ตอนที่ 194 ถึงเวลาเปิดใจ
“เป็นยังไงบ้าง”
บุหรงตะกุยกองหินเพื่อเปิดทางออกมาหาเหนือภพ ความจริงแล้วสภาพของเธอก็ดูย่ำแย่พอกัน
เหนือภพยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไร เขาแค่ต้องการเวลาสักพัก เขาไม่อยากนึกเลยว่าหากเขารู้สึกเจ็บตามปกติ มันจะทรมานขนาดไหน
เมื่อบุหรงเห็นว่าเหนือภพไม่เป็นอะไร นางก็เอาอีเตอร์ของเหนือภพไปขุดถ้ำที่ถล่มลงไป เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง และเป้าหมายการขุดก็ไม่ใช่หาทางออก แต่ขุดเพื่อหากุญแจทั้งสามดอกที่น่าจะอยู่ที่ศพของค้างคาวจักรพรรดิ บุหรงรู้สึกชอบมากที่ถ้ำถล่ม เพราะจะได้ไม่มีใครหรือตัวอะไรเข้ามารบกวนพวกเขาอีก บุหรงออกแรงอย่างหนักจนมือไม้ถลอก
“ไม่ไหวก็อย่าฝืน”
เหนือภพดึงมือของบุหรงมาดู แม้นางจะไม่ได้มีมือสวยอะไรมากมาย มือทั้งสองข้างนั้นทำงานตีเหล็กเป็นประจำจึงค่อนข้างด้าน แต่นางก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี เหนือภพโรยยาให้ก่อนจะพันด้วยผ้าพันแผลที่เขาพกติดตัวเสมอ
การกระทำดังกล่าวถูกจับจ้องโดยดวงตากลมโตของหญิงสาว พอรู้ตัวว่าตัวเองทำเรื่องไม่ควร บุหรงก็รีบเบือนหน้าหนี พลางชักมือที่ทำแผลเสร็จแล้วออก
เหนือภพถอนหายใจ แล้วก็เดินไปหยิบอีเตอร์ขึ้นมา
“เจ้าไปนั่งพัก เรื่องใช้แรงให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
ความรู้สึกในการได้ขุดแร่นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเหนือภพ เขาเลือกที่จะขุดมัน มากกว่าจะยืนมองผู้อื่นขุด ไม่ใช่ว่าเขาเป็นลูกผู้ชายแล้วเสียสละให้ผู้หญิงหรอก เขาแค่รู้สึกหงุดหงิดสายตานิดหน่อย เมื่อเห็นคนขุดไม่เป็น ทั้งยังทำตัวเองเจ็บตัว
ขณะที่เหนือภพเริ่มลงมือขุดอย่างต่อเนื่องนั้น บุหรงก็เล่าเรื่องหนึ่งขึ้นมา
“เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ข้าขึ้นปีสามใหม่ ๆ ข้าได้รับรุ่นน้องพันธะมาคนหนึ่ง”
เหนือภพฟังเงียบ ๆ ขณะเหวี่ยงอีเตอร์เจาะลงไปเป็นจังหวะ
“เขานั้นมีนิสัยคล้ายเจ้า เป็นคนที่ไม่น่าจะถูกเลือกมาอยู่บ้านบุษราคัมได้”
เหนือภพขมวคคิ้วน้อย ๆ พลางถามอย่างสงสัย แต่เขาก็ยังไม่หยุดมือ
“ข้าเนี่ยนะไม่เหมาะกับบ้านนั้น”
บุหรงพยักหน้า
“ไม่ใช่แค่เจ้าหรอก ข้าเองก็ไม่เหมาะเหมือนกัน เจ้ารู้ไหมว่าบ้านแต่หลังนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว ที่วิหคหยั่งรู้จะเป็นผู้เลือกจากลายมือที่แต่ละคนเขียน วิหคหยั่งรู้จะเลือกบุคลิกและอุปนิสัยโดยรวมว่านักศึกษาคนนั้นควรจะอยู่บ้านหลังไหน ในตอนนั้นข้ารู้สึกหงุดหงิดที่วิหคหยั่งรู้ไม่มาหาข้าสักที ข้าก็เลยไปแย่งวิหคจากผู้อื่นมา”
“ห่ะ !! จริงดิ ข้าก็เหมือนกัน”
เหนือภพเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา ทั้งสองหัวเราะเสียงดัง ไม่คิดว่าพวกเขาจะเหมือนกันเพียงนี้ ไม่แปลกที่พวกเขาทั้งสองจะเข้ากันได้
“ข้าว่าแล้วด้วยนิสัยโฉดชั่วและบ้าบิ่นอย่างเจ้า เจ้าควรจะได้อยู่บ้านนิลกาฬ ข้านึกสงสารจริง ๆ ว่าคนที่เจ้าไปแย่งตำแหน่งบ้านมา ตอนนี้เขาคนนั้นจะเป็นยังไง”
เหนือภพพลันนึกถึงวันแรกที่ได้เลือกบ้าน หากเขาจำไม่ผิดนกกระดาษที่เขาแย่งมานั้นน่าจะเป็นของคนด้านหลังของเขา
“ทำไม มันจะเป็นปัญหาอะไรหรือเปล่า”
เหนือภพถาม ทั้ง ๆ ที่ยังขุดต่อไม่หยุด
“ปัญหาเกี่ยวกับวิทยาลัยน่ะไม่มีหรอก แต่คนคนนั้นอาจจะมาหาเรื่องเจ้าได้ทุกเมื่อ เพราะการที่เจ้าแย่งตำแหน่งของเขามา ก็เท่ากับเจ้าสลับที่กับคนผู้นั้น คนผู้นั้นที่ควรจะมาอยู่บ้านบุษราคัมที่มีแต่ความรัก ความอ่อนโยน และมิตรภาพ กลับต้องไปอยู่บ้านนิลกาฬที่เต็มไปด้วยความบ้าบิ่นและกล้าหาญ ทั้งยังดิบเถื่อน เขาต้องไปอยู่แทนเจ้า เจ้าคิดว่าคนผู้นั้นจะรู้สึกอย่างไร”
บุหรงพูดขึ้นจากประสบการณ์ เพราะนางก็เคยทำแบบนั้นมาก่อน เหนือภพมองบุหรงกระดกเหล้าขึ้นดื่ม
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนที่สลับที่กับเจ้าล่ะ”
“สุดท้ายนะเหรอ”
บุหรงเว้นระยะพูด แล้วก็ถอนหายใจ
“ผู้หญิงคนนั้นน่ะต้องลาออกจากวิทยาลัยภายในไม่นาน ทั้ง ๆ ที่นางเป็นคนมีฝีมือ แต่เป็นเพราะนางไม่อาจเข้ากับผู้อื่น และไม่อาจทนสภาพแวดล้อมที่ป่าเถื่อนได้ มันกลายเป็นหนึ่งความรู้สึกผิดที่ค้างอยู่ในใจของข้า”
“ไม่รู้ ก็ไม่ผิด”
เหนือภพเอ่ยอย่างเฉยชา ขณะขุดเกือบถึงตัวจักรพรรดิค้างคาวตัวแรก
“จะพูดแบบนั้นมันก็ใช่ ข้าน่ะยังโชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ปล่อยข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับข้า ทำให้ข้าเป็นตัวน่ารังเกียจ แต่ไม่เป็นไร ข้านั้นยังไงก็ได้ ถ้าหากนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนผู้นั้นลดโทสะลง แต่สำหรับรุ่นน้องพันธะของข้าคนนั้น เขาโชคร้ายนะ อนาคตยาวไกล แต่ต้องมาถูกฆ่าตายเสียก่อน”
บุหรงกระดกเหล้าขึ้นดื่ม ในดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“ข้าหวังว่าตัวเจ้าจะไม่ต้องมีชะตาเหมือนอย่างพวกข้าสองคน หากเป็นไปได้ เจ้าก็ไปปรับความเข้าใจกับคนผู้นั้นซะ ถึงบ้านนิลกาฬจะขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านแห่งความกล้าหาญ แต่มักหล่อหลอมคนให้กลายเป็นคนกล้าบ้าบิ่น ต่อให้คนมีจิตใจอ่อนโยนยังไง นานวันเข้าคนคนนั้นก็จะซึมซับความบ้า จนทำเรื่องเหนือความคาดหมายได้ทั้งนั้น”
บุหรงพ่นลมหายใจออกมา พลางจ้องมองเหนือภพด้วยแววตาที่ซับซ้อน ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง เหนือภพหันมามองใบหน้าขาวสวยที่เต็มไปด้วยความอัดอั้นใจเพียงชั่วครู่ แล้วก็กลับไปขุดต่อโดยไม่พูดอะไร
ใช้เวลาราวสี่ชั่วโมง เหนือภพจึงจะเจอกุญแจหนึ่งดอก ใต้ซากของค้างคาวจักรพรรดิตัวแรกที่ไหม้จนเนื้อสุก แต่น่าแปลกที่ผิวหนังของมันกลับไม่เป็นอะไร มันช่างทนความร้อนอย่างที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ปีกของมันยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเกล็ดพญานาค แม้ผิวหนังด้านในจะเหนียวเท่าเทียมกับเกล็ดพญานาค แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าความพยายามของเหนือภพ เขาทำการถลกหนังค้างคาวออก หักปีกมันทั้งสองข้าง เฉือนตัดเนื้อที่สุกเพื่อมาแปรรูปเป็นเนื้อรมควันอีกที โดยมีบุหรงคอยช่วย
เหนือภพใช้เวลาอีกราวหนึ่งชั่วโมงก็พบกับซากจักรพรรดิค้างคาวตัวที่สอง เขาพบกุญแจตกอยู่ข้างลำตัวมัน ชายหนุ่มทำแบบเดิม ถลกหนัง หักปีก แล่เนื้อมาแปรรูปถนอมอาหาร
หลายชั่วโมงต่อมา เขากลับไม่พบจักรพรรดิค้างคาตัวที่สาม ทั้ง ๆ ที่มันน่าจะตายอยู่ใกล้กัน ๆ เขาพบเพียงหอกเขี้ยวขาวที่ปลายหักบิ่นเสียหาย เหนือภพจึงลองเปิดเนตรส่องทรัพย์ดูลักษณะของกุญแจทั้งสองดอก แล้วก็พบว่ามันถูกสร้างจากแร่เก้าสีไม่มีผิด เขาสังเกตเห็นจุดแสงเก้าสีบนกุญแจสีทอง เหนือภพกวาดตามองไปรอบ ๆ จนกระทั่งพบจุดสีเก้าจุดที่ห่างออกไปประมาณห้าร้อยเมตรจากจุดที่เขายืนอยู่ ดูเหมือนแรงระเบิดจะซัดร่างของจักรพรรดิค้างคาวตัวสุดท้ายไปที่นั่น
ระยะห้าร้อยเมตรหากเดินไปมันก็ไม่นับว่าไกล แต่ถ้าจะขุดทะลุไปกลับใช้เวลาเนิ่นนานหลายชั่วโมง เมื่อเจาะไปถึงเหนือภพก็พบเพียงแค่กุญแจที่ถูกทับอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ไม่มีวี่แววของค้างคาวจักรพรรดิตัวที่สาม น่าเสียดายวัตถุดิบบนร่างมันเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ ส่วนค้างคาวตัวลูกนับร้อยของมัน เหนือภพก็ไม่เห็นเช่นกัน มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันจะถูกเปลวเพลิงเผาไหม้แหลกสลายไปแล้ว
ณ บ้านเรือนทางตะวันออกของเมืองปัญหา
“กรี๊ดดด !”
เสียงร้องคำรามของจักรพรรดิค้างคาวคร่ำครวญ และบรรดาลูกสมุนอีกนับร้อย พวกมันกรีดร้องแล้วก็เข้าโจมตีหมู่บ้าน ทำให้เสียงกรีดร้องจากทั้งคนและสัตว์อสูรดังระงมจนแยกไม่ออกว่าเป็นใครเป็นเสียงใคร เหล่าฮันเตอร์ที่เดินทางผ่านแถวนั้นได้ยินเสียง ต่างหวังเข้าไปช่วย ก่อนจะพบว่านั่นเป็นเสียงของสัตว์อสูรโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน มันก็สายไปแล้ว พวกเขาถูกสูบเลือดจนร่างกายเหือดแห้ง
หลังจากได้กุญแจมาครบทั้งสามดอก เหนือภพกับบุหรงก็นำกุญแจทั้งหมดเสียบเข้าไปในประตูทองคำ ทว่าความน่ากลัวของเหล่าจักรพรรดิค้างคาวยังฝังลึกในจิตใจของพวกเขา แม้เหนือภพจะกำจัดพวกมันได้แล้ว แต่ก็แลกกับผลสะท้อนกลับที่รุนแรง ทำให้ไม่อาจใช้ยันต์คมได้อีกในเร็ว ๆ นี้ หากไม่เป็นเพราะพวกมันติดอยู่ในโพรงถ้ำคับแคบนั้น บางทีโอกาสเขาคงจะล่าสังหารมันไม่ง่ายนัก หากพบเจอตัวแบบนั้นอีกครั้ง คงมีแต่ต้องหนีอย่างเดียว
“เปิดเลยนะ” เหนือภพถามเพื่อความแน่ใจ
“อืม” บุหรงพยักหน้า แต่ขณะที่เหนือภพจะบิดกุญแจนั้น หญิงสาวก็เอามือเย็นเฉียบมากุมมือเหนือภพเอาไว้แน่น คล้ายกับว่าทำใจไม่ได้
“เดี๋ยวก่อน ถ้าเจออะไรแปลก ๆ รีบปิดทันทีรู้ไหม”
เหนือภพพยักหน้า
เพราะความโลภทำให้เขาและเธอต้องมาเผชิญกับความอันตรายเช่นนี้ ทั้งสองจึงคาดหวังเป็นอย่างมากว่าเบื้องหลังประตูทองคำนี้จะเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ ที่จะทำให้พวกเขารู้สึกคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป
ตึก ! กึก กึก กึก...กึก
เสียงกลไกขับเคลื่อนต่อเนื่อง ในขณะที่กุญแจทั้งสามดอกได้ทำหน้าที่ของมัน ทั้งเหนือภพและบุหรงพากันเขยิบออกห่างจากประตูทองคำไปนับร้อยเมตร เพื่อความปลอดภัย
ปึง !! ประตูโลหะเปิดออกโดยแบ่งกลาง คล้ายประตูสองบานพับ มันหักเข้าไปด้านในพร้อมกับฝุ่นควันฟุ้งตลบอบอวล เผยให้เห็นความมืดมิดด้านใน
สองหนุ่มสาวสูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อผ่อนคลายหัวใจที่เต้นรัวดังกลองรบ ปลายนิ้วเย็นเฉียบ ต้นขาเกร็งแน่นพร้อมวิ่ง
ทันใดนั้นเอง
พรึ่บ ! พรึ่บ ! พรึ่บ ! พรึ่บ !
เสียงคบเพลิงภายในถูกจุดขึ้นด้วยกลไกบางอย่าง พื้นที่ที่เคยมืดมิดกลับสว่างไสว
เหนือภพหันมองบุหรง พร้อมทำสัญลักษณ์ให้บุหรงเข้าไปก่อน บุหรงส่ายหน้าเร็ว จนริมฝีปากอวบสั่นไปมา หัวเด็ดตีนขาดเธอก็ไม่เข้าไปก่อน เหนือภพจนใจหันหลังไปคว้าก้อนหินขนาดสองมืออุ้มมาก้อนหนึ่ง ก่อนจะเหวี่ยงมันออกไปสุดแขน ก้อนหินพุ่งผ่านประตูเข้าไป เสียงตบกระทบดังก๊อกแก๊ก ทั้งสองพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จึงตัดสินใจพากันเดินเข้าไป ในขณะที่ทั้งคู่เดินใกล้จะถึงประตูนั้นก็พลันมีเสียงบางอย่าง
สวบ สวบ สวบ เคล้ง เคล้ง
ไม่รู้ว่าลูกธนูเหล็กโผล่มาจากไหนมากมาย พวกมันพุ่งลงไปที่ก้อนหินรัวเร็วจนเกิดสะเก็ดไฟบนพื้น การฆาตกรรมก้อนหินเกิดขึ้นยาวนานถึงห้านาที ก่อนที่มันจะหยุดลง ทั้งเหนือภพและบุหรงขนลุกซู่ โดยเฉพาะบุหรงที่หันไปมองเหนือภพตาขวาง หากเมื่อกี้เธอกล้าหาญอีกนิด บางทีเธอนี่แหละที่จะกลายเป็นศพ
พวกเขาไม่คิดว่าคนวางกลไกจะคิดรอบคอบเพียงนี้ คงจะรู้ว่าคนที่ตั้งใจเข้ามาที่นี่ ย่อมไม่กล้าที่จะเข้าไปทันที ดังนั้นพวกเขาจึงได้ทำกลไกหน่วงเวลาประมาณสามสิบวินาทีเอาไว้ มันเพียงพอจะให้คนที่รออยู่ด้านหน้าประตูตัดสินใจเดินเข้าไป เมื่อไม่ทันระวังก็จะถูกกลไกซุ่มยิง
ทั้งสองต่างมองสบตากัน ภาพเบื้องหน้าทำให้ความกล้าลดลงจนเกือบติดลบ บุหรงเตะก้อนหินเข้าไปข้างในอีกหนึ่งก้อน ส่วนเหนือภพก็โยนหินเข้าไปอีกหลายก้อน พวกเขาทำแบบนี้แล้วก็ยืนรอที่เดิมไม่ต่ำกว่าสามสิบนาที ถึงกล้าที่จะเดินเข้าไปด้านใน