ตอนที่ 6 : สังหารจอมยุทธระดับบัวภายใน
ตอนที่ 6 : สังหารจอมยุทธระดับบัวภายใน
หลังจากที่พวกเขาเก็บกระท่อมไม้แล้ว โจวฉวนจีก็ไปที่ห้องครัวเพื่อเก็บกระทะ ชาม หม้อ และอาหาร
เจียงฉือน้อยดูตื่นเต้นมากตลอดการเก็บของนั้น
เธอดูสนุกและตื่นเต้นมากจากการที่เห็นน้องชายของเธอใช้คาถาเป็น
เจียงฉือน้อยเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับจอมยุทธถูกเล่าขานภายในหมู่บ้านลำธารขจีเช่นกัน
ดังนั้นแล้วน้องชายของเธอก็น่าจะเป็นจอมยุทธเหมือนกัน!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูน่ารักและแตกต่างกับเด็กคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านโดยสิ้นเชิง เขาก็เหมือนกับดอกบัวใต้น้ำที่รอวันเติบใหญ่
หลังจากที่เก็บของทุกอย่างเสร็จ พวกเขาก็เดินอ้อมเลี่ยงศพก่อนจะเดินไปยังด้านหลังภูเขา
หมู่บ้านลำธารขจีนั้นตั้งอยู่บริเวณไหล่เขา และถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีรวมถึงแม่น้ำหลากสาย และเป็นเพียงหมู่บ้านเดียวภายในรัศมี 15 ไมล์นี้
อย่างไรก็ตาม ทิศทางที่โจวฉวนจีกำลังมุ่งหน้าไปนั้นห่างออกไปจากหมู่บ้านและตัวเมือง
ในตอนนี้เขาสามารถอยู่ได้โดยพึ่งพาดาบมังกรสีชาด และไม่ต้องหวาดกลัวตระกูลฝางแต่อย่างใด แต่ก็ยังกังวลอยู่ว่าอาจจะปัญหาใหญ่ตามมา
นั่นเพราะเขารู้ว่านักรบในมหาจักรวรรดิโจวนั้นน่ากลัวแค่ไหน พวกเขาสามารถยกภูเขาแหวกทะเลได้อย่างง่ายดาย
และจะน่ากลัวยิ่งกว่านั้นหากเขาถูกคนของราชินีจักรวรรดิโจวเจอตัวเข้า
ทุกวันนี้โจวฉวนจียังมีชีวิตรอดมาได้แม้จะผ่านอันตรายมามากมาย เพราะงั้นแล้วเขาก็ไม่อยากที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพราะความประมาทเช่นกัน
บางทีถ้ารอจนกว่าจะกลายเป็นผู้ใหญ่...
ไม่สิ!
ขอเวลาสัก 10 ปี อาจจะมากพอให้สามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ หรืออย่างน้อยก็พอที่จะปกป้องตัวเองได้
และหลังจากที่เริ่มเข้าป่า เขาก็นำดาบมังกรสีชาดออกมาเผื่อเอาไว้
มือขวาของเขากำดาบแน่น ในขณะที่มือซ้ายจับมือของเจียงฉือน้อยไว้ เงาเล็ก ๆ ทั้งสองค่อย ๆ เดินลึกหายเข้าไปในภูเขา
ตั้งแต่เกิดมา เจียงฉือน้อยยังไม่เคยออกมาไกลจากหมู่บ้านลำธารขจีเลย เธอรู้สึกกังวลมาก แต่ก็โชคดีที่ยังมีโจวฉวนจีคอยอยู่ข้าง ๆ ทำให้เธออุ่นใจ
และพวกเขายังคงเดินทางต่อเนื่องไปอีก 3 วัน
ในตอนดึก พวกเขาจะผลัดกันนอน และในตอนกลางวันที่เดินทาง โจวฉวนจีจะขอให้จิตวิญญาณแห่งดาบคอยเฝ้าระวังให้เผื่อเจออะไรระหว่างทาง
ทั้งสองได้เจอกับสัตว์นักล่าบ้าง เช่น เสือ หรือหมาป่า แต่ก็ไม่ได้อันตรายพอที่จะทำร้ายพวกเขาได้
เพราะนอกจากดาบมังกรสีชาดที่อยู่ในมือเขาแล้ว โจวฉวนจีก็ยังเป็นจ้าวกระบี่ที่บรรลุจิตแห่งดาบด้วย ถึงแม้เขาจะอายุเพียง 2 ขวบก็ตาม
จนในที่สุด พวกเขาก็พ้นอาณาเขตของหมู่บ้านลำธารขจีได้ภายใน 3 วัน
และในวันหนึ่งพวกเขาก็ได้เดินมาถึงขอบหน้าผา ที่ซึ่งมีน้ำตกไหลลงมาตามหน้าผา และมันดูน่ากลัวมาก ๆ
ในตอนที่ยืนอยู่บนขอบหน้าผานั้น เมื่อมองไปไกลออกไป สิ่งเดียวที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้านั้นคือ ทั้งคู่หลงทาง
หน้าผาที่ยืนอยู่นั้นถูกล้อมรอบไปด้วยป่า และมีเทือกเขาอันกว้างใหญ่ตัดผ่านภูมิประเทศซึ่งอยู่ข้างหน้าพวกเขาไปไกล 1000 เมตร
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มี 2 เงาลอยพาดผ่านพื้นที่เหนือป่า
หนึ่งในนั้นเป็นชายชราสวมผ้าคลุมสีน้ำเงิน ส่วนอีกคนเป็นชายสวมชุดสีดำ
พวกเขาลอยอยู่บนอากาศโดยไม่สนกฎแรงโน้มถ่วงใด ๆ และดูท่าจะอยู่ระหว่างการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ชายชราในชุดน้ำเงินนั้นมีผมสีเงินและใบหน้าที่อ่อนเยาว์ เขาถือดาบเอาไว้ในมือและมีท่าทางราวกับเป็นปราชญ์เซียนเทพผู้ซึ่งได้บรรลุหนทางแล้ว
ส่วนชายหนุ่มอีกคนผมยาวใส่ชุดสีดำดูกระเซอะกระเซิงมาก ใบหน้าของเขาดูดุร้ายและมีควันสีดำรายล้อมรอบตัว เขาถือดาบโค้งสองเล่ม ท่าทางราวกับปีศาจร้าย
มองจากระยะไกลแล้วราวกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม คาถาทุกประเภทถูกร่ายอย่างต่อเนื่องและถล่มทั่วผืนป่า กวาดล้างสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
นั่นมันจอมยุทธหนิ!
หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ และเจียงฉือน้อยก็สั่นกลัวเช่นกัน
จอมยุทธที่จะสามารถบินบนอากาศได้อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับบัวภายในแล้ว
ในขณะที่โจวฉวนจีนั้นยังไม่แม้แต่จะเข้าสู่ระดับรักษาปราณเลยสักนิด ต่อให้จะมีดาบมังกรสีชาดอยู่ แต่ก็ไม่มากพอจะสู้กับจอมยุทธที่อยู่ในระดับบรรลุญาณได้ นับประสาอะไรกับผู้ที่อยู่ระดับบัวภายในแล้ว
เขาดึงเจียงฉือน้อยหันกลับและวิ่งหนีให้ห่างจากพวกเขาทันทีโดยไม่ลังเลใด ๆ
ทั้งสองไม่พูดอะไรขณะที่วิ่งหนี พวกเขาต้องรีบหายเข้าไปในป่าให้ได้เร็วที่สุด
และพวกเขาก็หยุดลงหลังจากที่วิ่งหนีมาได้ 2 ชั่วโมง
สำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ แบบพวกเขาแล้ว การที่วิ่งนานขนาดนี้ก็แทบจะทำให้ขาของพวกเขาหักเลยทีเดียว
“ท่านพี่ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
เขาถามขณะที่หายใจเหนื่อยหอบ
ระหว่างที่พวกเขาเดินทาง เจียงฉือน้อยไม่ได้ร้องหรือบ่นเลยสักครั้ง แต่ก็มีหลายครั้งที่เด็กสาวตัวน้อยเกือบจะเป็นลม ถ้าเขาไม่หยุดซะก่อน
“ถ้าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว”
เจียงฉือน้อยปาดเหงื่อออก และตอบคำถามในขณะที่หายใจถี่
โจวฉวนจีมองและรู้สึกผิดกับเธอ เขาจึงหยิบขวดน้ำออกมาจากสุดยอดช่องเก็บของก่อนจะเอาให้เธอ
ถึงแม้เขาจะเรียกเธอว่าพี่สาว แต่ภายในใจ เจียงฉือน้อยก็เป็นเหมือนกับน้องสาวของเขา
ทั้งสองคนหยุดพัก และพยายามพูดเสียงเบา เพื่อไม่ให้จอมยุทธทั้งสองเจอพวกเขา
พวกเขากันพักอยู่ประมาณ 10 นาที ก่อนจะลุกขึ้น
โจวฉวนจีเก็บดาบมังกรสีชาดเข้าไปในสุดยอดช่องเก็บของ และตัดสินใจเดินต่อไปข้างหน้าด้วยความโซซัดโซเซ แต่ยังคงประคองกันและกันอย่างมั่นคง
แต่จากนั้นไม่นาน
ตู้ม!
ร่าง ๆ หนึ่งร่วงลงมากจากฟากฟ้า และกระแทกลงสู่ผืนดินต่อหน้าพวกเขาอย่างแรง ใบไม้นับไม่ถ้วนถูกกวาดออกและพัดปลิวไปกับสายลม ต้นไม้รอบข้างสั่นไหวจากแรงสะเทือนที่เกิดขึ้น
เจียงฉือน้อยและโจวฉวนจีต่างสั่นกลัว พวกเขามองไปข้างหน้าและรู้สึกหวาดกลัว
คน ๆ นั้นคือชายชราในชุดน้ำเงินที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้!
เขานอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า และทั้งตัวท่วมไปด้วยเลือด ความเจ็บปวดแสนสาหัสแสดงออกมาทางสีหน้าของเขา
ทั้งคู่ยืนตัวแข็งไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นเขา
สถานการณ์เลวร้ายยังไม่จบ!
“แม่งเอ้ย ดวงจะซวยอะไรขนาดนี้เนี่ย!”
โจวฉวนจีทำได้แต่สาปแช่งภายในใจ เขาจับเจียงฉือน้อยไว้และรีบหันหลังกลับทันที
แต่เมื่อเขาหันกลับไป ก็พบกับชายที่ราวกับอสูรเดินเข้ามาพร้อมกับถือดาบสองเล่มที่ชุ่มไปด้วยเลือด
“กั๋วไป่หลี่ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้เก่งขึ้นเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมานะ”
ชายชุดดำระเบิดหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชา และเดินตรงไปข้างหน้าหาชายชราในชุดน้ำเงิน
โจวฉวนจีตัวสั่นในขณะที่ดึงเจียงฉือไปไว้ข้างหลัง ก่อนจะก้าวถอยอย่างระมัดระวัง
ชายชุดดำเดินผ่านหน้าพวกเขาไป และระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นน้อยกว่า 2 เมตร
“เกิดอะไรขึ้น...ทำไมขาข้ามันไม่ขยับ...ข้าวิ่งไม่ได้...” เขาคิดและรู้สึกกังวล
เขาไม่เคยเป็นอะไรแบบนี้มาก่อน
“มันคือจิตสังหารของชายคนนั้น ศัตรูตั้งใจจะฆ่าท่าน เขาจึงกักขังท่านไว้ด้วยจิตสังหาร” จิตวิญญาณแห่งดาบตอบภายในใจ
โจวฉวนจีกำมือซ้ายแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น
เขาจะฆ่าพวกเรา!
พวกเราเป็นแค่เด็กเองนะ!
“กั๋วไป่หลี่ เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียมั้ย?”
ชายชุดดำกล่าวและหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันน่าพรั่นพรึง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เขาเมินโจวฉวนจีและเจียงฉือ แต่ตั้งใจจะสังหารพวกเขาทันทีที่กำจัดกั๋วไป่หลี่ได้
กั๋วไป่หลี่พยายามที่จะลุกขึ้นแต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะเส้นเอ็นและกระดูกของเขาหักทั้งหมด
“เด็กพวกนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ...” กั๋วไป่หลี่พูดทั้งกัดฟัน
กั๋วไป่หลี่นั้นได้ยอมแพ้ไปแล้ว แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กทั้งสองต้องมาข้องเกี่ยวกับชะตากรรมที่โหดร้ายเช่นนี้
“ฮะฮะฮ่า! ก่อนจะพูดถึงคนอื่น หักดูตัวเจ้าเองก่อน...”
ชายชุดดำพูดเยาะเย้ยเขา แต่ในขณะที่กำลังพูดนั้น ดาบมังกรสีชาดก็แทงเข้าที่หัวเขาทันที เลือดได้สาดกระเซ็นไปทั่วพื้น
จอมยุทธระดับบัวภายในตายแล้ว!
กั๋วไป่หลี่เบิกตากว้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
และเจียงฉือน้อยก็ตกใจมากเช่นกันเมื่อได้เห็นฉากที่น่าสะพรึง
ดาบมังกรสีชาดลอยกลับมาอยู่ในมือของโจวฉวนจี
“จิตวิญญาณแห่งดาบ เขาตายหรือยัง?” โจวฉวนจีถามภายในใจ จอมยุทธระดับบัวภายในอาจจะไม่ตายง่าย ๆ ก็ได้
“เขาได้สิ้นชีวิตแล้ว และไม่อาจจะตายได้มากกว่านี้”
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของจิตวิญญาณแห่งดาบ เขาก็วิ่งเข้าไปหาชายชุดดำและค้นทั่วร่าง
ก่อนจะเจอกับกระเป๋าเก็บของและแหวนเก็บของ
จากนั้นเขาก็ดึงเจียงฉือน้อยไปกับเขาและจากไปทันที
“เดี๋ยวก่อน!”
กั๋วไป่หลี่ตะโกนขึ้นทันที แต่โจวฉวนจีไม่ได้หันกลับไปและหายเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไม่นาน กั๋วไป่หลี่ก็รู้สึกสับสนและบ่นพึมพำกับตนเอง “อัจฉริยะที่อยู่อันดับต้น ๆ ของมหาจักรวรรดิโจวมาตายแบบนี้..”
“ด้วยน้ำมือของเด็กที่อายุแค่ 2-3 ขวบน่ะหรอ”
แม้ว่ากั๋วไป่หลี่จะรอบรู้และได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มามากมาย แต่เขาก็ยังคงรู้สึกสับสน โลกทัศน์ที่เขาเคยเห็นได้แตกเป็นเสี่ยงๆ
ความเฉียบขาดในการโจมตีนั้นทำให้เขาสั่นสะท้าน
แต่สิ่งที่เขาสงสัยยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
โจวฉวนจีไม่ได้โจมตีเขา ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี
ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน
ทำไมจู่ ๆ เจ้าเด็กนั่นถึงมาช่วยข้าก่อนที่จะจากไปเเบบนั้นกัน?
กั๋วไป่หลี่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ถ้าหากมีปีศาจปรากฎตัวขึ้นมา มันคงจะเป็นจุดจบของเขาแน่ ๆ