ตอนที่แล้วบทที่ 94 กระชับความสัมพันธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 96 แผนชั่วของซูหม่า!! ( อีกครั้ง )

บทที่ 95 แผนการที่ชั่วร้าย !!


บทที่ 95 แผนการที่ชั่วร้าย !!

“อะไรนะ?!”

ในอีกห้องหนึ่ง ดวงตาที่สวยงามของถงเล่ยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจในขณะที่จ้องมองไปยังพี่ชายของเขาที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี “พี่กำลังพูดถึงอะไร จี้เฟิงเป็นลูกชายของใคร?”

“จี้เจิ้นหัว!”

จางเล่ยหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ยัยเด็กโง่ ฉันไม่คิดว่าสายตาของเธอก็จะเฉียบแหลมขนาดนี้ ฮิฮิ!”

“บ้าไปแล้ว! มันจะเป็นไปได้ยังไง ทำไมจู่ๆ จี้เฟิงถึงกลายเป็นลูกชายของจี้เจิ้นหัว มันเหลือเชื่อเกินไป!” ถงเล่ยถึงกับสบถออกมาเล็กน้อยด้วยความตกใจ

จางเล่ยยิ้มอย่างเหนื่อยใจ “บอกตามตรงฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ แต่เอาจริงๆ ฉันเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดในเรื่องนี้มากนัก แต่สิ่งที่ฉันได้ยินมา....”

จางเล่ยเล่าสิ่งที่เขาได้ยินจากบทสนทนาของพ่อและแม่ในห้องเมื่อวันก่อนให้ถงเล่ยฟัง..

“พี่แน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่เรื่องราวของบทละครโทรทัศน์!” ถงเล่ยยังคงรู้สึกไม่เชื่อ มันยากที่จะยอมรับ แม้ว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวของจี้เฟิงจะยากจน แต่ถงเล่ยก็ไม่เคยดูถูกเขา ซ้ำยังค่อยๆ ตกหลุมรักในความเป็นเขาโดยที่ไม่มีสถานะทางครอบครัวมาเกี่ยวข้อง

แต่ตอนนี้จางเล่ยพี่ชายของเธอกลับมาบอกกับเธอว่า จี้เฟิงมีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้าชายในอนาคต…

“จี้เฟิงผ่านความทุกข์ยากมามากจริงๆ และตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าพ่อของเขาคือใคร!” จางเล่ยส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “น้องสาว ฉันว่าเราอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้ในตอนนี้เลย เพราะฉันเพิ่งคิดออกว่า ทำไมพ่อของจี้เฟิงถึงเชิญพวกเราทั้งครอบครัวไปทานอาหารค่ำด้วยกัน แม้ว่าจะเป็นความต้องการที่จะขอบคุณใครสักคน มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชิญทั้งครอบครัวของเขา จริงมั้ย?”

ถงเล่ยยังคงไม่เข้าใจ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “แล้วมันยังไง พี่หมายถึงอะไร?”

จางเล่ยยิ้มและชี้ไปที่ถงเล่ย

“หมายความว่ายังไง?” ถงเล่ยถามซ้ำ

“ยัยเด็กโง่นั่นก็เป็นเพราะเธอยังไงล่ะ ฉันรู้จักนิสัยของจี้เฟิงดี ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พาเธอไปแนะนำตัวกับแม่ของเขาที่บ้าน อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำให้แม่ของเขาลำบากใจและในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อยากจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เขาได้รู้ถึงตัวตนและต้นกำเนิดของเขาแล้ว มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาอยากจะแนะนำเธอให้รู้จักกับพ่อแม่ของเขา และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้พบกับพ่อแม่ของจี้เฟิงใช่ไหม?” จางเล่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาที่สวยงามของถงเล่ยก็สว่างขึ้นทันที สาวน้อยคนนี้เธอไม่ใช่คนโง่ เธอเข้าใจได้โดยทันทีว่าพี่ชายของเธอนั้นพูดถูกต้อง และด้วยนิสัยของจี้เฟิง เขาเป็นคนประเภทที่จะคำนึงถึงผู้อื่นก่อนเสมอ

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ใบหน้าที่สวยงามของถงเล่ยก็เป็นสีแดงระเรื่อ เธอยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “หวังว่าคงไม่มีใครคัดค้านเรื่องของเรานะ!”

“เฮ้ๆ อย่าเพิ่งดีใจไปเธอควรคิดให้ดีว่าจะทำตัวอย่างไรก่อนดีกว่า หากเธอทำตัวไม่ดีไม่น่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้าพ่อกับแม่ของจี้เฟิง สามีในอนาคตของเธอ รับรองได้เลยว่า เธอต้องเสียใจในภายหลังแน่นอน เพราะพวกเขาคือตระกูลจี้ ความเข้มงวดและมาตรฐานลูกสะใภ้ของพวกเขาต้องไม่ใช่ง่ายๆแน่ แล้วถ้าจี้เฟิงไม่ต้องการเธออีกต่อไปมันก็เพราะการทำตัวของเธอเอง! หึหึ!!” จางเล่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“เขากล้า?!!”

ถงเล่ยย่นจมูกเล็กๆ น่ารักของเธอและพูดอย่างขุ่นเคือง “จี้เฟิงไม่เหมือนพี่ซะหน่อย ดังนั้นอย่าพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขา แล้วก็ออกจากที่นี่ไปได้แล้ว!”

“เดี๋ยวก่อนๆ นี่ฉันเป็นพี่ชายของเธอนะ ส่วนจี้เฟิงยังเป็นแค่แฟน เธอจะเห็นแฟนดีกว่าพี่ชายแท้ๆ ของเธอได้ยังไง หือ?!!” จางเล่ยตะโกนในขณะที่ถูกถงเล่ยผลักออกจากห้อง

“ยัยเด็กคนนี้...”

เมื่อมองไปที่ประตูที่ถูกปิด เขาจึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะ “น้องชายในที่สุดนายก็มีเงินทุนและอำนาจของตระกูลมากพอ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่ามังกรย่อมแปรเปลี่ยนตามสถานการณ์ยามเล็กก็หลบซ่อนตัวตนยามใหญ่ก็ปรากฏผงาดกลางฟ้า และไม่แน่ในอนาคตนายอาจจะเป็นผู้ที่สามารถกุมอำนาจระดับประเทศก็เป็นได้!”

ไม่มีใครจะเข้าใจและรู้จักนิสัยของจี้เฟิงไปมากกว่าจางเล่ยอีกแล้ว ในความทรงจำของจางเล่ย เขาเห็นถึงความมุ่งมั่นและมั่นคงของจี้เฟิง นั่นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปในวัยเดียวกันไม่อาจจะมีได้

ตอนนี้จี้เฟิงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว จะมีอะไรมาหยุดเขาได้?

.............

ในตอนนั้นเอง ซูหม่าเขวี้ยงโทรศัพท์ลงกับพื้นที่บ้านของซูเฉาอย่างแรง หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่บอกว่า เห็นจี้เฟิงและถงเล่ยไปดูหนังด้วยกันที่โรงภาพยนตร์ และตอนที่พวกเขาออกมาจากโรงภาพยนตร์ใบหน้าของถงเล่ยก็แดงก่ำ

แม่งเอ๊ย!!  สองคนนี้จะทำอะไรกันบ้างในโรงหนังที่บรรยากาศเป็นใจและมืดมิดขนาดนั้น?!

ซูหม่ากัดฟันกรอด

เขาคว้าหูโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่บนโต๊ะ  เมื่อปลายสายมีคนรับซูหม่าพูดขึ้นทันที “หาคนให้ฉันยี่สิบคน ถ้าได้แล้วตรงไปที่บ้านของจี้เฟิงกับฉันภายในวันนี้!” หลังจากวางสาย ซูหม่าก็ลุกขึ้นและเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักด้วยเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น “ซูหม่า แกจะทำอะไร แล้วจี้เฟิงเป็นใคร?”

“พ่อไม่ต้องสนใจ นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน!” ซูหม่ากัดฟันของเขาและพูดต่อว่า “ครั้งนี้ฉันต้องสั่งสอนให้ไอ้จี้เฟิงมันรู้ และไม่ว่าจางเล่ยหรือแม้แต่ถงเล่ยออกมาปกป้องมันอีกฉันก็จะไม่สนใจ!”

เสียงที่ถามซูหม่าเมื่อครู่ เขาคือ ซูเฉา *รองผู้บริหารเขตหมางซือและเป็นพ่อของซูหม่า

ซูเฉามีอายุประมาณห้าสิบปี เขามีรูปร่างอ้วนและไขมันที่อยู่บนใบหน้าของเขาเกือบจะบีบตาทั้งสองข้างให้เหลือเพียงช่องเล็กๆ สองช่อง นั่นยิ่งทำให้เขาดูเหมือน พวกนายทุนที่บ้าอำนาจมากกว่าใครหน้าไหน

ซูเฉาตะคอกอย่างเย็นชา “ฉันเป็นพ่อของแก แล้วทำไมฉันจะยุ่งเรื่องของแกไม่ได้ และฉันเพิ่งจะได้ยินแกพูดว่าจะจัดการคนที่ได้รับการคุ้มครองจากจางเล่ยและถงเล่ย?”

“ใช่!” ซูหม่าตอบเสียงเข้ม “พอกันทีตอนนี้นังผู้หญิงร่านถงเล่ยมันไปโรงหนังกับไอ้เด็กสลัมจี้เฟิงนั่น เพื่อดูหนังอะไรกันคงไม่ต้องให้บอก ในเมื่อเธอไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา ถ้าฉันไม่ลงมือทำอะไรพวกมันในตอนนี้ ฉันจะไม่มีโอกาสอีกถ้าฉันไปมหาลัย”

มีแสงเย็นวาบออกมาจากดวงตาของซูเฉา หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็พูดว่า “ถงไค่เต๋อเป็นเลขาธิการพรรคประจำเขตที่เดินทางมาจากที่อื่น ว่ากันว่าเขามีภูมิหลังที่ไม่แน่ชัดในหลายๆ เรื่องและดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับอีกหลายเขต แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันชัดเจน แผนเดิมของฉันคือฉันต้องการให้แกไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจางเล่ย และมันจะดีกว่าถ้าแกได้สร้างความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับถงเล่ย เพราะครอบครัวของเรามีอำนาจแค่ในเขตหมางซือนี้เท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะไม่มีใครสามารถช่วยเราได้!”

“พ่อ! ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะทำแบบนั้นหรอกนะ แต่นังผู้หญิงใจง่ายถงเล่ย ไม่เปิดโอกาสให้ฉันเลย!” ซูหม่าอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยอารมณ์ที่โกรธแค้น

“งั้นหรือ!”

ซูเฉาจ้องมองไปที่ลูกชายของเขา เขารู้ดีว่าลูกชายของเขาเป็นอย่างไร แต่ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้เขาไม่สามารถช่วยอะไรลูกชายคนนี้ได้

“พ่อไม่ต้องห่วง คราวนี้ฉันให้คนอื่นเป็นคนจัดการ และฉันจะไม่ลงมือเองเหมือนที่พ่อเคยสอนฉันทุกครั้ง ฉันจะซ่อนตัวคอยดูเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นนี้ด้วยตาของฉันเอง และแน่นอนว่าฉันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้เมื่อมันจบลง!”

ซูหม่ายิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ฉันมองหาในครั้งนี้ ล้วนเป็นพวกอันธพาลข้างถนนที่มีคดีติดตัวทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคดีปล้นหรือลวนลาม และแน่นอนว่าเมื่อเสร็จงานฉันก็จะให้ค่าเหนื่อยเล็กๆ น้อยๆ กับพวกนั้นให้มันไสหัวไป!”

ซูเฉาพยักหน้าและกล่าวว่า “อืม.. ถ้าเอาตามนี้ก็ค่อยสมเหตุสมผลหน่อย แต่แกไม่จำเป็นต้องใช้คนให้มันมากจนเกินไป ควรหามาแค่สองสามคนก็พอ และสองสามคนนี้ต้องเป็นคนที่ปากหนักๆหน่อยไม่เที่ยวพูดเรื่องไร้สาระไปทั่ว มิฉะนั้น ฉันก็ไม่สามารถจับมันไว้ที่สถานีตำรวจได้ เข้าใจไหม?!”

ซูหม่าพยักหน้าเข้าใจทันที “เข้าใจแล้ว”

“เดี๋ยวก่อน!” ซูเฉาหยุดลูกชายของเขาที่หันหลังและกำลังจะเดินออกไป “การบุกเข้าไปปล้นที่บ้านฉันว่ามันยังไม่เพียงพอ แต่ควรเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ไปเลย เรื่องมันจะจบได้โดยง่าย และจะไม่มีใครสงสัยแก แล้วเดี๋ยวส่วนที่เหลือฉันจะจัดการเอง เข้าใจไหม?!”

“ครับ! เข้าใจแล้ว”  ซูหม่าดีใจมากที่พ่อของเขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ มันยอดเยี่ยมจริงๆ

หลังจากซูหม่าจากไปซูเฉาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เฒ่าฉินเหรอ? ฉันเอง คุณติดตามซูหม่าไป อืม.. ยังใช้วิธีเดิมหลังจากพวกเศษเดนนั้นทำงานเสร็จ ก็ให้ยิงพวกมันทันที และให้เป็นการต่อสู้กันอย่างรุนแรงและใช้เรื่องนี้เป็นการจับกุมพวกนั้นตกลงตามนี้!”

“คุณซูไม่ต้องกังวลฉันรู้วิธีจัดการดี!” มีเสียงที่เย็นชาดังมาจากปลายสาย

ถ้าหากมีใครได้ล่วงรู้หรือได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ต้องตัวสั่นและขนลุกไปทั้งตัวอย่างแน่นอน เมื่อซูเฉาและซูหม่าลูกชายของเขา พูดคุยเกี่ยวกับการฆาตกรรมไม่ต่างจากการคุยกันเรื่องอาหารเย็น ซึ่งเรียกได้ว่าเลวร้ายมาก

ในตอนนี้จี้เฟิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังจะมีอันตรายมาถึงตัว เขากำลังคิดถึงว่าจะอธิบายเรื่องถงเล่ยให้กับครอบครัวของเขาฟังอย่างไร…

.............

เมื่อพูดถึงแยงซีริเวอร์โฮเต็ลในเขตหมางซือ แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จัก

คนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ว่าเลขาธิการพรรคประจำเขตนั้นชื่ออะไร แต่ไม่มีใครไม่รู้จัก แยงซีริเวอร์โฮเต็ลอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นโรงแรมสามดาวแห่งแรกที่สร้างขึ้นในเขตหมางซือนับตั้งแต่มีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แม้ว่าแยงซีริเวอร์โฮเต็ลแห่งนี้จะมีชื่อเสียง แต่ก็มีลูกค้ามาใช้บริการน้อยมาก

เพราะคนธรรมดาทั่วไปมองว่า แยงซีริเวอร์โฮเต็ล เหมาะที่จะเป็นพื้นที่ไว้สำหรับพูดคุยหลังมื้ออาหารเท่านั้นและมีเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจจะจ่าย แม้แต่ในหมู่คนรวยก็น้อยคนนักที่จะกล้ามาใช้บริการที่นี่

คุณต้องรู้ว่าชื่อเสียงโดยตรงของแยงซีริเวอร์โฮเต็ลคือระดับการบริการและราคาของอาหาร

อาหารธรรมดาไม่กี่จานอาจจะมีราคาเท่ากับรายได้ของบางครอบครัวถึงครึ่งปีหรืออาจจะมากกว่านั้น

ด้วยเหตุนี้สถานะของ แยงซีริเวอร์โฮเต็ลจึงเป็นที่น่าอับอายมาก

คงไม่มีใครกล้าเข้าไปกินไม่ว่าร้านอาหารจะดีแค่ไหน แยงซีริเวอร์โฮเต็ลต้องเผชิญกับความยากลำบากกับสถานการณ์ที่อาจจะต้องปิดตัวลง และเมื่อสองปีที่แล้วในขณะที่แยงซีริเวอร์โฮเต็ลกำลังจะปิดตัวลง นับเป็นโชคดีที่ถงไค่เต๋อได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำเขต เขาเล็งเห็นถึงความสำคัญของโรงแรมแห่งนี้ เขาตัดใจในทันทีให้ แยงซีริเวอร์โฮเต็ลเป็นสถานที่สำหรับคณะกรรมการพรรคประจำเขตและหน่วยงานรัฐของเมืองเพื่อเอาไว้ต้อนรับและสร้างความบันเทิงให้กับชาวต่างชาติ สิ่งนี้ทำให้แยงซีริเวอร์โฮเต็ลเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

ด้วยการพัฒนาเขตหมางซือ เหล่ากลุ่มคนที่ร่ำรวยเริ่มเข้ามาใช้บริการที่นี่ และตั้งแต่นั้นมาแยงซีริเวอร์โฮเต็ลก็ได้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเขตหมางซือ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายร่วมกัน

แม้แต่จี้เฟิงยังคงคุ้นเคยกับโรงแรมระดับสามดาวแห่งนี้และแน่นอนว่าเขาคุ้นเคยเพียงแค่ชื่อเท่านั้นเขาไม่เคยไปที่โรงแรมระดับไฮเอนด์แบบนี้มาก่อน

เวลาประมาณหกโมงเย็นมีรถยนต์สีดำสองคันที่ไม่มีใบอนุญาตขับเข้ามาในลานจอดรถของแยงซีริเวอร์โฮเต็ล ที่จอดเต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายรุ่นและยี่ห้อ หากคุณมาช้ากว่านี้เกรงว่าจะไม่มีที่จอดจริงๆ

“แยงซี ริเวอร์ โฮเต็ล?”

เมื่อเห็นแสงไฟจากป้ายชื่อโรงแรมที่ใหญ่โต จี้เจิ้นผิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “ถงไค่เต๋อคนนี้ยังถือว่ามีวิสัยทัศน์อยู่พอสมควร ขนาดหมางซือเป็นเขตเล็กๆ ก็ยังมีโรงแรมระดับสามดาว อย่างน้อยก็ดีกว่าเขตอื่นๆ ว่าแต่พี่ใหญ่ ถงไค่เต๋อขนลูกเมียมาโรงแรมระดับนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”

จี้เจิ้นหัวจ้องเขม็งไปที่น้องชายและพูดด้วยเสียงเบา “เราให้เจ้าถิ่นจัดหาสถานที่และมันก็เป็นสิทธิของเขาในการที่จะตัดสินใจ น้องสามอย่าพูดอะไรไร้สาระ!”

จี้เจิ้นผิงทำได้แค่หันหน้าหนีไปด้านข้างเขาส่งยิ้มให้จี้เฟิงและพูดว่า “ดูพ่อของเธอสิเพิ่งจะอายุสี่สิบกว่าเท่านั้น แต่เขาดันทำตัวเหมือนคนอายุเจ็ดสิบปี ถือว่าเป็นโชคดีที่ฉันกับอาของเธออีกคนถูกส่งไปกองทัพ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าฉันจะกลายเป็นแบบนี้!”

จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “อาสามคุณมีพี่น้องทั้งหมดกี่คนเหรอ เท่าที่รู้ตอนนี้มีอยู่สองอา!”

จี้เจิ้นผิงกระแอมไอให้คอโล่งและพูดว่า “เจ้าเด็กหัวรั้นฟังให้ดีนะ  เธอมีอาที่เป็นผู้ชายสองคน ฉันจะยังไม่พูดถึงอาอีกคนก็แล้วกัน นอกจากนั้นเธอยังมีป้า....”

ตอนนี้จี้เฟิงได้รู้แล้วว่า พวกเขามีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ในบรรดาลูกผู้ชายพ่อของเขาเป็นคนโตสุด แต่ในการจัดอันดับพี่น้อง พ่อของเขายังมีพี่สาวอีกคนหนึ่ง แล้วก็มีอาผู้หญิงอายุน้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด

...จบบทที่ 95~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด