บทที่ 242
อักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงค่อยๆปรากฏออกมาท่ามกลางท้องฟ้าและแสงจันทร์สาดส่อง เรือลำหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมาอย่างช้าๆ ชายหนุ่มผู้หนึ่งจ้องมองผืนป่าสุดลูกหูลูกตาด้านหน้า ทันใดนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้นเรือลำนั้นสั่นสะเทือนไม่นานก็ได้ยินเสียงเอ่ยวาจาออกมา
“คุณชายรีบลงจากเรือเถอะขอรับ มันคงใช้งานไม่ได้แล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวทั้งสี่คนก็พุ่งทะยานออกจากเรือไม่ถึงสิบลมหายใจเรือลำนั้นระเบิดเสียงดังสนั่นแสงจากการระเบิดสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ เมื่อทั้งสี่ลงมาที่พื้นดินหม่าจวินก็เอ่ยวาจาออกมาอีกครั้ง
“ชุนหวู เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ไหน”
เสียงสะบัดมือดังแว่วแผ่นหนังปรากฏขึ้นที่มือขวาของชุนหวู ไม่ถึงสามลมหายใจก็ได้ยินเสียงกล่าววาจาตอบกลับ
“ดูจากแผนที่แล้วที่นี่คงเป็นแคว้นจ้าวแห่งตะวันตก เรือที่เรานั่งมาคงเป็นของแคว้นจ้าวมันถึงพาเรามาที่นี่ แต่ว่าตอนนี้เราต้องเร่งออกจากที่นี่เสียก่อนข้าไม่แน่ใจว่าเสียงระเบิดจะดึงดูดพวกสัตว์อสูรและเหล่าทหารของแคว้นจ้าวมาที่นี่หรือไม่”
ชุนหวูหันไปมองไช่กวน ไม่ถึงสองลมหายใจก็มีอีกาสีดำตัวใหญ่ปรากฏออกมาทั้งสี่จึงพุ่งทะยานขึ้นบนหลังอีกาตัวใหญ่ หลังจากนั้นก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วในระหว่างนั้นเองเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาสอบถาม
“สอบถามพี่ชายทั้งสามดินแดนแห่งนี้มีกี่แคว้นกันขอรับ”
“จะมีทั้งหมดหกแคว้นใหญ่ แคว้นหลี่ โจว หลิว จาง เฉินและจ้าว แต่ยังมีแคว้นเล็กอีกนับสิบตัวข้าเองก็หาได้จดจำได้หมดขอรับ แต่ละแคว้นจะมีเมืองหลักอยู่เพียงเมืองเดียว ส่วนที่เหลือจะเป็นเมืองขึ้นขอรับ ยกตัวอย่างเช่นแคว้นหลี่ของนายท่านพวกข้าหรือท่านตาของคุณชาย มีเมืองหลักนามว่า เมืองเทียนเฟิ่งหลี่และมีเมืองขึ้นอีกยี่สิบเมืองรอบพื้นที่”
“แล้วดินแดนรอบนอกละขอรับ”
“ดินแดนรอบนอก คุณชายหมายถึงดินแดนที่คุณชายอยู่ข้าเข้าใจถูกหรือไม่ขอรับ”
“ใช่แล้วพี่ชายชุนหวู”
“เรียนตามตรงตัวข้าเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก โดยทั้งหมดจะมีดินแดนหลายร้อยดินแดนด้วยกัน แต่ละดินแดนก็ต่างออกไป บางแห่งถูกปกครองโดยมนุษย์เช่นดินแดนรอบนอกที่คุณชายอยู่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของพื้นที่แต่ละดินแดนขอรับ ช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา มีคนจากที่นี่อพยพหนีออกไปจากดินแดนรอบนอกเพราะพื้นที่ถูกขับไล่จากภัยสงคราม”
ในระหว่างที่ทั้งสี่กำลังเดินทางอยู่นั้นก็มีบางอย่างพุ่งขึ้นมาปะทะจากด้านล่าง อีกาตัวใหญ่เบี่ยงตัวหลบมองเห็นเป็นปราณดาบสีแดงพุ่งเข้าปะทะหลายสิบเล่ม
“โธ่เว้ย เราถูกทหารจากแคว้นจ้าวพบเจอแล้ว เอาละพวกท่านรบกวนจับให้แน่น”
ไช่กวนแตะไปที่ด้านหลังของอีกามันก็พุ่งทะยานหลบหลีกปราณดาบอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเนี่ยฟงหันไปมองด้านหลังก็พบว่ามีสัตว์อสูรประเภทนกหลายตัวพร้อมกับคนนั่งด้านหลังติดตามมา รอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าไม่นานก็เอ่ยวาจาออกมา
“พี่ชายไช่กวน รบกวนบินขึ้นไปสูงกว่านี้ได้หรือไม่ขอรับ”
“ได้ขอรับ”
สิ้นเสียงตอบรับอีกาตัวใหญ่ก็พุ่งทะยานขึ้นไปสูงกว่าเดิม เนี่ยฟงหันไปมองอีกครั้งก็พบว่าคนพวกนั้นยังติดตามมาอยู่ เสียงสะบัดมือดังแว่วแผ่นหินแปดแผ่นก็ปรากฏที่มือขวา เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่แผ่นหินทันทีที่อีกาตัวใหญ่พุ่งทะลุก้อนเมฆขึ้นมาก็ซัดแผ่นหินออกไป ไม่ถึงสองลมหายใจก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังแว่วขึ้นมา ไช่กวนบังคับอีกาตัวใหญ่มุดก้อนเมฆลงไปด้านล่าง ก็พบเห็นเถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกมาจากแผ่นหินเข้ารัดตัวสัตว์อสูรพร้อมกับคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ฉุดกระชากร่วงลงไปกระแทกพื้นดินด้านล่าง
ทันใดนั้นเองเนี่ยฟงสะบัดมืออีกครั้งและลุกขึ้นถีบเท้าพุ่งทะยานลงไปด้านล่างพร้อมกับกระบี่และเกราะสายฟ้านับสิบหมุนวนรอบกาย ทั้งสามได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่เป็นไช่กวนที่บังคับอีกาตัวใหญ่ติดตามลงไปด้านล่างก็พบเห็น เนี่ยฟงใช้กระบี่บินสังหารคนพวกนั้นจนหมดพร้อมกับกำลังปลดแหวนออกจากมือซากศพ เขาหันไปยิ้มให้แก่คนทั้งสามพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“พอดีข้าต้องหาเงินทุนสำหรับหาซื้อสมุนไพรและใช้จ่ายที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าที่นี่ใช้จ่ายกันอย่างไร”
ทั้งสามเมื่อได้ยินเช่นนั้นถึงกับนิ่งเงียบไม่กล่าวสิ่งใดจนกระทั่งเนี่ยฟงพุ่งทะยานขึ้นมานั่งบนหลังอีกา เป็นชุนหวูที่เอ่ยวาจาออกมา
“คุณชายความจริงไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้ขอรับ พวกข้าพอมีเงินติดตัวอยู่พอสมควร หากท่านตาของท่านทราบเรื่องพวกข้าจะถูกลงโทษ”
“ไม่เอาน่าพี่ชายชุนหวู หากท่านตาจะเอาผิดพวกท่านข้าจะเป็นคนกล่าววาจาแทนก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็ตรวจสอบแหวนนับสิบวงในมือทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วนำแผ่นกระดาษออกมา
“เกิดส่งใดขึ้นขอรับคุณชาย”
เนี่ยฟงยื่นแผ่นกระดาษให้แก่ชุนหวู เมื่อชุนหวูเปิดอ่านก็ตื่นตกใจไม่น้อย จนหม่าจวินและไช่กวนเองก็สงสัยเช่นกัน
“เกิดสิ่งใดขึ้นชุนหวู”
“แคว้นโจวล่มสลายแล้วขอรับพี่ใหญ่อ๋องโจวถูกนายท่านสังหาร ส่วนแคว้นอื่นๆกำลังทำสงคราม กันเพื่อแย่งอาณาเขตแคว้นโจวเดิม”
“เป็นไปตามคาด เสียดายยิ่งนักที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับสงครามครั้งนั้น”
“หากเป็นเช่นนั้นเราคงต้องเดินทางอ้อมไปอีกทาง กว่าจะถึงแคว้นหลี่คงใช้เวลาหลายวัน”
ทันทีที่ทะลุออกจากป่าก็พบเห็นเมืองขนาดใหญ่ด้านหน้า อีกาตัวใหญ่รีบพุ่งทะยานลงสู่พื้นหลังจากนั้นเป็นไช่กวนที่รับหน้าที่ก่อกองไฟสำหรับให้เแสงสว่าง แน่นอนว่าเนี่ยฟงเองก็สงสัยเช่นกันว่าเหตุใดถึงไม่เข้าเมืองตอนกลางคืน
“ว่าแต่เหตุใดพวกท่านถึงไม่เข้าไปในเมือง”
“ช่วงนี้อยู่ในภาวะสงคราม ทางที่ดีหลีกเลี่ยงการเข้าเมืองตอนกลางคืนดีกว่าขอรับ”
ทันใดนั้นชุนหวูก็หันไปจ้องมองพุ่มไม้ด้านซ้ายมือ ไช่กวนสะบัดมือขวานำกระบี่ออกมาถือไม่ถึงสองลมหายใจก็เห็นเป็นหมูป่าสองตัวเดินออกมาทั้งสามถอนหายใจแต่ทว่าว่าเนี่ยฟงกับสะบัดมือขวานำแผ่นหินออกมาถือเอาไว้อีกสี่แผ่นพร้อมกับเร่งโคจรลมปราณอย่างเต็มกำลัง พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“พวกท่านทั้งสี่ติดตามพวกข้ามาตั้งแต่เมื่อไร”
ไร้ซึ่งเสียงกล่าวตอบรับแน่นอนว่าเนี่ยฟงก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน แผ่นหินทั้งสี่ถูกซัดออกไปอย่างรวดเร็วมันพุ่งทะลุพุ่มไม้ออกไปไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังแว่วออกมา เนี่ยฟงสะบัดมือขวากำชับดาบหักสีดำในมือพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปในพุ่มไม้ แน่นอนว่าหม่าจวิน ชุนหวูและไช่กวนรีบเดินติดตามหลังไปประดุจเงาตามตัว เมื่อเดินผ่านพุ่มไม้ออกมาก็พบชายฉกรรจ์สี่คนถูกเถาวัลย์สีฟ้ารัดรอบตัวเอาไว้ ทั้งสี่สวมชุดสีดำพร้อมกับมีผ้าดำปกปิดใบหน้า เนี่ยฟงรีบพุ่งเข้าประชิดพร้อมกับใช้มือซ้ายจี้สกัดจุดเคลื่อนไหวของทั้งสี่เอาไว้ หลังจากนั้นก็ค่อยๆกระชากผ้าดำที่ปกปิดใบหน้าของที่สี่ออกมา ไช่กวนถึงกับสบถวาจาออกมา
“กลุ่มโจรสี่พยัคฆ์ไม่คิดว่าจะเจอตัวพวกเจ้าที่่นี่”
“พี่ชายไช่กวนรู้จักคนทั้งสี่หรือขอรับ”
“แน่นอนขอรับคนบัดซบทั้งสี่คนทั่วทั้งแผ่นดินยอมรู้จักพวกมันแน่ กลุ่มโจรที่ฉวยโอกาสในช่วงสงครามไม่ว่าจะปล้นฆ่าข่มขืนหญิงสาว เรื่องชั่วช้าคนพวกนี้ชำนาญยิ่งนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยฟงก็ขมวดคิ้วหลังจากนั้นก็สะบัดมือขวานำขวดยาสีขาวนวลออกมา ไม่นานคนผู้หนึ่งก็ถูกจับป้อนเม็ดยา ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาสอบถามคนผู้นั้น ทั้งสามคนล้วนแล้วตื่นตกใจหลังจากสอบสวนเสร็จสิ้นเป็นเนี่ยฟงเองที่สังหารคนทั้งสี่พร้อมกับปลดแหวนในมือออกมา
“เม็ดยาของคุณชายร้ายกาจยิ่งนัก”
เนี่ยฟงหันไปมองไช่กวนพร้อมกับโยนขวดยาในมือให้
“พี่ชายไช่กวนท่านนำไปใช้เถอะอาจมีประโยชน์ต่อพวกท่านก็เป็นได้”
หลังจากนั้นทั้งสี่ก็นั่งรอเวลาเพื่อเข้าเมืองในตอนเช้า เกือบสองชั่วยามแสงอรุณก็เริ่มทอแสงลงมาสาดส่องพื้นดิน เสียงนกร้องขับขานในตอนเช้าไพเราะยิ่งต่างจากดินแดนรอบนอกที่เนี่ยฟงอยู่มากนัก หลังจากนั้นไม่นานทั้งสี่ก็เตรียมตัวเข้าไปในเมือง เมื่อมาถึงด้านหน้าประตูเมืองก็พบเห็นชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่กำลังต่อแถวเข้าเมือง แน่นอนว่าทั้งสี่ก็เดินเข้าไปต่อแถวเช่นกัน เนี่ยฟงจ้องมองกำแพงเมืองที่สูงใหญ่ทำจากดินที่ปั้นเป็นก้อนขนาดเท่ากันวางทับซ้อนกันจนเป็นกำแพงและประตูเมืองขนาดใหญ่ ด้านบนมีป้ายหินแกะสลักด้วยอักษรสีแดงสลักคำว่า เมืองจงผิงหยาง