Chapter 14: การทดสอบมรดกทางวิญญาณ
Chapter 14: การทดสอบมรดกทางวิญญาณ
หานเฟยกินซุปกลืนวิญญาณด้วยความรู้สึกสดชื่นในขณะที่หูคุนจ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง
หูคุนกัดฟัน “หานเฟยวันวันนี้มันเป็นวันของนาย ความแข็งแกร่งทางกายภาพไม่สำคัญในการทดสอบตกปลา นายจะถูกลดตำแหน่งเป็นแค่ชาวประมงธรรมดาถ้านายผ่านมันไปไม่ได้ รู้ไว้ซะ!”
หานเฟยตบไหล่หูคุณด้วยรอยยิ้มราวกับว่ากำลังปลอบโยนเขาให้ใจเย็นลง นักเรียนบางคนถึงกับสงสัยว่าทำไมหานเฟยและหูคุนถึงสนิทกันมาก
“เออใช่สิ มีดแล่ปลาของฉันอยู่ที่ไหนล่ะ” หานเฟยถาม
“นายจะเอาไปจากฉันจริงๆเหรอ” หูคุนตอบ
หูคุนยื่นมีดให้เขาอย่างน่าเสียดายและประกาศว่า “โอเค๊ ฉันจะสอนบทเรียนให้นายอย่างสาสมครั้งหน้าที่เราเจอกัน”
หลังจากที่เขาได้ซุปกินซุปแล้วพลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นถึง 196 จุดซึ่งมากเกินความสามารถของร่างกายของเขา
ก่อนที่เขาจะทานอาหารเสร็จถังเกอก็รีบมาหาเขาอย่างเร่งรีบ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าหานเฟยสบายดี “นายพัฒนาขึ้นแล้วหรอ”
หานเฟยกล่าวว่า “ใช่แล้ว มันรู้สึกดีเลย”
ถังเกอถามว่า “นายไปถึงระดับสี่แล้วหรอ”
หานเฟยตอบว่า “ใช่ ฉันก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะฉันหยุดนิ่งมานานเกินไปแล้ว”
หานเฟยถามว่า “แล้วนายล่ะ เขตประมงระดับหนึ่งเป็นยังไงบ้าง”
ถังเกอตอบอย่างมีความหวังว่า “ฉันต้องกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงให้ได้ มีคนได้รับพลังของกุ้งมังกรแห่งจิตวิญญาณซึ่งเพิ่มความเร็วในการพัฒนาขึ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ บางคนก็ได้พลังของปลาบอลและมีความสามารถในการป้องกันเพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์…”
ทั้งหานเฟยและเหอเสี่ยวยูตกตะลึงอย่างมาก
หานเฟยพบว่าโลกนี้แปลกประหลาดมากและมันแปลกประหลาดที่มนุษย์สามารถได้รับพลังจากปลาได้
อย่างไรก็ตามหานเฟยยังคงเตือนเขาว่า “แต่ถังเกอนายก็ต้องฟังครูของเราด้วยนะ ถ้ามันยอดเยี่ยมมากจริงๆทุกคนคงดูดซับพลังของปลามานานแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็แสดงว่ามันต้องมีข้อเสีย เราอายุแค่สิบสองปี ยังมีเวลาอีกมากที่เราจะกลายเป็น Hidden Fishers”
เธอกล่าวว่า “ถูกต้องเราจะหน้ามืดตามัวไปกับมันไม่ได้ ถ้ามันเวิร์คจริง พ่อของฉันคงจะช่วยให้ฉันซึมซับพังจากพวกมันไปนานแล้ว มาโฟกัสที่การทดสอบมรดกทางวิญญาณกันเถอะ!”
ถังเกอถามอย่างสับสนว่า “แล้ว Hidden Fisher คืออะไรหรอ”
…
เสี่ยวยูพูดคุยมากมายเกี่ยวกับ Hidden Fishers และมรดกทางจิตวิญญาณ
Hidden Fisher นั้นถือเป็นสิ่งอยู่ไกลเกินไป แต่ทั้งหานเฟย และถังเกอต่างก็สนใจทฤษฎีของเธอเกี่ยวกับมรดกทางจิตวิญญาณ
มรดกทางจิตวิญญาณเป็นตัวกำหนดจุดสูงสุดของการที่จะสามารถฝึกฝนได้ ตัวอย่างเช่นมรดกทางจิตวิญญาณของพ่อของเหอเสี่ยวยูคือระดับสองคุณภาพสูงและของหัวหน้าหมู่บ้านคือระดับสามคุณภาพสูง
ผู้ที่มีมรดกทางจิตวิญญาณสูงกว่าระดับสามส่วนใหญ่จะไปที่เมืองที่ดีกว่านี้ ดังนั้นคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจึงมีเพียงมรดกทางวิญญาณที่ไม่ดี
หานเฟยเข้าใจทันทีว่าทำไมอดีตหานเฟยถึงฝึกฝนได้อย่างทุลักทุเลนัก ‘ระดับหนึ่งไม่สมบูรณ์’ นั้นแย่มากจนเขาควรจะขอบคุณพระเจ้าด้วยซ้ำที่เขายังสามารถฝึกฝนตัวเองได้
แต่ถังเกออยู่ได้ไม่นานนัก เขาทานอาหารอย่างรวดเร็วก่อนที่จะถูกเรียกตัวไปทดสอบ
เสี่ยวยูกล่าวว่า “ผู้ที่มีระดับเจ็ดถึงสิบสองได้ถูกเรียกรวบแล้ว ว่ากันว่ามีมากกว่าร้อยคนเลย พวกเขาอาจจะได้รับยาอายุวัฒนะ ซึ่งเฉพาะอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถมีน้ำยานั้นได้”
หานเฟยรออยู่ที่ห้องเรียนเป็นเวลานาน แต่ถังเกอไม่กลับมา คนอื่นๆในห้องเรียนค่อนข้างไม่เป็นมิตรหลังจากที่พวกเขารู้ว่าเขามาถึงระดับสี่แล้ว พวกเขารู้สึกอายที่ถูกผู้ชายที่ไร้ประโยชน์แซงหน้า
หวังเจ๋อได้เข้ามาในห้องเรียนในขณะนี้
เขาเหลือบมองทุกคนและพูดว่า "ไปรวมกันที่สนามเด็กเล่น คุณจะได้รับการทดสอบมรดกทางวิญญาณ”
ทุกคนตื่นเต้นและมีความหวัง..
..สนามเด็กเล่นเต็มไปด้วยผู้คน
ชาวประมงสามสิบคนยืนเรียงแถวกันที่หน้าสนามเด็กเล่นโต๊ะข้างหน้าพวกเขาแต่ละคน มีหินขนาดเท่ากำปั้นอยู่บนโต๊ะทุกตัว
หัวหน้าหมู่บ้านเป็นเป็นคนนำการทดสอบด้วยตนเอง “ฟังนะทุกคน การทดสอบมรดกทางวิญญาณมีความสำคัญอย่างยิ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผู้ที่มีมรดกทางจิตวิญญาณ‘ระดับหนึ่งคุณภาพสูง’จะได้รับรางวัลเป็นซุปกลืนวิญญาณทุกๆห้าวัน ผู้ที่มี‘ระดับสองและระดับสามคุณภาพสูง’จะมีโอกาสเรียนที่โรงเรียนในเมือง และหากใครมีมรดกทางจิตวิญญาณที่สูงกว่าระดับสามคุณจะเป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้านน้ำสวรรค์”
หานเฟยเห็นถังเกอและคนอื่นๆ พวกเขายืนอยู่แถวหน้าถังเกอตั้งใจจะไปหาหานเฟยแต่อาจารย์ก็ขอให้พวกเขาทำการทดสอบเสียก่อน
เสี่ยวยูกล่าวว่า “พวกเขาบางคนต้องมีมรดกจิตวิญญาณระดับสามแน่ๆ”
“คุณรู้ได้ยังไง” หานเฟยถาม
เสี่ยวยูกล่าวว่า “พ่อของฉันบอกว่ามันมีหลายคนทุกปีเป็นเรื่องปกติ แม้แต่คนที่มีมรดกทางจิตวิญญาณระดับห้าก็มีด้วยซ้ำ เขาถูกพาเข้าไปในเมืองโดยตรงเลย”
มันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“เฉาเจียนักตกปลาระดับเจ็ด มรดกทางจิตวิญญาณ : ระดับสองคุณภาพสูง”
สนามเด็กเล่นทั้งหมดตกใจที่นักเรียนคนแรกอยู่ในระดับสองคุณภาพสูงแล้ว นั่นหมายความว่าเขาสามารถเรียนในเมืองและก้าวขึ้นสู่ความเก่งกาจได้มากขึ้น
“หลี่รุยสุ่ย มรดกทางจิตวิญญาณ : ระดับสองคุณภาพต่ำ”
“โจวไห่ป๋อ มรดกทางจิตวิญญาณ : ระดับสองคุณภาพปานกลาง”
…
มีการประกาศรายชื่อหลายสิบครั้ง ยี่สิบเอ็ดคนเป็นระดับสอง ส่วนที่เหลือเป็นระดับหนึ่งคุณภาพสูงทั้งหมด
ทันใดนั้นมีคนร้องว่า “มรดกทางจิตวิญญาณของวูเล่ยคือระดับสามคุณภาพปานกลาง!”
ทุกคนส่งเสียงเชียร์อย่างกึกก้องในสนามเด็กเล่น แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ถึงกับตะลึงเล็กน้อย ระดับสามคุณภาพระดับกลางเกือบจะรับประกันได้ว่าเขาจะได้เป็นปรมาจารย์การตกปลาที่ยิ่งใหญ่
ผู้ชายที่ชื่อวูเล่ยร้องอุทานทันที “ฉันเป็นระดับสามคุณภาพปานกลางหรอ ฮ่าฮ่าฉันอยู่ระดับสามคุณภาพปานกลาง!”
คนอื่นๆต่างก็อิจฉาเขา พวกเขาไม่รู้เลยว่าฟางเจ๋อกำลังสังเกตพวกเขาจากหลังคาที่อยู่ไกลออกไป เขาดูถูกว่าพวกเขาพอใจกับแค่ระดับสามคุณภาพปานกลางช่างน่าอดสูยิ่งนัก
หลังประกาศรายชื่ออีกหนึ่งโหล
ทันใดนั้นการแสดงออกของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ว่างๆก็เลยเอานิยายมาแปลไทย