ตอนที่แล้วบทที่ 248
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 250

บทที่ 249


เสียงเคาะระฆังดังลั่นไปทั่วบริเวณ ทหารสามนายสวมชุดเกราะสีทองเดินไปมาบริเวณทางเดิน เสียงไขกุญแจที่ด้านหน้าดังพร้อมกับประตูหินถูกเปิดออกมา หลังจากนั้นก็มีทหารผู้หนึ่งก้าวเดินเข้ามาจ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตา ไม่นานก็เอ่ยวาจาออกมา

“เด็กหนุ่มนามเนี่ยฟง เจ้าต้องเลือดอาวุธหนึ่งชิ้นจากของเหล่านี้”

สิ้นเสียงกล่าวก็มีอาวุธหลากหลายชนิดกองอยู่บนพื้น เนี่ยฟงขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นทันทีที่หรี่ตามองที่มือขวาของตนพบว่าแหวนสีเทาหายไป จึงหันไปจ้องมองอาวุธที่อยู่บนพื้น หลังจากนั้นก็เดินไปหยิบแส้แข็งขึ้นมาดูลักษณ์แปลกประหลาดกว่าแส้แข็งที่ตนใช้มากนักมีสีดำทมิฬบิดเป็นเกลียว บริเวณตรงกลางมีช่องขนาดเล็กส่วนของช่องมีหนามแหลมโผล่ออกมา ด้ามจับเหมาะมือส่วนท้ายของตามจับมีเหล็กแหลมโผล่ออกมาพร้อมกับพู่สีแดง ทหารนายนั้นถึงกับขมวดคิ้ว

“เจ้ารู้จักอาวุธชิ้นนั้นด้วยรึ”

“พอรู้จักขอรับ”

“ดี เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเลือกอาวุธอีกหนึ่งชิ้นก็แล้วกัน เพราะผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแต่เลือกอาวุธที่มีคมทั้งนั้น แต่เจ้าต่างออกไปเลือกอาวุธเพียงชิ้นเดียวที่ต่างจากผู้อื่น”

เนี่ยฟงหันไปจ้องมองกองอาวุธอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เดินไปหยิบมีดสั้นออกมาหนึ่งเล่ม ไม่นานอาวุธที่อยู่บนพื้นก็หายไปพร้อมกับเสียงสะบัดมือ แต่ทว่ามีแหวนสีเทาหนึ่งวงปรากฏที่พื้น

“เจ้านำไปเถอะของใช้จำเป็นอยู่ในนั้นหมดแล้ว”

สิ้นเสียงกล่าวนายทหารผู้นั้นก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงปิดประตูหิน เนี่ยฟงเดินเข้าไปหยิบแหวนแล้วนำมาสวมไว้ที่มือขวาเช่นเดิมแต่รู้สึกแปลกประหลาดที่นิ้วเมื่อใช้มือซ้ายจับก็พบว่าแหวนวงเดิมยังอยู่ เนี่ยฟงจึงสวมแหวนต่อกันสองวง เมื่อตรวจสอบในแหวนก็พบขวดยาสองขวดเสื้อผ้าสวมใส่ห้าชุด เนื้อแห้งและน้ำดื่มในขวดน้ำเต้า หลังจากทานเนื้อแห้งเปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นชุดเครื่องแบบสีเทาแขนสั้นดูแปลกตาทำมาจากหนังสัตว์อสูร มีปลอกแขนสีดำหนึ่งคู่ทำมาจากเหล็กกล้า รองเท้าหนังพื้นเสริมด้วยเหล็กกล้าเช่นเดียวกัน เมื่อสวมใส่ทั้งหมดทำให้มีน้ำหนักเกือบร้อยชั่ง

เนี่ยฟงถึงกับโคจรลมปราณไปทั่วทั้งร่างถึงจะสามารถเดินเช่นปกติ แต่เมื่อทดสอบวิ่งและใช้กระบวนท่าทำให้ใช้ออกอย่างอยากลำบากเพราะความหนักของชุด เมื่อทดสอบจนพอใจแล้วเนี่ยฟงก็นั่งลงกับพื้นเพื่อโคจรลมปราณ ไม่ถึงสองลมหายใจเขาก็เข้ามาในห้องมืดอีกครั้ง ไม่รีรอรีบนั่งฝึกฝนวิชาที่วนเวียนอยู่ในศีรษะพบว่าเป็นคัมภีร์ตัดสายฟ้าเช่นเดิมเพียงแต่การโคจรลมปราณผ่านจุดต่างกันออกไป เมื่อทดลองดูก็พบว่ามันมีความยากอยู่ไม่นาน เนี่ยฟงใช้เวลาอยู่นานถึงจะขั้นต้น หลังจากนั้นก็ลองฝึกฝนวิชาอื่นถึงกับแปลกใจว่าชื่อของคัมภีร์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นคัมภีร์ที่ตนเคยฝึกเพียงแต่มีการโคจรลมปราณที่ยากกว่าที่เคยฝึกมากนัก

เสียงเปิดประตูหินดังลั่น เนี่ยฟงรีบลืมตาขึ้นมองเห็นทหารคนเดินก้าวเท้าเข้ามาในห้องพร้อมกับนำแผ่นหนังหนึ่งม้วนโยนให้แก่เนี่ยฟง

ทันทีที่เปิดอ่านก็ต้องตื่นตกใจเพราะในม้วนหนังแผ่นนั้นเป็นชื่อของบุคคลอื่น

“เจ้าไม่ต้องแปลกใจ มันชื่อของคนที่เจ้าจะต้องต่อสู้ด้วยอีกสองวันข้างหน้า”

“ต่อสู้”

“ใช่ แต่หากว่าเจ้าชนะเจ้าสามารถขอสิ่งใดก็ได้หนึ่งอย่างที่ไม่ใช่ออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง อาวุธ คัมภีร์ยุทธ แก่นพลังปราณ หรือไม่กระทั่งหญิงสาวสำหรับอุ่นเตียง เมื่อใดที่เจ้าพ่ายแพ้ต้องลงไปช่วยงานที่เหมืองห้าวัน หากเจ้าชนะติดต่อกันถึงสิบครั้งเจ้าจะถูกย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ดีกว่าที่นี่ แต่หากเจ้าแพ้ต้องนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด จงทุ่มเทกำลังจัดการคู่ต่อสู้ของเจ้าซะ”

“หากมีคนตายละขอรับ”

“ฮ่า ฮ่า เจ้าไม่รู้หลอกว่าการทำงานที่เหมืองมันโหดร้ายแค่ไหน หลายคนเลือกที่จะสู้จนตัวตายดีกว่าไปทำงานที่นั่น”

เนี่ยฟงก้มหน้าครุ่นคิด

“เอาละข้ามาเพื่อแจ้งข่าว อีกสองวันข้าจะมารับตัวเจ้าก็แล้วกัน”

ทันทีที่เสียงประตูหินถูกปิดเนี่ยฟงก็แสยะยิ้มสะบัดมือขวาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏทับซ้อนกันสี่วง เสียงสะบัดมือดังแว่วอีกครั้งขวดยาหลายร้อยขวดกองอยู่บนพื้นพร้อมแก่นพลังปราณระดับสีดำธาตุสายฟ้าหลายร้อยก้อนก็ปรากฏบนพื้นพร้อมจดหมายหนึ่งฉบับ เมื่อเปิดอ่านก็พบว่าของทั้งหมดเป็นของจัวกุ๋ยกู่ที่นำมาให้พร้อมกับแก้ไขคัมภีร์ที่ตนฝึกให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส่วนขวดยาทั้งหมดเป็นเม็ดยาสำหรับเพิ่มพลังปราณที่เหล่าเทพใช้กัน

เมื่อเก็บของทั้งหมดเอาไว้ในแหวน เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์อย่างสุดกำลังเมื่อก่อตัวสำเร็จทั้งสี่วงเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานเข้าไปนั่งตรงกลางพร้อมกับซัดฝ่ามือลงพื้น ประกายสายฟ้าพุ่งออกจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์แรงกดดันจำนวนมหาศาลก็กดทับเนี่ยฟงเอาไว้ รอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นเสียงสะบัดมือดังแว่วขวดยาสิบขวดก็ปรากฏขึ้นที่พื้นพร้อมกับแก่นพลังปราณแปดก้อน แก่นพลังปลาณถูกซัดออกไปรอบกายภายในวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นก็กลืนเม็ดยาทั้งขวดลงไปในท้องไม่ถึงสองลมหายใจก็หลับตาเร่งโคจรลมปราณ

เขารับรู้ได้อย่างดีว่าพลังปราณจากเม็ดยาที่กลืนลงไปและพลังปราณจากแก่นพลังปราณถูกดาบทั้งสามเล่มดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง เนี่ยฟงเห็นท่าไม่ดีจึงสะบัดมือขวานำแก่นพลังปราณระดับสีส้มและสีแดงของตนออกมาใช้เกือบทั้งหมด แก่นพลังปราณกองสูงเลยศีรษะไปแล้ว ไม่ถึงหนึ่งเค่อขวดยาขวดที่สองก็ถูกเทเม็ดยาทั้งหมดลงท้อง เหงื่อไหลย้อมทั่วทั้งร่างประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากร่าง หลังจากนั้นเขาก็กลืนเม็ดยาลงไปอีกสี่ขวด ทันทีที่ปรากฏกายในห้องมืดก็เร่งศึกษาคัมภีร์ตัดสายฟ้า อาภรณ์สายลม และท่าเท้าเหยียบนภา แน่นอนว่าเนี่ยฟงไม่ลืมที่จะประทับวง

เสียงเปิดประตูหินดังลั่นอีกครั้งเนี่ยฟงถูกพาตัวออกไปด้านนอก ระหว่างทางเดินเนี่ยฟงหรี่ตามองทั้งสองข้างหาได้พบผู้ใดอยู่มีเพียงห้องที่ว่างเปล่า

“เจ้าไม่ต้องแปลกใจไปไอ้หนู คนทั้งหมดถูกนำตัวไปที่ลานประลองหมดแล้ว เมื่อเจ้าไปถึงก็จะรู้เอง”

ทางเดินทอดยาวออกไปมองเห็นเพียงแสงสว่างตรงปลายทางเมื่อเดินเข้ามาใกล้ก็พบเห็นเป็นม่านพลังสีทอง ทหารนายนั้นก็หันมามองเนี่ยฟงอีกครั้งหลังจากประทับฝ่ามือไปที่ท่านพลังสีทอง

“เจ้าพร้อมหรือไม่ไอ้หนู”

เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับแทนไม่ถึงสองลมหายใจก็เดินตามหลังทหารผู้นั้นเข้าไปในม่านพลัง เมื่อเดินผ่านม่ายพลังทั้งสองก็มาอยู่ในห้องขนาดใหญ่ มีคนอยู่ห้องหลายร้อยคนทั้งหมดล้วนแล้วแต่จ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตา เนี่ยฟงก็หรี่ตามองผู้คนที่อยู่ในห้องด้วยเช่นกัน มีหลายคนอยู่เป็นกลุ่ม บางคนแขนขาด ตาบอด แต่ทว่าพลังปราณที่แผ่ออกมาล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา ไม่นานทหารผู้นั้นก็เดินออกจากห้องไป เนี่ยฟงจึงเลือกที่จะนั่งอยู่มุมห้องเพื่อนั่งโคจรลมปราณเพื่อเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ที่จะมาถึง

ไม่ถึงสิบลมหายใจเนี่ยฟงก็เหมือนกับถูกใครบางคนแผ่ลมปราณเข้ากดทับเมื่อเขาหรี่ตาขึ้นมองก็พบชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ก้าวเดินเข้ามาหาตน เนี่ยฟงจึงค่อยๆลุกขึ้นเผชิญหน้า

“ไอ้หนูเจ้าคงมาใหม่สินะ คงไม่รู้จักธรรมเนียมของที่นี่ ข้าจะเป็นคนกล่าวต่อเจ้าเอง แต่เจ้าต้องจ่ายเป็นของทั้งหมดที่อยู่ในแหวนของเจ้า”

เนี่ยฟงหรี่ตามองเห็นหลายคนเริ่มที่จะขยับตัวเข้าหาตน

“หากข้าไม่สนใจที่จะรู้ละ”

“จะสนใจหรือไม่เจ้าก็ต้องจ่ายอยู่ดี”

ตอนนี้มีชายฉกรรจ์สี่คนยืนล้อมตัวของเนี่ยฟงเอาไว้

“เหตุใดพวกท่านไม่กล่าวตามตรงละว่าจะมาปล้นข้า เหตุใดต้องใช้คำพูดเช่นนั้นละขอรับ เพราะสุดท้ายแล้วพวกท่านก็ต้องการเพียงของในแหวนข้าจริงหรือไม่”

“ปากดีนะไอ้เวร ได้ ได้ ข้าจะทุบตีเจ้า พวกเราจัดการมัน”

สิ้นเสียงกล่าวชายฉกรรจ์ทั้งสามก็พุ่งเข้าหาเนี่ยฟงพร้อมอาวุธในมือ มีสองคนใช้ดาบส่วนอีกคนใช้พลอง เสียงกระทืบเท้าดังลั่นวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกจากพื้นสี่เส้นพุ่งเข้ารัดตัวของทั้งสาม เสียงสะบัดมือดังแว่วแส้แข็งถูกกำชับในมือแน่น ไม่รีรอสิ่งใดเนี่ยฟงรีบพุ่งเข้าหาชายหนุ่มที่ถือดาบด้านซ้ายพร้อมกับฟาดฟวดแส้แข็งในมือไปที่หน้าอก เปรี้ยง เสียงกระดูกแตกดังลั่นติดตามมากับเสียงร้องโหยหวน ไม่ถึงสองลมหายใจต่อมาคนที่อยู่ทางขวาก็ถูกแส้แข็งฟาดหวดไปที่แขนทั้งสอง เปรี้ยง เปรี้ยง และคนสุดท้ายเนี่ยฟงฟาดหวดแส้แข็งไปที่ขาทั้งสองข้างแทน

ไม่ถึงสิบลมหายใจชายฉกรรจ์ทั้งสามก็ลงไปนอนดิ้นไปมาบนพื้นหลายคนจ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตาเช่นเดียวกับชายฉกรรจ์ที่เอ่ยวาจาสั่งการ เสียงร้องคำรามกระบี่หนึ่งเล่มปรากฏในมือพร้อมกับใช้ทักษะบางอย่างจ้วงแทงออกมา เงาปราณกระบี่สีขาวพุ่งเข้ามาประดุจหาฝนเนี่ยฟงแสยะยิ้มจางหายไปก่อนที่ปราณกระบี่สัมผัสกาย หลายคนด้านหลังเนี่ยฟงต่างถูกลูกหลง เพียงแต่ชายฉกรรจ์ทั้งสามก่อนหน้าบาดเจ็บสาหัสเพราะไม่สามารถหลบปราณกระบี่ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด