึ้นช้าๆ พวกนักเลงไม่คิดว่าคนที่อยู่ด้านในจะรู้ตัว คิดว่าพวกเขาเปิดประตูเพื่อที่จะกลับบ้าน
พวกนักเลงไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างใน แต่เมื่อไฟเปิดจึงเห็นว่ามีคนอยู่ข้างในนั้น ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็หาได้ใส่ใจ ในเมื่อมีคนเปิดประตูพวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า ที่จะได้ปล้นเอาเครื่องประดับไป นี่มันโชคดีสุดๆไปเลย ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดทุบประตูและรอจนกว่าประตูจะเปิดขึ้นจนสุด
กู้หนิงเห็นทุกอย่างชัดเจนด้วยตาทิพย์ของเธอ และเข้าใจได้ทันทีถึงแผนของพวกเขา
ช่วงเวลาสั้นๆ มีคนโจมตีอย่างรุนแรงจากด้านข้าง นักเลงเหล่านั้นล้มระเนระนาดไปกับพื้น ตะโกนร้องอย่างเจ็บปวด
กู้หนิงเบิกตากว้างไปที่ร่างคุ้นตาร่างหนึ่ง เลิ่งเชาถิง? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ไหนว่าไปเมืองอื่น? ทันใดนั้นกู้หนิงก็คิดว่าเขามาที่เมือง G เพราะเธอ ความรู้สึกยากจะอธิบายเอ่อล้นในใจของเธอ
คนที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงตะโกนร้องโอดโอย
เมื่อประตูม้วนอลูมิเนียมเปิดขึ้นจนสุด กู้หนิงก็เปิดประตูกระจกออกไปอย่างไม่ลังเล พุ่งไปข้างหน้าเตะนักเลงที่ขวางทางกระเด็นออกไป และตีขาอีกคนด้วยแท่งเหล็ก นักเลงสองคนที่ถูกกู้หนิงตีร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา
ทั้งเค่อยิงและเฉาฮัวที่ตามกู้หนิงออกมาต่างประหลาดใจกับภาพที่เห็น เด็กสาวคนนี้ต่อสู้เก่งกว่าพวกเขาซะอีก
เค่อยิงและเฉาฮัวยังประหลาดใจที่ชายอีกคนโจมตีนักเลง ผู้ชายคนนั้นให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคิง หากพวกเขาเดาถูกล่ะก็ ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นทหารระดับต้นๆในกองทัพแน่นอน
หลังจากหายตกใจ ทั้งคู่วิ่งออกไปสู้กับพวกนักเลงอย่างไม่รีรอ
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นทหารที่ปลดประจำการ แต่ถูกฝึกจากผู้เชี่ยวชาญมาหลายปี จึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากยามที่จัดการพวกนักเลงหางแถว
คนที่อยู่ข้างในยังไม่กล้าออกมาข้างนอก ดังนั้นพวกเขาจึงดูผ่านกล้องวงจรปิด ยกเว้นโจวเจิ้งหง คนที่เหลือต่างพากันทึ่งกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของกู้หนิง
เธอสุดยอดมาก! และชายที่จู่ๆก็ปรากฏตัวก็น่าทึ่งเช่นกัน!
เค่อยิงและเฉาฮัวก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ภายในเวลาสั้นๆ พวกนักเลงก็ถูกเตะต่อยจนล้มไปนอนกองกับพื้นไม่สามารถยืนขึ้นได้ เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงเป็นคนล้มพวกมันซะส่วนใหญ่ เพราะทั้งคู่แข็งแกร่งมากจนสามารถล้มพวกนักเลงในครั้งเดียว
กู้หนิงเดินไปหาเลิ่งเชาถิงและถามเขาว่า “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่? ไหนบอกว่าจะไปจัดการอะไรบางอย่างที่เมืองอื่น?”
แม้ว่าเธอจะยังประหลาดใจกับการปรากฏตัวกะทันหันของเขา เธอก็ยังไม่พอใจอยู่ดีที่เขาไม่บอกความจริงกับเธอแต่แรก
เลิ่งเชาถิงทำอะไรไม่ถูก “ฉันไปเมืองหลวงก่อนจะมาที่นี่”
เขากลัวว่าเธอจะไม่เชื่อจึงพูดต่ออีกว่า “ฉันมีตั๋วเครื่องบินเป็นหลักฐาน อยู่ในรถ” พูดจบเขากำลังจะเดินไปที่รถเอาตั๋วเครื่องบินมาให้เธอดู
กู้หนิงห้ามเขาเอาไว้ก่อน “ไม่ต้องหรอก ฉันเชื่อนาย”
ได้ยินแบบนั้นเลิ่งเชาถิงพลันรู้สึกหายใจโล่งอก
คนที่อยู่ด้านในดูเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด เมื่อพบว่าปัญหาถูกคลี่คลายลงได้ จึงทยอยเดินออกมาข้างนอกทีละคน นักเลงนอนอยู่บนพื้นร้องโอดโอยมีเลือดออกตามร่างกาย
สายตาของโจวเจิ้งหงตกมาที่เลิ่งเชาถิง เขาสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่ไม่ได้ถามออกไปเพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
“เอาล่ะ จัดการกับคนพวกนี้ก่อน!” กู้หนิงมองไปที่นักเลง
“สายตาเย็นยะเยือกทำเอานักเลงเหล่านั้นสั่นสะท้านด้วยความกลัว นี่มันไม่ใช่คนที่ทำงานในร้านธรรมดาๆแล้ว พวกเขาเป็นยอดกังฟู!
“ใครส่งพวกแกมา?” กู้หนิงถาม
พวกนักเลงสบตากันไปมา ลังเลที่จะบอกความจริง
“ฉันมีความอดทนไม่มากพอ ถ้าพวกแกไม่ยอมบอกความจริงก็เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย” กู้หนิงขู่
“ได้โปรด อย่า” หัวหน้านักเลงละล่ำละลักร้องห้าม พวกเขาเป็นแค่นักเลงกระจอกๆปลายแถว ความภักดีนั้นไม่สำคัญเท่าชีวิต
“เจ้าของร้านโจวฝูจิวเวอรี่ เชาผิง ส่งพวกเรามาที่นี่” หัวหน้าแก๊งยอมบอก
“อะไรนะ! เชาผิงงั้นเหรอ?” โจวเจิ้งหงทำหน้าไม่พอใจ เขาเข้าใจสิ่งที่กู้หนิงได้เคยบอกเขา หากเข้าต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจอีกครั้ง เชาผิงจะต้องทำลายมันก่อนที่จะเริ่มด้วยซ้ำ
โชคดีที่กู้หนิงสนับสนุนเขา ดังนั้นเชาผิงจึงหาเรื่องผิดคนแล้ว
“แกแน่ใจนะ?” กู้หนิงจ้องตาเขา ถามเสียงเย็น ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อ แต่เธอต้องการคำยืนยัน
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าโจวเจิ้งหงและเชาผิงไม่ถูกกัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าอาจมีคนจงใจใช้ชื่อของเชาผิงสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจของโจวเจิ้งหง เชาผิงเป็นศัตรูของโจวเจิ้งหง และกู้หนิงจะช่วยโจวเจิ้งหงแก้แค้นเขา แต่ใครก็ตามที่ต้องการทำลายหยกบิวตี้จิวเวอรี่ เธอจะไม่ปล่อยให้พวกมันหนีไปอย่างแน่นอน
“เป็นเขานั่นแหละ! เขาติดต่อกับหัวหน้าหูแก๊งฉิง เขาวางแผนให้หัวหน้าหูช่วยเขา แต่หัวหน้าหูปฏิเสธเพราะแก๊งฉิงไม่อนุญาตให้คนในแก๊งทำเรื่องแบบนี้ เขาเลยแนะนำพวกเราให้เชาผิง!” หัวหน้านักเลงเล่ารายละเอียดเผื่อว่าเธอจะไม่เชื่อเขา
“เขาจ่ายพวกแกเท่าไหร่?” กู้หนิงถาม “ห้าหมื่นหยวน” หัวหน้านักเลงตอบ
“อะไรกัน? แค่ห้าหมื่นหยวน? ขี้เหนียวจริงๆ” กู้หนิงเยาะเย้ยด้วยความรังเกียจ
“เอาล่ะ พวกแกไปได้แล้ว” กู้หนิงปล่อยพวกนักเลงไป เก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์
พวกนักเลงพากันวิ่งหนีไปทันที
“ลุงโจว ลุงรู้ที่อยู่เชาผิงไหมคะ? เขาขับรถยี่ห้ออะไร? และรู้ป้ายทะเบียนไหมคะ?” กู้หนิงถามโจวเจิ้งหง
โจวเจิ้งหงคิดว่ากู้หนิงกำลังจะไปเอาคืนเชาผิง เขากลัวว่าเธออาจทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เขาจึงเกลี้ยกล่อมให้เธอใจเย็นลง
Chapter 192: เอาคืนเชาผิง
ทุกคนเห็นด้วยที่ต้องให้บทเรียนแก่เชาผิง แต่ทุกคนกังวลว่ากู้หนิงอาจทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามก่อนที่โจวเจิ้งหงจะพูดอะไร กู้หนิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ใจเย็นค่ะ หนูแค่อยากทำอะไรบางอย่างกับรถเขา ลงโทษเขาเบาๆก็แค่นั้น”
โจวเจิ้งหงสบายใจ กู้หนิงเป็นคนที่ตัดสินใจแล้วก็จะทำตามนั้น ซึ่งไม่มีใครเปลี่ยนความคิดเธอได้
แม้ว่าเชาผิงทำเรื่องนี้เพราะเขา แต่หยกบิวตี้จิวเวอรี่เป็นแบรนด์ของกู้หนิง หากเชาผิงทำลายร้าน เท่ากับว่ามีเรื่องกับกู้หนิงด้วย ครั้งนี้เขาทำให้กู้หนิงหงุดหงิดเข้าแล้ว
โจวเจิ้งหงจึงพูดดับกู้หนิงว่า “เขาอาศัยอยู่ที่ตึกเจ็ด เลขที่1003 Harmonious Home บนถนน XX เขาขับรถ BMW ทะเบียน G332”
“มีสีสเปรย์หรือกาวเหลือหลังจากการตกแต่งร้านของเราไหมคะ” กู้หนิงถาม
“มีครับ มีสเปรย์สีขาวกับกาวเหลืออยู่” ผู้จัดการตอบ
“เอามาให้ทีค่ะ” กู้หนิงบอก
ผู้จัดการรีบวิ่งเข้าไปข้างใน ไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับถุงกระดาษที่มีสเปรย์สามกระป๋องและกาวสองขวดอยู่ในนั้น
กู้หนิงรับถุงกระดาษมาและพูดว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนพักเอาแรงอยู่ในร้านนะคะ เพื่อความปลอดภัย”
พูดจบเธอก็จากไปพร้อมเลิ่งเชาถิง
เลิ่งเชาถิงรู้ว่ากู้หนิงจะมุ่งหน้าไปที่ไหน เขาขับรถไปยังที่อยู่ของเชาผิง โดยใช้ GPS เนื่องจากเขาไม่ชำนาญเส้นทางในเมือง G
กลางดึกมีรถไม่มากนัก และพวกเขามาถึง Harmonious Home ภายในยี่สิบนาที
“เธอจะทำอะไร? ให้ฉันช่วยนะ” เลิ่งเชาถิงพูดกับกู้หนิง
“ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” กู้หนิงบอกปัด
เลิ่งเชาถิงผิดหวังนิดหน่อยแต่เข้าใจได้ เขาไม่อยากเซ้าซี้เธอ กู้หนิงเห็นเขาทำหน้าเจื่อนเหมือนเธอทำให้เขารู้สึกเจ็บ หลังจากหยุดคิดนิดนึง เธอก็พูดกับเขาว่า “นายช่วยปิดการใช้งานกล้องวงจรปิดแถวนี้ให้หน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ!” ใบหน้าของเลิ่งเชาถิงสว่างขึ้นทันที งานกล้วยๆ
ทั้งสองแยกกันทำงานอย่างว่องไว เลิ่งเชาถิงไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดก่อนส่งข้อความหาเธอว่าสำเร็จแล้ว กู้หนิงจึงลอบเข้าไปในอาคารเจ็ด
เธอเดินเข้าไปในลานจอดรถชั้นใต้ดินและพบรถของเชาผิง จากนั้นใช้สเปรย์สีขาวพ่นไปที่รถสีดำของเขาเพื่อให้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมด จากนั้นเธอก็ดึงเครื่องมือออกมาซึ่งเธอได้เตรียมไว้สำหรับการผจญภัยที่ภูเขาหยุนไท่จากห้องเก็บของในตาทิพย์ของเธอ ทำให้ยางทั้งสี่เส้นแบน ต่อมาเปิดประตูและถอดพวงมาลัยออก
หลังจากนั้นกู้หนิงก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสิบ เธอยืนอยู่หน้าประตูอพาร์ทเมนต์หมายเลข 03 หยิบกาวออกมาเติมช่องว่างแคบๆ ระหว่างประตูกับพื้นด้วยกาว จากนั้นก็พ่นสเปรย์ที่เหลือรอบๆประตูแบบสุ่มๆ ตอนนี้ประตูพังหมดแล้ว กู้หนิงพอใจและจากไปทันที
เมื่อเธอกลับมาขึ้นรถ เลิ่งเชาถิงถามอย่างสงสัยว่า “เธอเข้าไปทำอะไร?”
กู้หนิงเล่าให้เขาฟังทุกอย่าง ชายหนุ่มยกมุมปากยิ้ม เขาจินตนาการถึงหน้าตกใจของเชาผิดเมื่อเขาเปิดประตูออกมาเห็นรถตัวเอง
“ไปไหนต่อ?” เลิ่งเชาถิงถาม “นายพักที่ไหน?” กู้หนิงถามเขา “โรงแรม” เลิ่งเชาถิงตอบ
“ช่วยขับรถไปส่งฉันที่วอเตอร์บลูสกายก่อนนายกลับโรงแรมได้ไหม?” กู้หนิงถามเขา
ได้ยินเช่นนั้นเลิ่งเชาถิงก็พอใจเล็กน้อย พวกเขาเพิ่งเจอกัน และตอนนี้เธอต้องการให้เขากลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกแย่
“ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย”
เอ่อ…..
กู้หนิงเซอร์ไพรส์ แต่เธอก็รู้สึกหิวเหมือนกัน “ถ้างั้นไปหาอะไรรองท้องก่อนก็ได้ค่ะ”
“ตกลง!” เลิ่งเชาถิงตอบ
มีร้านอาหารเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาตีสอง เป็นเวลาของเหล่านักเที่ยวที่เพิ่งเสร็จไปหาอะไรกิน
ถึงแม้เลิ่งเชาถิงจะแพ้อาหารทะเล แต่เขาสามารถกินปลาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงพากันไปกินปลาย่าง
เมื่อกินอาหารเสร็จก็เกือบตีสี่ สายเกินไปที่จะกลับไปนอน แต่พวกเขาจะทำอะไรต่อดี? ทั้งคู่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน มีหลายสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ บรรยากาศในรถชวนให้อึดอัด
ทั้งใดนั้นกู้หนิงก็ปิ๊งไปเดีย “ทำไมพวกเราไม่ขับรถเล่นรอบๆเมือง G? ฉันอยากคุ้นเคยเมืองให้มากกว่านี้หน่อย”
ใช่ กู้หนิงคิดว่าเธอควรทำตัวให้คุ้นเคยกับเมือง G และด้วยความสามารถด้านการจดจำที่ยอดเยี่ยม เธอสามารถจำทุกอย่างที่เธอเห็นได้
เลิ่งเชาถิงก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เขาจึงเห็นด้วยกับเธอ เขาขับรถพาเธอชมเมืองไปตามถนน
ในขณะนั้นมีคนเมาสองสามคนกำลังโต้เถียงกันอยู่บนถนน และมีคนทำความสะอาดถนนกำลังกวาดถนนอยู่
โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า มีเสียงจากเครื่องยนต์ที่ดังอยู่ด้านหลัง กระจกมองหลังพวกเขาเห็นรถสามคันขับด้วยความเร็วสูงมากตรงมาหาพวกเขา
ถ้ากู้หนิงเดาถูก พวกเขาคือ Mat Rempits* (Mat Rempits เป็นศัพท์ภาษามาเลเซียสำหรับบุคคลที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดศีลธรรมและความวุ่นวายในที่สาธารณะโดยมีมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะหลัก)
ขณะที่รถสามคันขับแซงรถของเลิ่งเชาถิง คนที่นั่งอยู่ข้าในรถชูนิ้วกลางใส่เขา
ทั้งเลิ่งเชาถิงและกู้หนิงไม่สบอารมณ์ “ตามไป!” กู้หนิงพูดเสียงเย็น
เลิ่งเชาถิงเร่งความเร็วทันที ไล่ตามคนพวกนั้นไป
ในรถสามคันเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ พวกเขาสังเกตเห็นว่าเลิ่งเชาถิงกำลังขับรถไล่ตามพวกเขาจากกระจกมองหลัง ตอนแรกพวกเขาประหลาดใจแต่ในไม่ช้าก็รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นดี พวกเขาไม่เชื่อว่าเลิ่งเชาถิงสามารถขับรถตามพวกเขาทัน ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงยืดศีรษะออกจากรถและตะโกนใส่เลิ่งเชาถิงว่า “เร็วเข้า! ถ้าขับทัน จะยอมเรียกว่าปู่เลย! ฮ่าฮ่า”
เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงได้ยินเต็มสองหู กู้หนิงพูดรอดไรฟันว่า “จัดการพวกมันให้รู้สำนึก!”
คนพวกนั้นสบประมาทพวกเธอ และกู้หนิงไม่ยอมปล่อยให้หนีไปได้ง่ายๆแน่
เลิ่งเชาถิงขับปอร์เช่ราคาสองล้านหยวน ไม่ใช่รถราคาถูกๆ แต่ถูกกว่ารถสปอร์ตมืออาชีพเล็กน้อยซึ่งมีราคาสี่ล้านหยวน
เลิ่งเชาถิงมีทักษะด้านการขับรถระดับยอดเยี่ยม ในไม่ช้าเขาก็ตามทัน
ชายหนุ่มในรถสปอร์ตต่างประหลาดใจที่เลิ่งเชาถิงขับรถขึ้นมาตีคู่ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าพวกเขาจะเร่งความเร็วขึ้น แต่เลิ่งเชาถิงก็ยังตามทันในเวลาไม่กี่วินาทีซึ่งทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งขับรถได้ไม่ดี