บทที่ 2 มังกรแห่งตระกูลเสี่ยว
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาและท่าทางที่ทรงเสน่ห์ เสี่ยวเฉินกลายเป็นเป้าสายตาของสาวน้อยใหญ่มากมาย พวกเธอต่างจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล สำหรับเด็กสาวแล้ว หน้าตามันไม่ได้สำคัญนัก สิ่งที่น่าหลงใหลคือบรรยากาศที่เขาปล่อยออกมารอบ ๆ ตัวมากกว่า ราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่เขามีมันติดตัวมาตั้งแต่เกิด คอยดึงดูดสายตาของคนเข้ามาหา
หลังจากออกเดินทางไปถึง 3 ปี เสี่ยวเฉินก็ได้เปลี่ยนจากหนุ่มน้อยวัย 15 ปี กลายเป็นเด็กหนุ่มวัย 18 ปี ร่องรอยความเป็นเด็กที่มีเมื่อสามปีก่อนมันได้จางหายไปจนหมด ตอนนี้เขาขี่ม้าสีแดงเพลิงโดยไม่สนสายตาของคนรอบข้าง ในใจของเสี่ยวเฉินในตอนนี้คิดถึงแค่เรื่องที่จะรีบกลับไปเจอหน้าพ่อแม่เพียงเท่านั้น หลังจากห่างหายกันไปถึง 3 ปี ไม่ว่าใครก็คงนึกภาพออกว่าเด็กหนุ่มคนนี้คิดถึงพ่อแม่มากเพียงใด
แต่มันก็มีเรื่องที่กวนใจเขาอยู่นิดหน่อย ระหว่างทางที่เสี่ยวเฉินรีบกลับไปยังบ้านตระกูลเสี่ยว เขาก็ได้ยินว่านิกายภูเขาหยกและสองตระกูลใหญ่ได้ยกพลมาทำลายบ้านตระกูลเสี่ยวในวันนี้ และหลังจากได้ยินเสี่ยวเฉินก็รู้ทันทีว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของเฉินมู่ซือ
มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร และตอนนี้ตระกูลเสี่ยวก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แน่นอนว่าชาวบ้านหลาย ๆ คนต้องเอามันมาพูดกันสนุกปาก
หลังได้รู้สถานการณ์ของตระกูล เสี่ยวเฉินก็แสดงสายตาอันเย็นเยือกออกมา แต่มันก็ออกมาแค่เสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะกลับมามีท่าทางสงบอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังรู้สึกโล่งใจ เพราะโชคดีที่เขากลับมาถึงทัน ไม่เช่นนั้นมันคงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ ๆ
เสี่ยวเฉินรีบควบม้ามุ่งตรงไปทางบ้านตระกูลเสี่ยวอย่างไม่หยุดพัก ขณะเดียวกันนั้น เหล่าสมาชิกตระกูลเสี่ยวที่ไม่มีทางหนีก็ได้เตรียมพร้อมจะสู้จนตัวตาย
เพราะยังไงเสียมันก็ไม่มีทางให้พวกเขาได้หนีไปไหน แทนที่จะยอมตายโดยไม่ขัดขืน สู้ขัดขืนจนตัวตายจะดีกว่า ถึงความหวังจะน้อยนิดแต่ก็ยังก็ดีกว่าไร้ความหวัง
บรรยากาศในบ้านตอนนี้ตึงเครียดมาก ๆ จังหวะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะลงมือ เสี่ยวเฉินก็เดินผ่านประตูบ้านตระกูลเสี่ยวเข้ามาอย่างใจเย็น
หลังได้ยินเสียงฝีเท้า ทุกคนต่างหันไปมองเสี่ยวเฉินเป็นตาเดียว ตอนแรกไม่มีใครจำหน้าของเสี่ยวเฉินได้ พวกนั้นได้แต่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาคุ้น ๆ แต่ไม่นาน เสี่ยวชิง พ่อของเสี่ยวเฉินก็จำลูกของตัวเองได้ ตอนที่เขาจำหน้าลูกได้ มันมีทั้งความซาบซึ้งและความตื่นเต้นปรากฏขึ้นมาบนใบหน้านั้น “เฉิน...”
เฉิน? หลังได้ยินคำพูดของเสี่ยวชิง ทุกคนต่างแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา ไม่มีใครคาดคิดว่ามังกรแห่งตระกูลเสี่ยวจะกลับมาในเวลาแบบนี้...
ทั้งตระกูลหม่าและตระกูลเฉินต่างแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมา เพราะพวกเขาต่างไม่คาดคิดว่าเสี่ยวเฉินจะกลับมาในเวลานี้ เฉินมู่ซือเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน เธอจ้องมองดูเสี่ยวเฉินผู้เดินเข้ามาอย่างใจเย็น
เขายังคงหล่อเหลาไม่มีเปลี่ยน ไม่สิ เสี่ยวเฉินในตอนนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลากว่าเมื่อ 3 ปีก่อนเสียด้วยซ้ำ จนทำให้สายตาของเฉินมู่ซือเต็มไปด้วยความหลงใหล แต่ไม่นานความโหดเหี้ยมก็กลับมาปกคลุมจิตใจเธออีกครั้ง เพราะนี่คือเสี่ยวเฉินผู้ที่ปฏิเสธรักจากเธอ เขาคือชายคนแรกที่กล้าปฏิเสธเธอ
เสี่ยวเฉินเดินเข้ามาหาพ่อของตัวเองด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง “ท่านพ่อ...”
“เจ้า... เฉินเจ้า... รีบออกไปจากหลิงซานเร็ว และอย่าได้คิดกลับมาอีก” ตอนแรกนั้นเสี่ยวชิงดีใจกับการกลับมาของลูกชายมาก แต่หลังจากได้หยุดคิดดู สถานการณ์ที่ตระกูลเสี่ยวเจอตอนนี้ การที่เสี่ยวเฉินกลับมามันก็เท่ากับการเดินเข้าสู่กับดักดี ๆ นี่เอง
ความสามารถของเสี่ยวเฉินนั้นไม่ใช่ของธรรมดา แต่เสี่ยวเฉินจะสามารถต่อกรกับนิกายภูเขาหยกได้เหรอ? เพราะฉะนั้นเสี่ยวชิงจึงสะบัดความดีใจทิ้งและรีบไล่ให้ลูกชายหนีไป เสี่ยวชิงเดินขึ้นมาบังเสี่ยวเฉินไว้ ป้องกันไม่ให้เฉินมู่ซือเข้ามาทำร้ายเขา
เสี่ยวชิงรู้ดีว่าต่อให้ใครในตระกูลต้องตาย เสี่ยวเฉินคนเดียวเท่านั้นที่ห้ามตายลงเด็ดขาด เพราะเขาคือมังกรแห่งตระกูลเสี่ยว ตราบเท่าที่เสี่ยวเฉินยังอยู่รอด ตระกูลเสี่ยวก็ยังไม่ตาย
เขาคิดจะแลกชีวิตของตัวเองเพื่อเปิดช่องว่างให้เสี่ยวเฉินได้หนีออกไป แต่ตอนที่เสี่ยวชิงกำลังเตรียมตัวสู้จนตัวตาย เสี่ยวเฉินกลับกดบ่าของเขาไว้ และเดินขึ้นไปด้านหน้าเสี่ยวชิงก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ท่านพ่อ ไม่ต้องกังวลไป เรื่องนี้ข้าจัดการได้”
มันเป็นคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เสี่ยวเฉินไม่รอให้เสี่ยวชิงตอบอะไรกลับมา เขาเดินขึ้นไปตรงหน้าเฉินมู่ซือ มองไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่คิดจะทำลายล้างตระกูลเสี่ยว ก่อนที่เสี่ยวเฉินจะพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น
“จริง ๆ แล้วข้าก็คิดไว้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนแล้วว่าสักวัน วันนี้มันคงมาถึง...”
สิ่งที่เฉินมู่ซือทำในวันนี้ไม่ได้ทำให้เสี่ยวเฉินแปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะเขาคาดเดาไว้แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้นสักวัน เพราะเฉินมู่ซือเป็นคนแบบนั้น
หลังได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฉิน เฉินมู่ซือก็ได้แต่กัดฟันตอบกลับมา “ต่อให้เจ้าคาดเดาได้ วันนี้ก็จะเป็นวันตายของคนตระกูลเสี่ยวอยู่ดี...”
ท่าทางไม่แยแสของเสี่ยวเฉินนั้นทำให้เฉินมู่ซือโกรธจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่มันก็ทำให้เธอหลงใหลเขามากกว่าเดิมด้วย เขาคนนี้ไม่เคยจะแสดงสีหน้าต่ออะไรในโลก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการคิดคำนวณของเขาไว้หมดแล้ว มันเป็นมาตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน
ในดวงตาของเธอนั้นมีทั้งความชิงชังและความหลงใหลปะปนกันอยู่ เพราะจนถึงทุกวันนี้เฉินมู่ซือก็ยังคิดว่าเสี่ยวเฉินนั้นน่าหลงใหล เพราะเขาเป็นชายที่ทรงเสน่ห์ที่สุดเท่าที่เฉินมู่ซือเคยได้พบเจอมา หากยกเสินหมิงที่อยู่ข้าง ๆ นี้ขึ้นมาเปรียบ เสินหมิงนั้นไม่สามารถเทียบเสน่ห์ของเสี่ยวเฉินได้เลย
หลังได้เห็นความขัดแย้งในดวงตาของเฉินมู่ซือ เสี่ยวเฉินก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“อยากรู้เหตุผลที่ข้าปฏิเสธเจ้าไหม?
มันเป็นเพราะตอนที่เจ้ามาบอกรักข้า ตอนนั้นเจ้ายังคงติดต่อกับหม่าหยวน และข้ายังรู้ด้วยว่าทำไมเจ้าถึงได้ติดต่อกับหม่าหยวน มันเป็นเพราะตระกูลเฉินของเจ้าคิดจะสร้างสายสัมพันธ์กับตระกูลหม่า คนที่กล้าทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นหญิงเพื่อผลประโยชน์ เจ้าคิดว่าข้าจะรับรักคนอย่างนั้นอีกเหรอ?”
เสี่ยวเฉินพูดเรื่องที่เฉินมู่ซือทำตั้งแต่ต้นจนจบโดนไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย แต่หลังได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฉิน เฉินมู่ซือและหม่าหยวนในกลุ่มตระกูลหม่ากลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหม่าหยวน ในฐานะนายน้อยตระกูลหม่า เขามองตรงไปยังเสี่ยวเฉินและพูด “เจ้า... เจ้ารู้มาก่อนแล้ว?”
“โอ้ เจ้าคิดว่าคนอื่นจะไม่รู้เลยรึว่าเจ้าทำอะไรไว้บ้าง” เสี่ยวเฉินยิ้มตอบหม่าหยวนไป
เพราะเขารู้ตั้งแต่แรกถึงความสัมพันธ์ที่เฉินมู่ซือกับหม่าหยวนมี เสี่ยวเฉินจึงไม่ได้มองเฉินมู่ซือว่าเป็นคนดีงามมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ไม่แปลกหรอกหากเขาจะปฏิเสธคำบอกรักจากเธอ
หลังจากเสี่ยวเฉินเปิดโปงความสัมพันธ์ของเขากับเฉินมู่ซือต่อสาธารณะ หัวใจของหม่าหยวนก็แทบจะหยุดเต้นลงหลังเขารู้สึกได้ถึงสายตาของเสินหมิง
มันจบแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดีว่าเฉินมู่ซือเป็นผู้หญิงของเสินหมิง หลังเขาได้รู้ว่าตอนนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น หม่าหยวนก็แทบจะนึกภาพจุดจบของตัวเองออกแล้ว
หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะเดียวกัน ความโกรธแค้นก็ปะทุขึ้นมา ทั้งหมดมันเพราะเสี่ยวเฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เสินหมิงก็ไม่มีทางจะรู้เรื่องนี้ได้ หม่าหยวนจึงหยิบขวานอันใหญ่ขึ้นมาและพุ่งตัวใส่เสี่ยวเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคับแค้น พร้อมตะโกนระบายความโกรธออกมา
“ไร้สาระ เสี่ยวเฉิน ข้าจะฆ่าเจ้า...”
เสี่ยวเฉินที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันดุดันของหม่าหยวน ได้ขยับเท้าของตัวเองและเอียงตัวหลบการโจมตีของหม่าหยวน จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นเตะไปที่ลำตัวของหม่าหยวนเข้าอย่างจัง
เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากของหม่าหยวน ส่งให้ร่างนั้นก้มลงอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเฉิน
เสี่ยวเฉินก้มลงมองดูหม่าหยวนอย่างเหยียดหยามก่อนจะพูดขึ้น “ใครมันทำให้เจ้าโอหังได้ขนาดนี้? เมื่อก่อนเจ้านั้นเป็นได้เพียงแค่มดปลวกต่อหน้าข้า และทุกวันนี้มันก็ยังเป็นเช่นก่อน”