ตอนที่แล้วตอนที่ 202 ชายเลือดผสม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 204 งานสบายข้าชอบ

ตอนที่ 203 หน่อสำนึกรู้


ความหวังดีของพระอาจารย์ทำให้เหนือภพน้ำตาซึม ยิ่งเขาได้ลองปฏิบัติตามตำรา ทำจิตให้เป็นสมาธิตามที่ตำราบอก สิ่งที่เหนือภพได้รับคือความก้าวหน้า ความเข้าใจก่อเกิดสำนึกรู้ในพุทธะ แม้จะไม่ลึกซึ้ง แต่ผลที่ได้ก็ทำให้สมองของเขาปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขารู้สึกได้ถึงระบบความคิด ความเข้าใจที่แตกต่างไปจากเดิม วิชาความรู้ตำรามากมายเกี่ยวกับวิชาชีวิตที่เขาเคยอ่าน แต่ก่อนไม่เคยเข้าใจทว่าตอนนี้กลับเข้าใจ ที่จำไม่ได้กลับจำได้ ไม่เว้นแม้แต่ลมปราณราชันย์ยักษา หรือวิชาหอกเพลิงมรกตที่เขาเห็นภายในร่างยักษ์อาคมทศกัณฐ์ ทำให้ก่อเกิด ‘หน่อสำนึกรู้’ ภายในจิตวิญญาณที่รอวันจะเติบโตขึ้นเป็นต้นกล้าแห่งสติ และกลายเป็นต้นไม้ปัญญาต่อไป

ลมปราณราชันย์ยักษาที่เคยรับรู้เฉพาะตอนที่อยู่ในร่างสหัสเดชะเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลับค่อย ๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองภายในร่างกายมนุษย์ของเขา

เหนือภพตกอยู่ในภวังค์ความคิด เขาค่อย ๆ เริ่มซึมซับความรู้ความเข้าใจ ลมปราณภายในร่างแท้จริงมันได้เริ่มกำเนิดมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยรับรู้ถึงมันมาก่อน ตอนนี้มันสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยการชักนำของเหนือภพเป็นครั้งแรก

กระแสลมปราณช่วยให้การไหลเวียนโลหิตภายในร่างดียิ่งขึ้น เลือดจากหัวใจกระจายไปสู่อวัยวะต่าง ๆ แม้แต่หัวสมองน้อย ๆ ของเขาที่เลือดไม่ค่อยมาหล่อเลี้ยง ก็เริ่มมีมากขึ้น เหล็กไหลราชันย์พิภพ และเหล็กราชันย์สุริยันที่ไม่ค่อยมีการตอบสนองกับเจ้าของร่าง ก็เริ่มมีการตอบสนองเล็กน้อย

โดยเฉพาะเหล็กไหลราชันย์พิภพ มันอยู่กับเขาเนิ่นนานหลายปี แม้จะเป็นปฏิกิริยาเล็ก ๆ เพียงเศษเสี้ยว แต่เหนือภพก็รับรู้ถึงได้ถึงพลังงานอันไร้ขีดจำกัด ที่แพร่กระจายออกมาจากเหล็กไหลราชันย์พิภพ มันค่อย ๆ ซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเขา ร่างกายที่เคยว่างเปล่ากลับถูกอัดแน่นด้วยพลังงานบางอย่าง ที่แม้แต่เหนือภพก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่เขาสำนึกรู้ได้ตัวเองว่านั่นคือลมปราณ ลมปราณภายในร่างของเขาแต่ก่อนไม่ต่างจากบ่อน้ำแห้งเหือด พลังงานที่ปล่อยออกมาจากเหล็กไหลไม่เพียงฟื้นคืนบ่อน้ำที่แห้งกรังนั้น มันยังช่วยเติมเต็มมันด้วย

เหนือภพรับรู้ได้ถึงความเข้ากันระหว่างเหล็กไหลราชันย์พิภพกับร่างกายเขา จากที่มันหลอมรวมกับเขาเพียงสองส่วนในร้อยส่วน ตอนนี้กลับปรากฏความเข้ากันได้ หลอมรวมกันถึงสิบส่วนภายในรวดเดียว ปราณอาคมที่เคยดึงจากเหล็กไหลมาใช้ได้เพียงแค่ 20% กลับดึงออกมาได้มากกว่านั้น มันน่าเหลือเชื่อ เพียงเพราะลมปราณพุทธะที่เขาได้เรียนรู้ มันกลับทำให้หัวสมองของเขาปลอดโปร่งเพียงนี้ ดูท่าสิ่งที่เขาได้รับจากลมปราณพุทธะไม่ใช่พลังหรืออำนาจ แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ความเข้าใจของสติและปัญญา

เมื่อบุหรงตื่นขึ้น เธอก็พบว่าเหนือภพอยู่ในสมาธิ รอบกายมีรัศมีแห่งความสงบร่มเย็น แม้อยู่ใกล้ ๆ ก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย บุหรงรู้ดีว่าเหนือภพน่าจะฝึกจิตสมาธิ เพื่อเพิ่มระดับของลมปราณ เธอจึงไม่อยากรบกวน เธอจึงได้ออกไปสำรวจด้านนอกหลุม จนค้นพบว่าหุ่นปั้นหัวอินทรีทองคำนั้นหายไปแล้ว

ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่กระตุ้นให้หุ่นปั้นสังหารนั้นเคลื่อนไหว ซึ่งสิ่งนั้นเกี่ยวกับเสียง เมื่อใดที่เสียงเงียบลงหุ่นปั้นก็จะกลับไปในที่ของมัน พอบุหรงรู้ได้แบบนั้นก็ใช้เวลาอย่างมากในการรวบรวมเอาของล้ำค่าที่ตกหล่นภายในซากอาคาร เธอเก็บไปเรื่อย ๆ ตามประสา อีกทั้งยังนำอาวุธของเหนือภพและชุดเกราะที่เสียหายมาเรียนรู้ เผื่อว่าจะทำอะไรกับมันได้บ้าง

เหนือภพไม่รู้เลยว่าเขาตกอยู่ในสมาธิยาวนานหลายสัปดาห์ บาดแผลบนร่างหายสนิท ร่างกายปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังออกมามากขึ้น ในตอนนี้ลมปราณพุทธะของเขาพัฒนาขึ้นมาก แม้เขาจะเข้าถึงมันได้เพียงแค่เศษเสี้ยว แต่ก็ได้ผลลัพธ์มหาศาลที่ไม่อาจคาดคะเน

เหนือภพเรียนรู้เพียงเล็กน้อย ไม่พยายามถลำลึกเข้าไป เพราะลมปราณพุทธะเป็นลมปราณพิเศษ ทุกครั้งที่เขาเข้าถึงมัน ก็จะพบกับความสงบในจิตใจ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้ตัดขาดจากทางโลก เห็นชัดว่ามันเป็นศาสตร์ลมปราณสำหรับนักบวช เพื่อการฝึกตนฝึกศีล ไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในการต่อสู้แม้แต่น้อย

ดังนั้นเหนือภพจึงศึกษาเพียงแค่น้อย ๆ เรียนรู้เพื่อฝึกจิตใจให้สงบ ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เพิ่มสติความนึกคิดเพียงเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่ในสมาธิเขาจมลึกไปกับลมปราณราชันย์ยักษามากกว่า

ลมปราณราชันย์ยักษา แบ่งออกเป็นห้าขั้นหลัก ได้แก่ ผิวหนัง กระดูก  เส้นเอ้น อวัยวะ และเลือด แต่ละขั้นหลักแบ่งออกเป็นอีก 5 ระดับย่อย

หากสำเร็จทั้งห้าขั้น จะสามารถก่อกำเนิดกำลังภายในแท้จริง ซึ่งจะสามารถทะลุขีดจำกัดความเป็นมนุษย์  แต่ว่าการจะทำความเข้าใจมันไม่เพียงต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวข้องกับสัมผัสสวรรค์ที่ 5 จะต้องมีโชคและทรัพยากรจำนวนมากอีกด้วย

เหนือภพไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับสัมผัสสวรรค์มากนัก เขาได้ยินมาจากมุกดารา นางเคยพูดถึงสัมผัสสวรรค์ทั้ง 6 แต่เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เพราะเป็นเช่นนี้เขาถึงพบปัญหา เขาฝึกฝนพยายามทำความเข้าใจมัน พลังเนื้อสัตว์อสูรส่วนพิเศษที่เขาเคยกินอยู่ในร่าง ปกติมันจะหลอมรวมเข้ากับร่างของเขาและเสริมพลังให้ร่างกาย แต่เขารู้สึกได้ว่าที่ผ่านมาสิ่งที่คิดว่าหลอมรวมโดยสมบูรณ์นั้นมันไม่ใช่ มันไม่เคยหลอมรวมเข้ากับร่างกายเขาโดยสมบูรณ์ตั้งแต่แรก

แต่ทันทีที่เขาเริ่มปฏิบัติตามหลักของลมปราณราชันย์ยักษาขั้นผิวหนัง เขารับรู้ได้ว่าพลังเหล่านั้นกำลังถูกดูดกลืนและหลอมรวมภายในร่าง มันไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพเหล่านั้นหายไป แต่มันทำให้เกิดกระบวนการบางอย่าง เนื้อสัตว์อสูรส่วนพิเศษที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง ที่เคยเสริมความแข็งแกร่งด้านการป้องกันของร่างกาย ถูกชักนำและหลอมรวมเขากับผิวหนังของเขาโดยสมบูรณ์ จนเหนือภพรู้สึกได้ถึงพลังงานที่อบอวลทั่วผิวหนัง รู้ได้แม้กระทั่งต่อให้เป็นเหล็กไหลที่มีอำนาจปิดกั้นพลังของเนื้อสัตว์อสูร ก็ใช้กับเขาไม่ได้ผลอีกแล้ว

เหนือภพจมอยู่กับสมาธิ ความรู้ความแปลกใหม่ที่เขาได้รับ มันทำเขาใช้เวลาอยู่กับมันเนิ่นนานไม่ต่างจากเด็กหนุ่มที่ได้ของเล่นใหม่ ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงพลังทำให้เหนือภพรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่ถูก ทว่าทันทีที่พลังงานของเนื้อสัตว์อสูรส่วนที่พัฒนาผิวหนังถูกนำมาใช้งานและหลอมรวมจนหมด การฝึกก็มาถึงจุดคอขวด ต่อให้เหนือภพพยายามอย่างมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ทำให้เขาเข้าใจว่า เนื้อสัตว์อสูรแท้จริงไม่ใช่แค่กินมันเข้าไปอย่างเดียว แต่วิธีการใช้งานของมันคือต้องหลอมรวมพลังด้วย

ลมปราณราชันย์ยักษาของเขาหยุดชะงักอยู่ที่ขั้นผิวหนัง ระดับ 4 เท่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้เหนือภพรู้สึกทึ่ง ตอนนี้ผิวหนังเขาอาจจะแข็งกว่าเกราะนาคาซ่อนก็ได้ มันคงเทียบได้กับชุดเกราะสักระดับเจ็ดหรือแปด

เมื่อเหนือภพลืมตาขึ้นมา แววตาเขาก็เปลี่ยนไป มันดูแตกต่างจนบุหรงที่กลับเข้ามาในหลุมถึงกับเลิกคิ้ว

“เจ้าตื่นแล้ว”

“อืม”

เหนือภพพยักหน้า เขาพยายามมองไปรอบ ๆ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกใหม่ เขารู้สึกว่าดวงตาของเขามองได้ชัดและไกลขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ความคิดสติมีมากจนเขามองอะไรก็ตาม ทำให้เขามีความนึกคิดสงสัยเกี่ยวกับมัน ถึงขนาดจดจำมันได้ขึ้นใจ

“เจ้าดูเปลี่ยนไป ทั้งกลิ่นอายอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ใช่ว่าเจ้าเจออะไรดี แล้วไม่บอกข้าหรอกนะ”

บุหรงถาม พลางหรี่ตามองเหนือภพ

“สนใจไหมล่ะ”

เหนือภพเชิญชวนด้วยความจริงใจ บุหรงอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่เธอก็ปฏิเสธ

“ช่างเถอะ บาดแผลของเจ้าหายดียัง”

เหนือภพมองสำรวจตัวเอง ดูเหมือนบาดแผลจะหายสนิทแล้ว เขาจึงพยักหน้า

“หายแล้ว”

“ก็ดี ไปเถอะ พอดีข้าพบทางออก แต่มีปัญหานิดหน่อย เลยอยากให้เจ้าไปช่วยดูหน่อย ข้าก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า”

เหนือภพยิ้ม  “นำไปเถอะ”

คำพูดคำจาของเหนือภพผิดแปลกไปจนบุหรงก็ต้องหันมองซ้ำ ท่าทางเขาดูสุภาพใจเย็น เปี่ยมไปด้วยความสงบ บรรยากาศรอบตัวอบอุ่น จนทำให้บุหรงเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี จนลอบคิดในใจ

‘ตั้งเมื่อไหร่กันที่ตัวเลวร้ายดูดีเช่นนี้’

เหนือภพสามารถรับรู้ได้เองว่าการที่หุ่นปั้นปรากฏน่าจะมีความเกี่ยวข้องกลับเสียง ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนตัวอย่างเงียบ ๆ ขณะฟังสิ่งที่บุหรงพูดข้างกาย

“ดูเหมือนว่าเจ้าหุ่นสังหารนั้นน่าจะเป็นกลไกเสียงที่น่ากลัวที่สุด หากเสียงดังมากพออย่างเช่นตอนนายตะโกนโห่ร้องดีใจแบบนั้น จึงจะปลุกมันขึ้นมาได้ แต่เสียงอย่างพวกตีเหล็กภายในห้องปิดตายหรือเสียงพูดคุยธรรมดาไม่มีผลอะไร”

ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ

“ชุดเกราะกับอาวุธของข้า เจ้านำไปซ่อมแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง”

เหนือภพไม่เห็นอาวุธชุดเกราะข้างกาย เขาก็พอเดาได้ ขณะใบหน้าของบุหรงยิ้มแสดงความภาคภูมิใจออกมา ใบหน้าของเธอพลันสดใสเปล่งปลั่ง

“นั่นล่ะที่ข้าพาเจ้ามาดูก่อน เจ้ายังจำลูกธนูที่ยิงใส่เจ้าได้ไหม”

เหนือภพพยักหน้า

“พอข้าได้ลองนำมาตรวจดูให้ดีแล้ว ไม่แปลกเลยที่ชุดเกราะระดับ 6 ของเจ้ากันมันไม่อยู่ ลูกธนูแต่ละลูกประกอบด้วยแร่แปดสีและเหล็กไหลระดับพญาเป็นหลัก และลักษณะของลูกศรถูกทำออกมาเป็นเกลียวเพื่อใช้ในการยิงแบบพิเศษ ยิงแบบหมุนด้วยความเร็วและประสิทธิภาพต่อให้เจาะเกราะระดับ 7 ระดับ 8 ก็ยังทำได้ง่าย แต่ก็มีเรื่องน่าแปลก เกราะของเจ้าพิเศษกว่านั้น”

“ยังไง”

“การประกอบและการตัดเย็บเกราะของเจ้านั้นพิเศษอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน แม้จะเป็นเพียงแค่ระดับ 6 แต่ประสิทธิภาพของมันจริง ๆ เทียบได้กับเกราะระดับแปด มันลดถอนพลังโจมตีลง อีกทั้งยังช่วยสลายและซึมซับพลังโจมตีที่ได้รับแปรเปลี่ยนเป็นพลังให้กับผู้ใส่ และช่วยเสริมตัวเกราะให้แข็งแกร่งขึ้นในระดับเดียวกัน หากไม่เป็นเพราะคุณสมบัตินี้ เชื่อได้เลยว่าลูกศรระดับ 8 เพียงดอกเดียวก็สามารถยิงทะลุตัวเจ้า และสถานการณ์ในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปอีกแบบ”

เหนือภพพยักหน้า แค่คิดเขาก็รู้สึกหวาดเสียวไม่น้อย

“แล้วพอจะซ่อมมันได้ไหม”

“แน่นอน นั่นไม่ใช้ปัญหาสำหรับข้า แต่ติดปัญหาที่วัตถุดิบของชุดเกราะ หากซ่อมมันจริงรูปลักษณ์ของเกราะจะเปลี่ยนไป ข้ายอมรับว่าข้าไม่อาจทำชุดเกราะนี้ให้เหมือนเดิมได้ ข้าไม่เก่งเรื่องการทำเกราะ แต่อาจจะช่วยให้มันกลายเป็นเกราะที่แข็งแกร่ง มีพลังป้องกันอยู่ในระดับแปดได้”

“ด้วยหัวลูกศรพวกนั้น ?”

เหนือภพพอจะเดาได้ เพราะเขาเห็นว่าบุหรงรวบรวมพวกมันมาเป็นจำนวนมาก อย่างน้อย ๆ ก็คงราวพันดอก

“ใช่ แต่ว่าข้าต้องถามเจ้าก่อน หากให้ข้าทำมันจะกลายเป็นเกราะหนัก ใช้สวมใส่ภายนอกแทน เจ้าจะยอมรับได้แค่ไหน”

“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา จะยังไงก็ช่าง ข้าสนแค่ผลลัพธ์ ว่ามาเจ้าต้องการอะไรอีก”

“ข้าแค่ต้องการของสิ่งหนึ่ง การจะหลอมและเปลี่ยนรูปเกราะของเจ้ามันต้องใช้เวลา ด้วยเกล็ดของสัตว์อสูรที่ประกอบในเกราะเจ้า ไฟธรรมดาหลอมละลายมันไม่ได้ ตอนนี้ที่ข้าพอทำได้ก็คือซ่อมแซมปรับปรุงอาวุธทั้งสองเล่มของเจ้าเท่านั้น”

“ได้ แต่ว่าของที่เจ้าอยากได้ มันอยู่ที่นี่หรือ”

“ใช่ ข้าจะพาเจ้าไปดู มันอยู่จุดเดียวกับทางออก”

จากนั้นบุหรงก็พาเหนือภพเดินไปในทิศทางหนึ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด