บทที่ 97 ข้ามเส้น!
บทที่ 97 ข้ามเส้น !
“หยุด!! ทั้งหมดวางอาวุธลง!”
ทันใดนั้นตำรวจหลายสิบนายก็รีบวิ่งเข้าไปในสถานบันเทิง พวกเขาทั้งหมดถือปืนอยู่ในมือและหันปลายกระบอกปืนชี้ไปที่จี้เฟิงและจางเล่ย รวมถึงถงเล่ย
ชายร่างอ้วนคนหนึ่งอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเดินเข้ามาและตะโกนว่า “พวกแกกล้าทำร้ายคนอย่างอุกอาจแถมยังพกพาอาวุธอีกต่างหาก จับพวกมันทั้งหมด!!”
ตำรวจหลายนายจับกุมจี้เฟิงและจางเล่ยโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ หนึ่งในนั้นแอบต่อยจี้เฟิงไปหนึ่งหมัดด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นการทำร้ายข้อมือตัวเอง..
จี้เฟิงเหลือบมองตำรวจคนนั้นอย่างเย็นชา และหันหน้าไปทางถงเล่ย เขาขยิบตาให้เล็กน้อยและหลังจากนั้นเขาก็ถูกตำรวจจับกุมตัวไป
ใบหน้าของถงเล่ยเย็นชามากในเวลานี้ แต่เธอเข้าใจดีว่าจี้เฟิงหมายถึงอะไร เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาพ่อของเธอ “พ่อ พี่ชายกับจี้เฟิง พวกเขาถูกตำรวจจับ! มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างมาก หนูรู้สึกแปลกๆหนูคิดว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พ่อรีบมาที่นี่เร็วเข้า!”
....................
“ปัง!”
ในห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมแยงซี จี้เจิ้นผิงตบโต๊ะอย่างแรงและตะคอก “ไอ้ชั่วคนไหนมันกล้ามาแตะต้องหลานชายของฉัน!”
จี้เจิ้นหัวมองไปที่ถงไค่เต๋อและพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เหล่าถงเราไปดูกันเถอะ!”
ถงไค่เต๋อพยักหน้าทันทีและแม้ว่าน้ำเสียงของจี้เจิ้นหัวจะฟังดูสงบนิ่ง แต่แววตาที่แข็งกร้าวแสดงให้เห็นถึงความโกรธที่อยู่ภายในใจของเขาอย่างชัดเจน
ในวันแรกที่ฉันได้พบกับลูกชายของฉัน แต่เขากลับมาถูกจับโดยไม่คาดคิดด้วยเหตุผลอย่างการทำร้ายคนอื่นด้วยมีด?!
“ไป! ฉันอยากรู้นักว่าหลานชายของฉันจะใช้มีดทำร้ายคนอื่นจริง?” จี้เจิ้นผิงยิ้มเยาะและเดินออกจากห้องอาหารเป็นคนแรก
ในเวลาเดียวกันถงเล่ยที่ไม่ได้เป็นที่สนใจของตำรวจ เธอสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ เธอพบว่าตำรวจหลายนายจับคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บออกไป แต่แทนที่จะพาไปโรงพยาบาลหรือสถานีตำรวจแต่พวกเขากลับพานักเลงเหล่านั้นเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ริมถนน
หัวใจของถงเล่ยเต้นแรงด้วยความวิตก แต่เธอก็เลือกที่จะเดินตามไปอย่างเงียบๆ และเธอก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อพบว่าตำรวจสองสามนายภายใต้การนำของตำรวจอ้วนหยิบมีดของคนร้ายขึ้นมาและปาดไปที่คอของนักเลงพวกนั้นทีละคน
เลือดพุ่งทะลักออกมาอย่างรุนแรงและนักเลงเหล่านั้นก็ชักกระตุกและเสียชีวิตทันที
ตำรวจฆ่าประชาชน!!
ถงเล่ยตกใจมาก แต่วินาทีต่อมาเธอรีบดึงสติและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปและหันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ใครน่ะ! แอบถ่ายรูปเหรอ!!”
นายตำรวจร่างอ้วนหันไปเห็นถงเล่ยที่กำลังจะวิ่งหนีหลังจากที่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ได้
“ไป! เร็วเข้ารีบไปจับตัวเธอไว้!”
“ผู้กองฉินเธอเป็นลูกสาวของเลขาถง!” ตำรวจนายหนึ่งรีบรายงานกับผู้กองร่างอ้วน
โดยปกติแล้วในฐานะตำรวจ พวกเขาจำเป็นต้องทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตแม้แต่กับลูกๆ ของพวกเขาด้วย ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาเผลอทำอะไรที่อาจทำให้คนเหล่านี้ไม่พอใจ พวกเขาอาจจะพบกับปัญหาใหญ่ในภายหลังได้
“ถ้าเราจับเด็กนั่น แล้วทำให้เลขาถงไม่พอใจ อย่างมากพวกเราก็แค่ถูกลดตำแหน่ง แต่ถ้าปล่อยให้เด็กคนนั้นหนีรอดไปได้ พวกเราทั้งหมดก็จะต้องติดคุก!” ผู้กองฉินตะคอกด่าพร้อมกับตบไปที่หัวของตำรวจที่เพิ่งบอกกับเขาเรื่องถงเล่ย “ยังจะยืนเซ่ออะไรอยู่ รีบไปตามจับเธอเดี๋ยวนี้!”
“ครับ!” ตำรวจหลายนายแตกตื่นและรีบวิ่งไล่ไปทางที่ถงเล่ยเพิ่งวิ่งหนีไป
สีหน้าของผู้กองร่างอ้วนตึงเครียดขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและกดโทรออก “ท่านรองซูเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยครับ นายน้อยซูรีบลงมือเกินไปหน่อย เลยทำให้ลูกๆ ของเลขาถงอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยครับ ตอนนี้ผมจับกุมตัวเด็กชายสองคนนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว... ใช่ครับนักเลงพวกนั้นไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป... ท่านรองซูโปรดวางใจผมรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร!”
หลังจากวางสายผู้กองร่างอ้วนก็ตะคอกเรียกลูกน้องอย่างฉุนเฉียวแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ตำรวจสองนายที่เฝ้าอยู่ปากทางก็รีบวิ่งเข้ามา “ครับ! ผู้กอง!”
ผู้กองร่างอ้วนพูดสั่งการด้วยเสียงต่ำ “ไปจัดการศพให้เรียบร้อย แล้วรีบไปสอบปากคำไอ้เด็กผู้ชายสองคนนั้นทันที ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตามต้องทำให้มันยอมรับสารภาพข้อหาฆ่าคนตายด้วยอาวุธมีดเข้าใจมั้ย!?”
“ครับ!” เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองรับคำสั่งและรีบวิ่งไปในตรอกทันทีเพื่อเคลื่อนย้ายศพ
ผู้กองอ้วนกลับไปขึ้นรถตำรวจและขับกลับไปยังสถานีตำรวจที่จี้เฟิงและจางเล่ยถูกจับกุมตัวไป
..........
หลังจากที่ถงเล่ยแอบถ่ายรูปไว้ได้ เธอก็รีบวิ่งหนีตรงไปยังแยงซีริเวอร์โฮเต็ลด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วถงเล่ยจะเป็นคนใจเย็นและฉลาด แต่เธอก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์การฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะตกใจกลัวเป็นอย่างมาก
“ตึก! ตึก! ตึก!”
เสียงฝีเท้าจากทางด้านหลังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และหัวใจของถงเล่ยก็ยิ่งเต้นรัวอย่างตื่นตระหนกมากขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าเป้าหมายอยู่ข้างหน้าอีกเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ร่างกายของเธอก็เหมือนจะมีพลังเพิ่มขึ้นเธอวิ่งตรงไปที่แยงซีริเวอร์โฮเต็ลด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
ในขณะนั้นเองมีชายร่างใหญ่ในชุดดำสี่คนวิ่งออกมาจากแยงซีริเวอร์โฮเต็ล พวกเขาวิ่งตรงมาทางถงเล่ยด้วยใบหน้าที่ถมึงทึง ความเร็วของพวกเขานั้นเร็วเกินไป เมื่อถงเล่ยเห็นพวกเขาเธอก็ได้แต่ตกตะลึงและไม่สามารถหยุดได้ทันเวลา
เมื่อเห็นว่าชายร่างใหญ่ทั้งสี่กำลังวิ่งตรงมาหาเธอด้วยความเร็ว ถงเล่ยก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
เธอหลับตาลงจนรู้สึกว่านานเกินไปทำไมถึงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ข้างๆเธอ โดยที่เธอไม่ได้ถูกทำร้ายเธอจึงค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และเห็นว่าชายร่างใหญ่ในชุดดำเมื่อครู่ยืนอยู่ข้างๆเธอ กำลังสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวเธออย่างระแวดระวัง ส่วนชายร่างใหญ่ที่เหลืออีกสามคน ต่างวิ่งไปยังทิศทางด้านหลังเธอ ซึ่งมีตำรวจหลายคนกำลังวิ่งไล่ตามเธอมาอย่างบ้าคลั่ง
“คุณถงพ่อของคุณกำลังรอคุณอยู่ที่ประตูโรงแรมโปรดตามผมมา!” ชายร่างใหญ่ในชุดดำบอกกับถงเล่ยที่กำลังตกใจและหวาดกลัว เขารีบช่วยเหลือและพาเธอกลับไปยังแยงซีริเวอร์โฮเต็ล
“เล่ยเล่ย!”
เมื่อเห็นลูกสาวของเธอกลับมาอย่างปลอดภัยนางถงผู้ซึ่งเป็นห่วงจนแทบจะเป็นลมก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา เธอวิ่งออกไปรับลูกสาวของเธอด้วยใจที่สั่นระรัวกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเธอ
“แล้วพี่ชายของลูกล่ะ”
เมื่อนางถงเห็นว่าลูกสาวของเธอปลอดภัยดีเธอก็นึกถึงจางเล่ยลูกชายของเธอและรีบถามทันที
ในเวลานี้ถงไค่เต๋อ จี้เจิ้นหัวและภรรยาของเขารวมถึงจี้เจิ้นผิง ที่เดินตามมาอย่างรวดเร็วต่างมองไปที่ถงเล่ยด้วยความเป็นห่วง
“พ่อ! ลุงจี้! พี่ชายกับจี้เฟิงถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว หนูจำได้ว่าตำรวจอ้วนๆคนนั้นคือผู้กองฉิน เขาเป็นหัวหน้าทีมอาชญากรรมอยู่ที่สาขาซีกวน พี่ชายกับจี้เฟิงน่าจะถูกจับไปที่นั่น!”
ถงเล่ยพยายามสงบจิตใจ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบพูดต่อ “พ่อมีพวกนักเลงประมาณสี่คนมาหาเรื่องพี่ชายกับจี้เฟิง แต่จู่ๆตำรวจที่มากับผู้กองฉินก็พาพวกนั้นไปที่ตรอกใกล้ๆนี้แล้วฆ่าพวกเขาตายหมด แต่หนูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ได้ทัน!”
“ฆ่า?!”
ใบหน้าของถงไค่เต๋อเปลี่ยนสีทันทีพร้อมกับหันขวับอย่างเร็วมองไปที่จี้เจิ้นหัว
จี้เจิ้นหัวขมวดคิ้วทันทีเขาพูดด้วยเสียงทุ้ม “เหล่าถงพวกเราไปที่สถานีตำรวจซีกวนกันเดี๋ยวนี้เลยเถอะ เรื่องนี้ดูจะเป็นเรื่องใหญ่บานปลายกว่าที่คิด!” หลังจากพูดจบจี้เจิ้นหัวก็เดินตรงไปยังลานจอดรถ
ในขณะนั้นเองชายร่างใหญ่สามคนในชุดดำวิ่งเข้ามาพร้อมกับมีตำรวจอยู่ในความควบคุม ชายร่างใหญ่คนหนึ่งกระซิบอะไรบางอย่างกับจี้เจิ้นผิง
“อะไรนะ? เป็นการจัดฉาก?!” จี้เจิ้นผิงโกรธมากหลังจากได้ฟังสิ่งที่ชายชุดดำกระซิบบอก เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดัน “บัดซบ! หลานชายของจี้เจิ้นผิงถูกไอ้พวกตำรวจเลวจัดฉากใส่ความให้เป็นผู้ร้ายฆ่าคน!!”
“มันเกิดอะไรขึ้นรายละเอียดเป็นยังไง?!” ในเวลานี้ชายร่างใหญ่ที่เหลือได้ขับรถออกไปแล้ว และหลังจากที่พวกเขาขึ้นรถถงไค่เต๋อก็อดไม่ได้ที่จะถามทันทีด้วยความเป็นกังวล
จี้เจิ้นผิงพูดด้วยความโมโหสุดขีด “ตำรวจที่ถูกจับโดยคนของฉัน พวกมันสารภาพว่าพวกมันถูกผู้กองฉินสั่งให้ฆ่านักเลงที่มีเรื่องกับจี้เฟิงและจางเล่ย และใช้เรื่องนี้เพื่อโยนความผิดให้กับเด็กๆ แต่ตอนนี้จี้เฟิงกับจางเล่ยถูกจับกุมตัวไปที่สถานีตำรวจซีกวนแล้ว!”
ภายใต้คำสั่งของจี้เจิ้นผิง ชายชุดดำขับรถ Audi อย่างรวดเร็ว โดยการบอกทางของถงไค่เต๋อ และภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีพวกเขาก็มาถึงสถานีตำรวจซีกวน
..........
ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น จี้เฟิงและจางเล่ยถูกนำตัวไปไว้ที่ห้องขังด้วยกัน
“น้องชายดูเหมือนคราวนี้ฉันใจร้อนวู่วามไปหน่อย ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้นายต้องมามีเอี่ยวไปด้วย!” จางเล่ยนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้และคิดได้ว่า หากเขาใจเย็นและมีสติกว่านี้สักหน่อย เรื่องพวกนี้คงจะไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงเพียงแค่ส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าพูดแบบนั้นเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!”
จี้เฟิงมั่นใจว่านักเลงพวกนั้นไม่ได้มีเป้าหมายเป็นจางเล่ยตั้งแต่แรก พวกมันต้องเพ่งเล็งมาที่ตัวเขาโดยตรงอย่างแน่นอน แต่ดันเกิดความผิดพลาดขึ้น เพราะจางเล่ยดันอยู่กับเขาผิดที่ผิดเวลา พวกมันเลยถือโอกาสยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
แต่จี้เฟิงยังคงไม่ปักใจเชื่อสาเหตุในอย่างหลัง เพราะความเป็นไปได้นั้นมีน้อยเกินไป เพราะถ้าตราบใดที่ถงไค่เต๋อยังคงมีอิทธิพลในหมางซือนี้ ไม่ว่าใครที่จะเล่นงานจางเล่ยก็ต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะพวกเขาต้องรู้ดีอยู่แล้วว่า การทำให้เลขาธิการพรรคประจำเขตโกรธไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการหาเรื่องกับลูกชายคนโตของเขาโดยตรง!
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้จี้เฟิงคิดไม่ตก แต่ในความเป็นจริงแล้ว จี้เฟิงไม่รู้ในอีกส่วนหนึ่ง ตั้งแต่ที่จางเล่ยออกมาปกป้องจี้เฟิงในโรงเรียนครั้งนั้น ซูหม่าก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจจางเล่ยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเขาได้ยินเรื่องที่ถงเล่ยไปดูหนังกับจี้เฟิงในโรงภาพยนตร์ในช่วงเย็น เขาก็ยิ่งโกรธและบ้าคลั่งมากขึ้น
หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีภาพยนตร์เรื่องใดฉายบ้างในโรงภาพยนตร์ แต่ซูหม่าเคยไปที่นั่นมากกว่าสองหรือสามครั้ง ไม่ค่อยจะมีหนังที่มีชื่อเสียงนักมาฉายในโรงภาพยนตร์ในเขตเล็กๆอย่างหมางซือ หรือถ้าจะมีก็จะเป็นแค่รอบเช้าจนถึงบ่ายเท่านั้น ส่วนรอบเย็นและค่ำจะมีแต่หนังผู้ใหญ่แน่นอน
แล้วในเย็นวันนั้นที่มีคนเห็นถงเล่ยกับจี้เฟิงไปดูหนังด้วยกัน มันจะเป็นหนังอะไรไปได้อีก?
ในสายตาของซูหม่า ถงเล่ยและจี้เฟิงได้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปแล้วและมีความเป็นไปได้มากที่พวกเขาทั้งสองคนจะเคยขึ้นเตียงด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ด้วยเหตุผลนี้ซูหม่าจึงไม่หลงเหลือความรู้สึกดีๆกับถงเล่ยอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเดิมทีเป้าหมายของซูหม่าก็เพียงแค่ต้องการเรือนร่างที่สวยงามของถงเล่ยเท่านั้น แต่ในเมื่อตอนนี้เธอตกเป็นของจี้เฟิงไปแล้ว ซูหม่าจะยังมีความรู้สึกดีๆ กับถงเล่ยอยู่ได้อย่างไร..?
จากสาเหตุนี้ไม่เพียงแต่เขาจะเกลียดจี้เฟิงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจางเล่ยและถงเล่ยด้วย ดังนั้นเมื่อเขายิ่งเห็นจี้เฟิงและถงเล่ยอยู่ด้วยกัน มันยิ่งทำให้เขารู้สึกโมโหและคับแค้นใจถึงที่สุด จนสุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะใช้ความรุนแรงขั้นเด็ดขาดกับจี้เฟิงอย่างไม่เกรงกลัวอะไรแม้ว่าจะมีจางเล่ยหรือถงเล่ยอยู่ด้วยก็ตาม
จนกระทั่งซูหม่ารับโทรศัพท์จากพ่อของเขา เขาก็ยังคงอยู่ในอาการบ้าคลั่ง
“ซูหม่าทำไมแกถึงลากจางเล่ยมาเกี่ยวข้องด้วย?” ซูเฉาตะโกนใส่โทรศัพท์ “แกไม่รู้หรือไงว่าถ้าลากจางเล่ยเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วยแล้วจะเป็นยังไง? ถงไค่เต๋อมันคงไม่ยอมนิ่งเฉยแน่และมันจะต้องจัดการกับฉันด้วยกำลังทั้งหมดที่มันมี!”
ตอนนี้อารมณ์ของซูหม่ายังเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของเขาเหี้ยมเกรียมจนดูน่ากลัว เขาพูดกับพ่อของเขาผ่านโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แน่นอนฉันต้องจัดการกับพวกมันทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่จางเล่ย ถ้าไม่ใช่เพราะมันแส่ไม่เข้าเรื่องตั้งแต่ตอนที่ฉันจะจัดการกับไอ้จี้เฟิงที่โรงเรียน ป่านนี้เรื่องมันคงจะเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว และถงเล่ยที่ควรจะเป็นของฉันก็ไม่ต้องตกไปเป็นของไอ้จี้เฟิง! และตอนนี้ฉันต้องการฆ่าไอ้จี้เฟิง ฆ่าไอ้จางเล่ย และแน่นอนฉันต้องไม่พลาดความสนุกกับผู้หญิงร่านถงเล่ยก่อนที่จะส่งมันไปขายตัวในซ่อง อยากจะรู้นักว่าผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองสูงส่งจนไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา ถ้าต้องไปขายตัวอยู่ในซ่อง จะยังหยิ่งยโสได้อยู่อีกมั้ย!”
ซูเฉาที่ได้ฟังถึงกับตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นลูกชายของเขาบ้าคลั่งถึงขนาดนี้มาก่อน มันเป็นการบ้าคลั่งที่ยอมตายแต่ขอให้เป้าหมายสำเร็จลุล่วง
ซูเฉารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เขาได้แต่ส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา ไม่!ลูกชายของฉัน ลูกชายเพียงคนเดียวที่ฉันจะให้สืบทอดตระกูลต่อไป ฉันจะปล่อยให้เขาจบชีวิตลงแบบนี้ไม่ได้!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ซูเฉาจึงรีบพูดขึ้นทันที “ซูหม่าตอนนี้แกกลับมาบ้านก่อน ฉันจะจัดการส่วนที่เหลือเอง!”
“ไม่! ฉันจะฆ่าไอ้จี้เฟิงด้วยวิธีของฉันเองและฉันต้องการที่จะเล่นสนุกกับนังสารเลวถงเล่ยให้สาแก่ใจ!” แววตาที่บ้าคลั่งฉายชัดออกมาจากดวงตาของเขา และกดวางสายทันทีที่พูดจบ
…จบบทที่ 97~❤️