ตอนที่ 3 : 1 ดาบ 1 ปี
ตอนที่ 3 : 1 ดาบ 1 ปี
เมื่อเด็กสาวตัวเล็กได้ยินเสียงนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา
โจวฉวนจีนั้นเป็นเชื้อพระวงศ์ ผิวของเขาจึงขาวและเนียนนุ่ม แม้กระทั่งใบหน้านั้นก็ยังงดงาม เมื่ออายุได้ 2 ขวบ เขาได้รับความรักมากมายจากผู้คนรอบข้าง ปกติแล้วเขามักจะทำตัวน่ารักและน่าสงสารกับผู้คนในวัง เหล่านางสนมทุกคนจึงรักและเอ็นดูเขาเป็นอย่างมาก
เว้นเสียแต่องค์ราชินีเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่นางเห็นเขา นางมักจะแสดงสีหน้าที่รังเกียจอย่างสุดซึ้งออกมาให้เห็นเสมอ
เด็กสาวหยุดร้องไห้ทันทีที่เห็นหน้าเขา
“เจ้าตื่นแล้วหรอ?!” เธอร้องอย่างประหลาดใจ
เธอลืมเรื่องที่กำลังเสียใจในทันทีก่อนจะรินน้ำให้เขา
เธอเดินไปที่เตียงไม้พร้อมกับชามที่ถือในมือข้างหนึ่ง และอุ้มเขาด้วยมืออีกข้างก่อนจะป้อนน้ำให้
โจวฉวนจีดื่มน้ำหมดภายในครั้งเดียว รอบปากของเขาจึงเปียกไปหมด เขาพูดพลางหัวเราะ “พี่สาว เจ้าเก่งมาก”
เด็กสาวหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถาม “เจ้าชื่ออะไรหรอ?”
“ข้าโจวฉวนจี อายุ 2 ปี แล้วเจ้าล่ะ พี่สาว?” เขาพร้อมพลางยิ้มให้
เขาถามโดยไร้ซึ่งความกังวลว่านางจะสงสัยตั้งแต่ที่นางยังเป็นแค่เด็กสาวเท่านั้น
“โจวฉวนจี? ช่างเป็นชื่อที่แปลกซะจริง ข้าชื่อเจียงฉือ อายุ 6 ปีจ๊ะ” (หมายเหตุ : ตัวอักษรจีน “ฉวนจี” แปลได้ว่า เหตุการณ์ประหลาด)
เด็กสาวดูดนิ้วพลางพึมพำ
เขานั่งลงบนตักเธอ เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถาม “เจ้าคือคนที่ช่วยข้าไว้ใช่มั้ย?”
“ใช่ ข้าเอง” เจียงฉือพยักหน้า “แล้วครอบครัวของเจ้าล่ะ?” เธอถาม “พวกเขาไม่ต้องการเจ้าแล้วหรอ?”
เขาตอบ “พวกเขาถูกปีศาจกินไปแล้ว”
แม่นางจาวฉวนก็ไม่น่าจะรอดแล้ว และยังจักรพรรดิ์เหยียนแห่งโจวอีก เขาคงตัดสินแล้วว่าโจวฉวนจีได้ตายไปแล้วเป็นแน่
เจียงฉือน้อยรู้สึกเห็นใจที่พ่อแม่ของเขาถูกปีศาจกิน แต่ก็ไม่ประหลาดใจนัก
ชาวบ้านมักจะโดนปีศาจกินระหว่างออกหาอาหารบ่อยครั้ง ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไร
เด็กทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน
โจวฉวนจีพบว่าเขาอยู่ในหมู่บ้านลำธารขจี ซึ่งตั้งอยู่แถวมุมขอบอาณาจักรเหมันต์แดนใต้
อาณาจักรเหมันต์แดนใต้นั้นอยู่ภายใต้การปกครองของมหาจักรวรรดิ์โจว
เจียงฉือไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่มาก่อน และเธออาศัยอยู่กับแค่คุณยายที่ตอนนี้อายุมากกว่า 60 ปีแล้ว
ไม่มีใครรู้ชื่อของคุณยายเธอ แต่ชาวบ้านเรียกนางว่า ยัยแก่บ้า
และเมื่อเธออายุได้ 5 ปี ยัยแก่บ้าก็มักจะออกจากบ้านและทิ้งให้เธออยู่คนเดียวบ่อย ๆ
ในตอนแรกเธอก็กลัวแต่ตอนนี้กลับชินซะแล้ว
แต่ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเด็กในโลกนี้โตเร็วกว่าเด็กในโลกก่อนมาก
นอกจากนี้สิ่งที่ควรจะรู้ไว้คือ ยัยแก่บ้านั่นก็มักจะยืมเงินชาวบ้านไป แต่ไม่มีใครรู้ว่านางยืมไปเพื่ออะไร
และในตอนนี้นางก็ได้ทิ้งหนี้ก้อนใหญ่เอาไว้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มีทำไมถึงคนมาตามทวงหนี้เธอ
อีกทั้งพวกเขายังบอกว่าจะเอาเจียงฉือไปขายในซ่องราคาถูก
“พี่สาว ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้านับจากนี้ไปเอง”
เจียงฉือได้ช่วยชีวิตเขาไว้
เจียงฉือน้อยกอดเขาไว้พลางหัวเราะ แต่เธอไม่ได้ตอบในสิ่งที่เขาพูด และพึมพัมว่า “คุณยายก็หายไปตั้งครึ่งเดือนเเล้ว นางตั้งใจจะทิ้งข้าไว้ที่นี่จริง ๆ อย่างงั้นเหรอ”
โจวฉวนจีรู้สึกใจสลายเมื่อได้ยิน เขาตบหน้าตัวเองก่อนจะพูดพลางยิ้มว่า “คุณยายเจ้าได้จากไปแล้ว แต่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่านี่คือเจตจำนงของสวรรค์หรอ ที่ทำให้ข้าได้มาอยู่กับเจ้าน่ะ”
เขานั้นไม่มีที่จะไปแล้ว ถ้าเขาเข้าไปอยู่ในเมืองก็คงจะถูกจับ ดังนั้นแล้วการอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาจึงน่าจะดีกว่า
เจียงฉือน้อยยิ้มกว้างให้กับสิ่งที่เขาพูด ก่อนที่เธอจะหยิกแก้มเขาเบาและหัวเราะอย่างขี้เล่น “ได้เลย! งั้นตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะเป็นน้องชายของข้านะ”
เธอไม่ได้เตรียมใจเรื่องโจวฉวนจีเลยเเม้เเต่น้อย เพราะเธอเองก็ยังเด็ก เเละเขาเองก็ยังเด็กเช่นกัน
“ท่านพี่”
โจวฉวนจีเรียกเธออย่างอ่อนโยน
ตอนที่เขาเห็นคนที่ช่วยเขามีความสุขมาก เขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไป
ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักซะจริง
ทันใดนั้นท้องของเขาก็ร้องออกมา
“ท่านพี่ ข้าหิวจัง” เขาพูดพลางทำหน้ามุ่ย
เจียงฉือน้อยเมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็เริ่มปิดปากหัวเราะ “งั้นข้าจะทำโจ๊กให้เจ้านะ”
เธอวางเขาลงหลังจากที่พูดจบและลุกออกจากเตียง
โจวฉวนจีก็ลุกออกจากเตียงด้วยเช่นกัน เขาอยากจะลองดูความสามารถของดาบมังกรสีชาด
เขาไปที่ลานหน้าบ้านและมองไปรอบ ๆ มันไม่ได้กว้างนักและมีหมากับไก่คอกหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีกระท่อมไม้อีก 3 หลัง โดยหนึ่งในนั้นใช้เป็นที่พักอาศัย อีกหลังใช้เป็นห้องครัว และสุดท้ายก็ห้องน้ำ
หลังจากที่เขาเห็นเจียงฉือเข้าไปในห้องครัว เขาก็แอบเดินไปข้างหลังกระท่อมไม้
จากข้างหลังกระท่อมไม้นั้นสามารถเห็นส่วนหนึ่งของภูเขาได้ และต้นไม้ที่ล้อมรอบที่นี่ทำให้ไม่มีใครสามารถเห็นได้แน่นอน
โจวฉวนจีเริ่มคิดถึงสิ่งที่เขาต้องการและดาบมังกรสีชาดก็ปรากฎขึ้นบนมือเขา
ดาบมังกรสีชาดดูใหญ่มากเมื่ออยู่ในมือเขา แต่มันกลับเบาราวกับขนนก
เขาเหวี่ยงดาบไปที่กำแพงภูเขา
แกร๊ง ——
ดาบมังกรสีชาดสามารถตัดผ่านภูเขาได้อย่างง่ายดายราวกับกำลังหั่นเต้าหู้ เขาสามารถตัดจากบนลงล่างได้โดยไม่ต้องออกแรงใด ๆ
เขากำลังรู้สึกสนุก
คมอะไรขนาดนี้!
พูดได้เลยว่ามันสามารถตัดเหล็กได้ง่ายราวกับตัดโคลนเลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้คือเขามีอายุเพียง 2 ปีเท่านั้น และเขาแทบจะไม่มีกำลังเลยสักนิด
เมื่อเขาคิดจบ เขาก็ตวัดดาบออกด้านข้างก่อนจะเก็บมัน
เขากลับไปที่ลานหน้าบ้านและรู้สึกลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังห้องครัว
เขาอยากรู้ว่าเด็กสาวอายุ 6 ขวบจะทำโจ๊กยังไง และเธอจะเผาครัวตัวเองหรือไม่
เขาก้าวข้ามขอบประตูและมองเข้าไป ข้างหน้าเตานั้น เจียงฉือน้อยกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้และถือทัพพีเหล็กอยู่ในมือ แต่ทัพพีนั้นไม่ได้เหมาะกับขนาดตัวเธอเลยสักนิด
ดูจากท่าทางของเธอแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเธอมีประสบการณ์ในการเข้าครัวมากเสียจนทำให้เขารู้สึกผิดเลย
เจียงฉือน้อยรู้สึกได้ว่ามีใครกำลังมองเธออยู่ เธอหันไปและก็พบกับโจวฉวนจีที่กำลังยืนอยู่ตรงประตู เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ใช้มือซ้ายยืนเท้าสะเอวทำท่าเหมือนผู้ใหญ่ก่อนที่จะดุเขา “เจ้าน้องชายฉวนจีตัวน้อย กลับไปที่เตียงแล้วพักซะ อีกเดี๋ยวโจ๊กก็เสร็จแล้วจ๊ะ”
เขาหัวเราะอย่างสนุกสนาน “ท่านพี่ ให้ข้าช่วยเจ้าเรื่องฟืนไฟเถอะ”
เขาเดินไปที่เตา
“หยุด! อยู่ให้ห่าง ๆ เลยนะ เดี๋ยวบ้านก็ได้ไหม้พอดี”
เจียงฉือน้อยพยายามห้ามเขาทันที เธอวางทัพพีเหล็กลงก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ไปห้ามเขา
โจวฉวนจีพูด “ท่านพี่ไม่ต้องห่วง ข้าเคยทำมาก่อนแล้ว”
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรอ? เจ้าอายุแค่ 2 ขวบเองนะ ตอนที่ข้าอายุ 2 ขวบ ข้ายังนอนน้ำลายยืดอยู่เลย!” เจียงฉือน้อยตะคอกใส่พลางยืนเท้าสะเอว
“แต่เจ้าก็อายุแค่ 6 ขวบเหมือนกัน น่าเป็นห่วงจะตายที่เห็นคนที่เด็กขนาดนี้ทำอาหารน่ะ” เขาพูดอย่างไม่พอใจ
“เจ้าก็รู้ว่าข้าอายุ 6 ขวบ ใช่มั้ย? ข้าไม่ได้อายุ 3 ขวบนะ อีกอย่าง เจ้าน่ะยังไม่ถึง 3 ขวบด้วยซ้ำ!”
เจียงฉือน้อยไม่ยอมถอย เขาไม่รู้ว่าจะตลกหรือร้องไห้กับาสิ่งที่เธอพูดดี
เด็กสาวคนนี้กำลังเข้าสู่การเป็นพี่สาวอย่างเต็มตัว
ยิ่งเด็กมีความเป็นผู้ใหญ่มากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าเขาขาดความรักมากเท่านั้น
เขาถอนหายใจเงียบ ๆ ก็จะหันเดินไปที่ประตู เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กและพูดอย่างเชื่อฟัง “ข้ายอมฟังที่ท่านพี่พูดก็ได้”
เมื่อเจียงฉือน้อยเห็นถึงความน่าเอ็นดูของโจวฉวนจีก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปหยิกแก้มของเขาเบา ๆ เธอพูดและหัวเราะ “เด็กดี เดี๋ยวข้าจะรีบให้นะ”
เธอรู้สึกพอใจอย่างมากก่อนจะลูบหน้าเขาสองสามครั้งแล้วกลับไปที่เตา
เขามองเธอแล้วนึกถึงแม่นางจาวฉวน
เขาต้องตามหาแม่นางจาวฉวน
ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เขาก็ต้องตามหานางให้เจอ!
ไม่ใช่แค่นั้น แต่ราชินีแห่งมหาจักวรรดิ์โจวก็ต้องชดใช้!
แววตาของเขาลุกเป็นไฟด้วยความมุ่งมั่นเมื่อเขานึกถึง
“อ่อใช่ จิตวิญญาณแห่งดาบ แล้วข้าต้องทำยังไงถึงจะเอาดาบในตำนานกับวิชาเพิ่มได้?” โจวฉวนจีถามในใจ
วิชาดาบกระเรียนขาวนั้นเป็นเพียงแค่วิชาดาบ และเขาไม่เคยฝึกวรยุทธหรือวิชาปราณอะไรเลยสักนิด
หากเขาสามารถพัฒนาพลังวิญญาณได้มากกว่านี้ พลังของวิชาดาบกระเรียนขาวจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแน่นอน!
“ท่านเจ้าของดาบจะได้รับการสุ่มกาชาปีละครั้งตามอายุของท่าน แต่ละครั้งกาชาจะการันตีดาบในตำนาน 1 เล่ม และจะสุ่มเลือกวิชาปราณ ดาบในตำนาน วิชาดาบ ทักษะพิเศษ หรือยาอายุวัฒนะได้ นอกจากนี้เมื่อเจ้าของดาบก้าวข้ามแต่ละขั้นของวรยุทธได้ ท่านก็จะได้รับโอกาสสุ่มกาชาอีกครั้ง แต่จะไม่มีการการันตีดาบในตำนาน” จิตวิญญาณแห่งดาบตอบ
“ดาบในตำนานปีละเล่ม? ง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?”
“เจ้าของดาบ ท่านเป็นคนคิดตอนสร้างระบบนี้ขึ้นมาเองไม่ใช่หรือ?”