บทที่ 1 ชิงชังด้วยรัก
มณฑลหลิงซาน หนึ่งใน 18 มณฑลภายใต้รัฐหลิงเฟิง ในมณฑลหลิงซานนี้มีตระกูลผู้ทรงอำนาจอยู่สามตระกูลใหญ่ นั่นคือตระกูลเสี่ยว ตระกูลหม่า และตระกูลเฉิน
วันนี้ตระกูลเสี่ยว หนึ่งในสามตระกูลใหญ่กำลังพบกับภัยมหันต์ และเรื่องทั้งหมดมันก็เริ่มขึ้นมาจากมังกรแห่งตระกูลเสี่ยวนี้เอง
18 ปีก่อน ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลเสี่ยว เสี่ยวชิง ได้มีลูกชายนาม เสี่ยวเฉิน ว่ากันว่าตอนที่เด็กชายคนนี้กำเนิดออกมาดูโลก ได้มีลางดีส่องลงมาจากท้องฟ้า และเสี่ยวเฉินคนนี้ก็ได้แสดงความอัจฉริยะที่เรียกได้ว่าพลิกแผ่นฟ้า
เมื่ออายุได้ 15 ปี เขาเรียนรู้ลมปราณวิชาพื้นฐานจนหมดและเริ่มเข้าสู่ระดับเปิดชีพจร ด้วยความเร็วระดับนี้ ไม่มีใครหน้าไหนในประวัติศาสตร์ของมณฑลหลิงซานจะเทียบเคียงเขาได้
ด้วยความสามารถที่ล้นเหลือ พร้อมกับตำแหน่งนายน้อยของตระกูลเสี่ยวและใบหน้าที่หล่อเหล่าของเสี่ยวเฉิน ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มในฝันของสาว ๆ ทั้งมณฑลหลิงซาน รวมไปถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉิน นามเฉินมู่ซือ
ด้วยฐานะทายาทของสามตระกูลใหญ่เหมือน ๆ กัน เฉินมู่ซือและเสี่ยวเฉิน จึงถูกมองว่าเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันที่สุดในสายตาผู้คน แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเฉินมู่ซือได้บอกรักต่อเสี่ยวเฉินแต่กลับถูกเสี่ยวเฉินปฏิเสธต่อหน้า หลังจากนั้นเสี่ยวเฉินก็ได้ออกเดินทางหายไปจากหลิงซาน จนบัดนี้เวลาล่วงเลยผ่านไปสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวของเขา
ตอนที่เสี่ยวเฉินออกเดินทางไป เฉินมู่ซือนั้นรู้สึกคับแค้นที่ถูกเสี่ยวเฉินปฏิเสธมาก และหลังเธอได้รับความเชื่อใจจากนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในมณฑลหลิงซานอย่างนิกายภูเขาหยก เฉินมู่ซือก็ได้เริ่มแผนการแก้แค้นตระกูลเสี่ยว
เวลาสามปีที่ผ่านมานี้ไม่ได้ทำให้ความเกลียดชังในจิตใจของเฉินมู่ซือเบาบางลงเลยแม้แต่น้อย มันกลับมีแต่เพิ่มพูนมากขึ้น พอนึกถึงตอนที่ถูกเสี่ยวเฉินปฏิเสธทีใด เฉินมู่ซือก็สาบานต่อตนเองว่าจะต้องทำลายตระกูลเสี่ยวให้เสี่ยวเฉินนั้นต้องเจ็บปวดใจไปจนวันตายให้ได้
ส่วนตัวเฉินมู่ซือเองนั้น แม้จะมีพรสวรรค์ไม่เทียบเท่ากับเสี่ยวเฉินแต่ฐานะและหน้าตาของเธอนั้นก็ยังนับได้ว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในมณฑลหลิงซานนั้นหาผู้ใดมาเปรียบมิได้ เป็นนางงามที่สวรรค์ส่งมาเกิด แต่เสี่ยวเฉินนั้นกลับกล้าปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใย
เธอยังคงจำได้ดีว่าตอนที่ตัวเองตั้งหน้าไปบอกรักเสี่ยวเฉินนั้น เสี่ยวเฉินกลับตอบมาแค่ว่า “เจ้าไม่คู่ควร...”
หลังพูดจบ เขาก็ไม่แม้แต่จะหันมามองเธออีก หลังจากวันนั้น เขาก็เดินทางออกจากมณฑลหลิงซานไป
ความเกลียดชังนี้ฝังในใจของเธอมาถึง 3 ปี และในวันนี้เฉินมู่ซือก็จะได้ลงดาบกับตระกูลเสี่ยวเสียที ตอนนี้ ในบ้านตระกูลเสี่ยว มีศิษย์ของนิกายภูเขาหยกอยู่ 7 คนนำโดยตัวเฉินมู่ซือ และก็ยังมีคนจากตระกูลเฉินและตระกูลหม่าอยู่ด้วย
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับตระกูลเฉิน ตระกูลหม่า และนิกายภูเขาหยก ตระกูลเสี่ยวนั้นจึงไม่มีทางที่จะขัดขืนได้เลย ตอนนี้ฝ่ายตระกูลเสี่ยวที่นำโดยเสี่ยวชิงได้แต่มองดูใบหน้าของเฉินมู่ซืออย่างเคร่งขรึม
ถึงมันจะดูสวยงามน่ามองเพียงใด ภายใต้ความสวยงามนี้กลับมีความอำมหิตซ่อนอยู่ หลังหายใจเข้าลึก เสี่ยวชิงก็มองตรงไปยังเฉินมู่ซือและถามขึ้นมา
“มันต้องถึงขนาดนี้เลยเหรอ? นี้ก็ผ่านไปตั้ง 3 ปีแล้ว เจ้ายังไม่คิดจะปล่อยพวกเราไปอีกเหรอ?”
เขารู้ถึงความเกลียดชังที่เฉินมู่ซือมีต่อเสี่ยวเฉินมานานแล้ว หลังได้ยินคำนั้นของเสี่ยวชิง เฉินมู่ซือก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ปล่อยไป? ทั้ง ๆ ที่ข้าสาบานไว้ตอนที่เสี่ยวเฉินปฏิเสธข้าแล้ว ว่าสักวันจะฆ่าล้างตระกูลเสี่ยวเนี่ยนะ...?”
เธอไม่มีทางปล่อยตระกูลเสี่ยวให้มีชีวิตรอดไปอยู่แล้ว แม้แต่หมาของบ้านตระกูลเสี่ยว เฉินมู่ซือก็ไม่คิดจะปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไป หลังพูดจบ เฉินมู่ซือก็หันหน้าไปหาชายหนุ่มรูปงามที่ด้านข้างของเธอ
ชายหนุ่มคนนี้ดูท่าจะอายุราว 20 ปี ใส่ชุดคลุมสีดำท่าทางอ้อนแอ้น
เฉินมู่ซือเดินเข้าไปกอดแขนของชายหนุ่มและพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแสนขี้อ้อน “พี่หมิง สัญญากับข้าแล้วนะ...”
“ไม่ต้องห่วงไปศิษย์น้องมู่ซือ วันนี้ตระกูลเสี่ยวจะต้องหายไปจากโลก” ศิษย์พี่หมิงตอบกลับคำของเฉินมู่ซือด้วยรอยยิ้ม
ศิษย์พี่หมิงคนนี้มีชื่อเต็มว่า เสินหมิง เป็นหนึ่งในสิบศิษย์สำนักในของนิกายภูเขาหยก ปีนี้เขาอายุได้ 28 ปีและมีลมปราณระดับทอง
พลังลมปราณนั้นเริ่มจากวิชาพื้นฐาน จากนั้นจึงเป็นระดับเปิดชีพจร ระดับทอง ระดับนิล ระดับปฐพี และระดับสวรรค์ ในแต่ละระดับนั้นก็จะมีการแบ่งขั้นย่อยลงไปอีก เป็นขั้นปฐม ขั้นมัธยม ขั้นปัจฉิม และขั้นอุตมะ
ด้วยอายุเพียง 28 ปี เขาได้เปิดชีพจรวิญญาณและก้าวเข้าสู่ระดับทอง พรสวรรค์ของเสินหมิงนั้นไม่ธรรมดา ไม่น่าแปลกที่เขาจะได้เป็นหนึ่งในหัวหน้าสิบศิษย์สำนักในของนิกายภูเขาหยก
ด้วยความเสน่หาที่เขามีต่อเฉินมู่ซือ เสินหมิงจึงตัดสินใจที่จะเข้ามาช่วยจัดการเรื่องตระกูลเสี่ยวให้
หลังได้ยินคำตอบของเสินหมิง รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินมู่ซือก็ยิ่งสดใสกว่าเดิม ส่วนใบหน้าของตระกูลเสี่ยวนั้นกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ในฐานะนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในมณฑลหลิงซาน ต่อหน้านิกายภูเขาหยกนี้ ตระกูลเสี่ยวนั้นก็เป็นได้เพียงแค่มดปลวก ที่สามารถถูกทำลายลงได้ทุกวินาที
แม้ตอนนี้นิกายภูเขาหยกอาจจะมีแค่เสินหมิงและศิษย์อีกไม่กี่คน พลังยุทธ์อาจจะไม่สามารถเทียบเคียงกับตระกูลเสี่ยวทั้งตระกูลได้ แต่ว่าตอนนี้มีทั้งตระกูลหม่าและตระกูลเฉินที่กำลังจ้องมองตระกูลเสี่ยวราวกับเสือที่รอขย้ำเหยื่อด้วย ที่สำคัญ หากวันนี้ศิษย์นิกายภูเขาหยกได้รับบาดเจ็บกลับไป วันหน้าเหล่าผู้เฒ่าในนิกายคงไม่อยู่นิ่งเฉยและนำพาหายนะมาสู่ตระกูลเสี่ยวอีกครั้งแน่
“อ่า สวรรค์เอ่ย ท่านต้องการทำลายตระกูลเสี่ยวเราเสียแล้วเหรอ?” ผู้เฒ่าในตระกูลเสี่ยวเงยหน้าขึ้นรำพึงรำพันกับฟ้า เพราะสถานการณ์ตรงหน้านี้ พวกเขาแทบไม่เห็นหนทางที่จะรอดออกไปได้ ที่สำคัญกว่านั้น เรื่องมาจนถึงป่านนี้แล้ว แต่ทางราชสำนักกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มันเป็นเครื่องบ่งบอกได้อย่างดีว่าพวกเขายอมรับเรื่องที่ตระกูลเสี่ยวจะถูกทำลายลงแล้ว
หลังได้เห็นท่าทางหมดหวังของคนตระกูลเสี่ยว เฉินมู่ซือก็ได้แต่หัวเราะในใจ เสี่ยวเฉินที่กล้าปฏิเสธเธอไปเมื่อสามปีก่อนคงไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง ฮ่าฮ่า
……………........
ทุกคนในมณฑลหลิงซานนี้ต่างรู้ดีว่าวันนี้จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น คือเรื่องที่ตระกูลเสี่ยวจะล่มสลายลง มันลือกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง และขณะที่ทุกสายตาต่างมองไปยังบ้านตระกูลเสี่ยว จากถนนหลวงด้านนอกเมือง มีชายหนุ่มผมยาวสยายในชุดสีขาวราวหิมะกำลังควบม้าสีแดงเพลิงใกล้เข้ามา
ชายหนุ่มคนนี้มีหน้าตาที่แสนหล่อเหลา ด้วยดวงตาและคิ้วที่คมกริบ พร้อมคิ้วที่ชนกันบาง ๆ ให้ความรู้สึกราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า ไม่มีร่องรอยของฝุ่นผงใด ๆ
ผมยาวสีดำสนิทนั้นถูกมัดรวบไว้ด้วยผ้าสีแดง ปล่อยให้ปลายผมปลิวสยายไปตามลม
หลังจากขวบม้ามาเป็นเวลานาน ในที่สุดชายหนุ่มก็อยู่ห่างจากเมืองหลิงซานนี้แค่ไม่กี่ลี่ เขามองดูเมืองอันแสนคุ้นเคยนี้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “สามปีแล้วเหรอ ไม่รู้ว่าท่านพ่อท่านแม่จะเป็นอย่างไรบ้าง...”
หลังพูดจบ ชายหนุ่มก็ตอกส้นเท้าลงกับท้องม้าที่กำลังเดินช้า ๆ อยู่ ส่งให้ม้าสีเพลิงตัวนี้พุ่งออกไปยังประตูเมืองทันที
หลังจากจ่าย 10 เหรียญทอง ชายหนุ่มก็สามารถผ่านเข้ามาด้านในเมืองได้ เขาหันมองดูทิวทัศน์อันแสนคุ้นเคยไประหว่างทาง และค่อย ๆ ควบม้าไปทางบ้านตระกูลเสี่ยว
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดเขาก็กลับมา ใช่แล้ว ชายหนุ่มที่เพิ่งผ่านประตูเมืองมาคนนี้คือมังกรแห่งตระกูลเสี่ยว เสี่ยวเฉินผู้ที่หายตัวไปถึง 3 ปี และเป็นหนึ่งในสิบคนที่ได้รับการกล่าวขานว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงรัฐหลิงเฟิงได้ หนึ่งในผู้สำเร็จวิชาขั้นอุตมะ
หลังห่างหายไปนาน 3 ปี ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ด้วยใบหน้าหล่อ ๆ นั้น ทำให้สายตาของหญิงสาวชาวบ้านตามท้องถนนต้องหันไปเหลียวมองตามเสี่ยวเฉินเป็นทาง ด้วยใบหน้าหล่อเหล่าและท่าทางไม่ธรรมดานี้ ไม่แปลกใจเลยที่หลาย ๆ คนจะหันมามองเขาด้วยความตกตะลึก