บทที่ 125 Devil May Cry [1] (อ่านฟรี)
ความจริงซีเว่ยก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน
คลื่นรบกวนจากไข่ปีศาจสามารถปิดกั้นดวงตาศักดิ์สิทธิได้ในระดับหนึ่ง ตอนนั้นแม้อัสลานสิงโตตัวใหญ่ก็มองไม่เห็นซอดเมื่อเขากลายเป็นผู้ใช้ดาบปีศาจ ทั้ง ๆ ที่เขามีพลังมากกว่าซีเว่ยมาก
นั่นคือเหตุผลที่ซีเว่ยไม่พบไข่ปีศาจที่ซ่อนอยู่ในตัวของเซซิลตั้งแต่ต้น และคิดไปเองว่า การที่เขาไม่สามารถมองเห็นสถานที่บางแห่งในปราสาทได้ เป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ของคราตอสเทพเจ้าแห่งสงครามปกป้องมันไว้ (อันที่จริงห้องของฮอร์รันมีสิ่งนี้)
เมื่อซีเว่ยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ การต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วที่ปราสาทหลัก
จากนั้นเมื่อเขาร่างเควสเสร็จ และมอบมันให้กับผู้เล่น พวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์คร่าว ๆ จากคินลีย์
จากนั้น คินลีย์ที่ยังคงพยายามบีบน้ำตาก็พบว่า ผู้เล่นที่ไม่ได้สนใจเธอเลย พวกเขาจู่ ๆ ก็กระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมา สีหน้าของพวกเขาดูน่ากลัวเหมือนกับมีคำว่า 'เข้าใจแล้ว ตอนนี้เราทุกคนออกไปตัดหัวศัตรูกันเถอะ' หรือ 'ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือศัตรูเป็นใคร แต่เราจะออกไปฆ่าพวกมันทันที'
สิ่งนี้ทำให้หญิงสาวตกตะลึง และการประเมินแองโกร่าในใจของเธอก็เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง: คนส่วนใหญ่จะตกใจมากเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า 'สัตว์ประหลาด' พวกเขาจะสับสนและไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรดี
มันก็ดีพอแล้วที่ทุกคนจะเก็บข้าวอย่างใจเย็นและรวดเร็วก่อนที่จะรีบหลบหนีไป แต่ไม่มีผู้ติดตามของแองโกร่าคนไหนตื่นกลัว ความจริงพวกเขาเริ่มเตรียมตัวสู้กลับด้วยซ้ำ
เนื่องจากคินลีย์เองได้รับเลือกให้เป็นลูกศิษย์ของนักเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งของทวีป ดังนั้นเธอจึงอ่านสีหน้าคนได้ค่อนข้างดี เธอมั่นใจว่าท่าทางของผู้เล่นตอนนี้นั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังจะต้องไปเผชิญกับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว แต่เป็นความตื่นเต้นที่ไม่อาจระงับได้ และความปรารถนาที่จะต่อสู้ (เพื่อ EXP)
ต้องบอกว่ามันเหมือนกับสีหน้าของนักบุญดาบที่เธอเคยพบในห้องโถงของอาจารย์ เมื่อเขาได้ยินว่ามีศัตรูที่ทรงพลังปรากฏตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ดังนั้นเธอจึงสามารถจินตนาการได้ว่า แม้ตอนแรกเริ่มคนกลุ่มนี้จะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ตราบใดที่พวกเขาสามารถอยู่รอดต่อไปได้ พวกเขาก็จะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากแองโกร่าสามารถควบคุมเมล็ดพันธุ์ที่ดีเหล่านี้ได้ เขาอาจมีความสามารถมากกว่าที่คินลีย์คิด
อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดที่กลายร่างมาจากเซซิลนั้นแตกต่างจากสัตว์ประหลาดทั่วไปมาก และคนเหล่านี้อาจไม่รอดหากพวกเขาวิ่งเข้าสู่สนามรบ
แม้ว่าภายนอกคินลีย์จะดูกระสับกระส่ายมาก แต่ภายในเธอสงบและเข้าใจทุกอย่าง
ดังนั้นเธอจึงตัดสินเปิดเผยข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับศัตรู และปล่อยให้คนกลุ่มนี้ล่าถอยเมื่อพวกเขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้อันตรายกว่าที่พวกเขาคิด พวกเขาไม่จำเป็นต้องสู้ต่อไป เพราะมันก็ถือเป็นชัยชนะแล้วหากพวกเขาล่าถอยได้อย่างปลอดภัย และปล่อยส่วนที่เหลือให้ผู้แข็งแกร่งจากศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวและวิหารแห่งความรุ่งโรจน์จัดการ
“ข้า ข้าเคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนั้นในสารานุกรมของอาจาร์ยข้า…เซซิลอาจกลายเป็นปีศาจในตำนาน!” หญิงสาวทำหน้าตื่นตระหนก “ไม่มีใครนอกจากอัครมุขนายกหรือมุขนายกชุดขาวจะสามารถเอาชนะมันได้!”
แองโกร่าพยักหน้าก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดว่า 'เราต้องขอความช่วยเหลือจากศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสว!' และพูดว่า "ข้ารู้แล้ว"
ไม่ใช่แค่แองโกร่า ทุกคนในห้องก็กำลังแสดงท่าทางที่บอกว่า 'โอ้ ปีศาจ' 'ก็แค่ปีศาจ ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก' หรือ ‘เรารู้ดีว่ามันเป็นปีศาจ’
เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นบนหัวของคินลีย์ “???”
'พวกเจ้าจะรู้อะไร!
'นั่นมันปีศาจ เวรเอ๊ย!'
‘ไม่ใช่อิมพ์กำมะถันที่คลานไปทั่วนรก! มันคือปีศาจที่สามารถทำลายกองกำลังทหารนับร้อยได้ในไม่กี่นาที!’
'แล้วพวกเจ้าจะสู้ยังไง? ไม่มีใครในพวกเจ้าดูเหมือนนักบวชนอกจากผู้หญิงที่ใส่ชุดสีขาว (เจสสิก้า) ที่ถือไม้กางเขน! ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้มาจากนักเล่นแร่แปรธาตุระดับแนวหน้าของทวีปจะใช้ได้ผล! ตอนนี้การหนีเป็นทางเลือกเดียวของพวกเรา!'
การพูดเช่นนั้นจะทำให้ภาพลักษณ์ที่นุ่มนวล บอบบาง และอ่อนโยนของเธอ ที่เธอแสร้งทำมาตลอดเสียหาย
“ข้าคิดว่ามันดีกว่าหากเราจะใช้แผนระยะยาว…”
ภายใต้การนำของแองโกร่า ผู้เล่นก็เริ่มมุ่งหน้าออกจากอาคารไปยังปราสาทหลัก
“ไปกันเถอะ!”
“โอ้!!”
คินลีย์รู้สึกว่าความดันโลหิตของเธอพุ่งสูงขึ้นทันที
‘ฟังคนอื่นเขาพูดบ้างเซ่!’
ไม่ใช่ว่าแองโกร่าไม่ฟังเธอ แต่พ่อของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถ ‘ใช้แผนระยะยาว’ ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ระบบก็ได้ออกเควสมาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าศัตรูเป็นเพียงผู้ที่ถูกความชั่วร้ายครอบง่ำ และยังไม่ได้กลายเป็นปีศาจที่แท้จริง
ดังนั้น ทางเลือกที่ถูกต้องในตอนนี้คือการกำจัดมัน
***
มีทางเดินสองทางเชื่อมต่อปราสาทหลักกับอาคารด้านนอก สถานที่ที่แองโกร่าและพรรคพวกของเขาอยู่คืออาคารด้านข้างปราสาทหลัก แต่ประตูทางเข้าหลักเป็นเพียงจุดเดียวที่สามารถเข้าสู่ปราสาทอินทรีเงินได้ ที่จริงมันอาจมีทางลับอยู่ 2-3 ทางไว้สำหรับใช้หลบหนี แต่แองโกร่าไม่รู้เรื่องนั้น
ทีแรก คินลีย์กำลังวางแผนที่จะผูกผ้าปูเตียง หรืออะไรก็ตามเป็นเชือกและหนีออกจากทางหน้าต่าง แต่แองโกร่าและผู้ติดตามของเขากลับมุ่งตรงไปยังปราสาทหลัก และมันยากที่เธอจะหนีไปได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นเธอจึงติดตามพวกเขา แม้ว่าเธอจะสาปแช่งพวกเขาอยู่ในใจไปตลอดทางก็ตาม
“มีศัตรูเฝ้าอยู่ตรงทางออกข้างหน้า เราควรทำยังไงดี” โจโผล่หัวออกไปมองทางด้านหน้าจากมุมทางเดิน ก่อนจะหันกลับไปถามคนอื่น ๆ เมื่อเห็นลูกสมุนอยู่เฝ้าใกล้ ๆ ทางออก
ทางเดินแคบเกินไป ง่ายต่อการป้องกันและยากต่อการโจมตี ผู้เล่นอาจติดกับดักได้หากพวกเขาพยายามบุกเข้าไปตรง ๆ
หากเวลาถูกลากออกไป และเซซิลกลายเป็นปีศาจที่แท้จริง ผู้เล่นคงจะต้องส่ง GG* ออกไปท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างไม่อาจทำอะไรได้
(GG = ย่อมาจากคำว่า good game จุดประสงค์ที่แท้จริงคือแสดงความมีน้ำใจนักกีฬาต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ในแง่ลบ ยังแปลว่า "git gud" (get good) คำนี้จะไว้เยาะเย้ยยั่วโมโหผู้เล่นใหม่ประมาณว่า "ไปฝึกมาใหม่ให้ดีกว่านะจ๊ะ!")
“ทางเดินทั้ง 2 อยู่ใกล้กันมาก…จะดีกว่าถ้าเราสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูได้” แองโกร่าคิดจะให้ผู้เล่น 2-3 คนเสนอตัวไปเป็นเหยื่อล่อ
ในทางกลับกัน แม้ผู้เล่นจะดูอ่อนแอ แต่การแสดงทักษะซูเพล็กซ์อันน่าทึ่งของโจที่น้ำพุด้านหน้าปราสาทนั้นค่อนข้างน่าตกใจ หากผู้เล่นจับศัตรูไม่ได้ในคราวเดียว และปล่อยให้ศัตรูมีโอกาสเรียกพวกมาเพิ่ม เรื่องก็จะยิ่งแย่
นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาต้องส่งเหยื่อที่ดูอ่อนแอออกไป ศัตรูจะได้คิดว่าไม่จำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือ
แม้ว่าทหารจะกลายเป็นลูกสมุนปีศาจและสูญเสียสติปัญญาไปมาก แต่พวกเขาก็หลอกไม่ง่าย
"ข้าจัดการเอง" จู่ ๆ เอลีน่าก็อาสา
เด็กสาวหยิบลูกบอลสีขาวแดง (โปเกบอล) ออกมาจากหน้าอกแบน ๆ ของเธอแล้วเหวี่ยงมันลงพื้น “คล็อกกาโตว์ข้าเลือกเจ้า!”
ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาขณะที่ลูกบอลกระทบพื้น คล็อกกาโตว์ซึ่งกำลังทานอาหารเย็นอยู่ที่หมู่บ้านมนุษย์กบก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา
หลังจากเอลีน่าสรุปสิ่งที่ต้องทำ คล็อกกาโตว์ก็เหวี่ยงปลาเค็มรมควันในมือทิ้งทันที ก่อนจะกล่าวทักทายเด็กสาว “ฮาคุน่ามาคร็อกคร็อก! ข้าสัญญาว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จ!”
ด้านข้างพวกเขา คินลีย์กำลังจ้องมองทุกอย่างตรงหน้าเธอด้วยสายตาที่หมองหม่น
เกิดอะไรขึ้น?
เกิดอะไรขึ้น?
กบตัวนั้นมาจากไหน?
ศักดินาของแองโกร่าไม่ใช่เมืองชายแดนที่ห่างไกลหรอกเหรอ?
ผู้คนที่นั่นจะเรียนรู้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงเช่นนี้ได้อย่างไร!
***
ขณะที่สมุนทั้ง 2 กำลังคุยกันด้วยภาษานรก
“สวัสดีทุกคน~”
ที่นั่น มนุษย์กบตัวผอมกำลังยืนอยู่ไม่ไกลขณะส่ายก้นไปที่พวกเขา อวดลวดลายเล็ก ๆ ที่คล้ายกับดอกเบญมาศด้านหลัง “พวกเจ้าอยากเห็นดอกไม้น้อย ๆ ของข้าไหม”
ลูกสมุนปีศาจพูดไม่ออก
10 วินาทีต่อมา
คล็อกกาโตว์ส่งเสียงแหลม เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว ขณะที่บินผ่านทางเดินนั้นไปอย่างรวดเร็วโดยมีลูกสมุน 2 ตัววิ่งไล่ตาม
“ไม่มีใครอยู่ที่ทางออกแล้ว! ไปกันเลย!”
ดังนั้นผู้เล่นจึงใช้โอกาสนี้เปิดประตูเข้าไปในปราสาทหลัก
มีเพียงคินลี่ย์เท่านั้นที่มองไปยังทางที่กบตัวน้อย ที่ถูกกำหนดให้ต้องเสียสละตัวเองหายไปอย่างเศร้าใจ...
---------------------------------------------
เพจ FC-Translate