ตอนที่ 52 จะไปเรียนทั้งที่ท้องยังว่างอยู่ได้ยังไง
เฉียวเมียนเมียนตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงทักทาย
เธอเบิกตากว้างและถอยหลังห่าง “คุณคือ...?”
เหลยเอินยิ้มให้กับหญิงสาว ดูเธอคล้ายจะอายุไม่ถึง 20 ปีเลยด้วยซ้ำ
“กระผมมีนามว่าเหลยเอิน เป็นพ่อบ้านของตระกูลเหมา นายน้อยกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ห้องอาหารครับ คุณผู้หญิงจะรับอาหารเช้าด้วยหรือไม่ครับ?”
บ้านตระกูลเหมา...
เฉียวเมียนเมียนกวาดสายตาตรวจสอบคฤหาสน์อันโอฬารแห่งนี้
นี่คือบ้านของเหมาเยซื่อเหรอ?
เธอเคยคิดว่ามันเป็นบ้านพักตากอากาศขนาดใหญ่เสียอีก
แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าความยากจนได้จำกัดจินตนาการของเธอจริง ๆ
บ้านที่เหมือนปราสาทหลังนี้ใหญ่กว่าวิลล่าหลายเท่าตัว
“เหมาเยซื่อยังอยู่ที่บ้านเหรอ?” เธอก้มดูเวลาแล้วคิดว่าเขาคงไปที่บริษัทแล้ว
เมื่อได้ยินเธอเรียกเขาว่า “เหมาเยซื่อ” ตรง ๆ เหลยเอินตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ได้สติคืนอย่ารวดเร็วแล้วพยักหน้า
“ใช่ครับ นายน้อยอยู่ที่บ้านครับ”
“โอ้”
เฉียวเมียนเมียนพยักหน้า “ฉันอยากไปหาเขาค่ะ รบกวนช่วยนำทางด้วยค่ะ”
เหลยเอินรีบตอบ “ตามมาทางนี้เลยครับ”
เฉียวเมียนเมียนไปถึงห้องอาหาร หลังจากเดินไปได้เพียงไม่กี่นาที หากไม่ได้เหลยเอินนำทาง เธอคงเดินหลงทางเป็นแน่
ชายหนุ่มในชุดสบาย ๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะแกะสลักสีขาวขนาด 2-3 เมตร เขานั่งจิบกาแฟอย่างหรูหรา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง
ดวงตาสีเข้มจับจ้องไปที่เฉียวเมียนเมียน หลังจากมองหล่อนเพียงไม่กี่วินาที คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
เฉียวเมียนเมียนตัวเกร็งขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
เธอรู้สึกเหมือนทำอะไรผิดพลาดไป
ครู่ต่อมา
เหมาเยซื่อยกมือขึ้น พร้อมทั้งกวักมือเรียกเธอ “มานี่สิ”
เสียงของชายหนุ่มยังคงฟังดูมีอำนาจเหมือนทุกที
เฉียวเมียนเมียนเดินตรงเข้าไปหาเขา แล้วหยุดอยู่ห่างจากเขาประมาณเมตรครึ่ง
เธอมองตรงไปยังใบหน้าคมของเขา หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะ เธอพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
“เหมาเยซื่อคะ ฉันขอคุยด้วยหน่อย”
แต่ชายหนุ่มยังคงสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรให้ต้องรีบร้อน “นั่งลงทานอะไรสักหน่อย แล้วค่อยคุยกัน”
“ไม่ล่ะค่ะ...” เธอพูดอย่างรีบร้อน
“ฉันไม่มีเวลาทานอาหารเช้า คุณช่วยให้คนขับรถไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัยที วันนี้ฉันมีคาบเรียนสำคัญที่ขาดไม่ได้ค่ะ”
“คาบเรียนที่สำคัญมากจริง ๆ ค่ะ” เธอหันไปมองโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลาอีกครั้ง อาการรีบร้อนมากขึ้น “ฉันมีเรียนตอน 10 โมงค่ะ ตอนนี้มีเวลาไม่ถึงชั่วโมงแล้ว”
“อืม” เหมาเยซื่อพยักหน้ารับว่าเขาได้ยินที่เธอพูดแล้ว
ท่าทีของเขาทำให้เธอรู้สึกกังวลใจมากยิ่งขึ้น
“เหมาเยซื่อ เมื่อคืนคุณบอกฉันเองนะ ว่าจะไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัย จะผิดคำพูดไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะต้องรีบร้อนขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้คุณไปสักหน่อย” เหมาเยซื่อเคาะโต๊ะเบา ๆ ส่งสัญญาณให้เธอนั่งลง
“ทานข้าวก่อน”
เฉียวเมียนเมียนจะอยู่ในอารมณ์ที่จะกินได้อย่างไร
“ฉัน...”
“เมียนเมียน อย่าดื้อสิ”
น้ำเสียงของชายตรงหน้าลดลงเล็กน้อย มีความอ่อนโยนราวกับว่าเขากำลังปลอบเด็ก
“ผมจะจัดการเรื่องคาบเรียนให้ ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าคุณจะกังวลแค่ไหน ก็ต้องทานอาหารเช้าก่อน จะไปเรียนทั้งที่ท้องยังว่างอยู่ได้ยังไงกัน”