Ep.455 - ใครขวางทางฉันจะฆ่ามัน
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.455 - ใครขวางทางฉันจะฆ่ามัน
เสียงหัวเราะของฉินเฟิง ทำให้คนอื่นๆตระหนักถึงการมาเยือนของเขา
“มิสเตอร์ฉิน ไอ้ท่าทีอวดดีแบบนั้นมันอะไรกัน!” เลเวล C คนหนึ่งกล่าวด้วยท่าทีแหยงๆ อันที่จริงเขาชักฝีเท้ากลับไปก้าวหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่คิดจากไป
ฉินเฟิงเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างไป๋หลี โอบเอวเธอ และมองเลเวล C เหล่านั้นด้วยความเย็นชา
“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”
ฉินเฟิงไม่คิดเจตนาสุภาพใดๆ
เพราะคนเหล่านี้มาเพื่อซื้อแก่นจักรพรรดิของเต่าหมื่นปี แต่ต่อให้อยากซื้อแค่ไหนคงทำไม่ได้แล้ว และถึงฉินเฟิงมีติดมือ ยังมิได้ดูดกลืนมัน เขาก็ไม่มีความคิดจะขายอยู่ดี
ใบหน้าของเลเวล C ทั้ง 5 แปรเปลี่ยนไปพร้อมกัน พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะไร้ไมตรีขนาดนี้
“ยังมัวรออะไรอีก? อย่าบอกนะว่าต้องถึงขั้นให้ผมลงมือตะเพิด?” ฉินเฟิงแสยะยิ้ม พลังสมาธิพลันปะทุโหม ทะยานขึ้นสู่จุดที่น่าหวาดกลัว โถมกดดันเลเวล C
นี่คือเจตจำนงระดับจักรพรรดิสัตว์ร้าย
สีหน้าของเหล่าเลเวล C ซีดลงเล็กน้อย
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดปล่อยโอกาสนี้ไป และตั้งใจจะเอ่ยปากเพิ่มเติม
แต่ในตอนนั้นเอง จิ่นเฟยเปิดประตูผัวะ เข้ามาอีกครั้ง
“ลูกพี่ แขกจากคฤหาสน์เจ้าเมืองมาหา” ฉินเฟิงกล่าวด้วยความแตกตื่น
จากนัั้น ชายในชุดคลุมดำที่ปลดปล่อยกลิ่นอายเลเวล C ก็เดินเข้ามา
เลเวล C คนอื่นๆเมื่อเห็นชุดคลุมดำ พลันตะลึงงันไปเล็กน้อย
สายตาของชายในชุดคลุมดำกวาดมองเหล่าเลเวล C แม้สายตานี้จะถูกบดบังผ่านชุดคลุม แต่บรรดาเลเวล C ที่มาเยือนก็ยังพอคาดเดาความหมายของมันได้
ชายชุดคลุมดำกล่าวเสียงจม “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับมิสเตอร์ฉิน ทุกคนหากมีธุระ โปรดกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้”
เมืองหวังกล่าวได้ว่าแทบจะถูกควบคุมโดยคฤหาสน์เจ้าเมือง ดังนั้นถึงแม้คนเหล่านี้จะตระหนักดีว่าชายในชุดคลุมดำมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คิดตัดแบ่งชิ้นเนื้อเป็นของตนเอง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
เพียงเกิดความคิดว่า เจ้าฉินเฟิงมันคงไม่กล้าทำตัวหยิ่งผยองอีกแล้วคราวนี้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็มองไปทางฉินเฟิง อดมีความสุขในความทุกข์ของคนอื่นไม่ได้
“ในเมื่อคนจากคฤหาสน์เจ้าเมืองแวะมาเยือน ถ้างั้นพวกเราขอตัว”
“พวกเราจะมาอีกในวันพรุ่ง เรื่องของท่านเจ้าเมืองไม่อาจล่าช้า”
ทุกอย่างลื่นไหล ราวกับเคยประจบประแจงจนเป็นนิสัย ทั้งหมดแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน ในห้องนั่งเล่น เหลือผู้มาเยือนเพียงคนเดียว
ชายในชุดคลุมดำเบนสายตามองฉินเฟิง และกล่าว “มอบแก่นจักรพรรดิเต่าหมื่นปีทั้งหมดมาซะ”
สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉย ไร้อารมณ์ ปากเอ่ยเสียงเย็น “คุณหมายถึงอะไร?”
ชายชุดคลุมดำไม่คาดคิดว่าฉินเฟิงจะแสร้งไม่รู้เรื่องแบบนี้ เอ่ยเสียงหยัน “ฉินเฟิง อย่าคิดว่ามีศักยภาพระดับสวรรค์โปรดปราณ , คงกระพันในระดับเลเวลเดียวกัน และสามารถท้าทายเลเวลที่สูงกว่าหนึ่งระดับ จะทำตัวเย่อหยิ่งเกินหน้าเกินตาได้ ทางเมืองหวังให้ที่พักพิงแก่คุณด้วยเจตนาดี คุณสมควรรู้สึกซาบซึ้ง!”
“คุณอยู่ในเมืองหวังมานาน เดิมพันครั้งแรกก็ได้รับเงินไปตั้งมากมาย แต่ท่านเจ้าเมืองกลับไม่คิดเข้ามาวุ่นวายกับคุณ นั่นถือเป็นความเมตตามากแล้ว”
“หากยังมีสมอง รู้ถึงข้อจำกัดของตนเอง ก็รีบนำแก่นจักรพรรดิทั้งหมดออกมาซะ บรรณาการแก่ท่านเจ้าเมือง แล้วหลังจากนี้ คุณสามารถอาศัยอยู่ในเมืองหวังได้ต่อไป ตรงกันข้าม หากคุณทำให้ท่านเจ้าเมืองรู้สึกรำคาญ คงตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
ชายชุดคลุมดำกล่าวเช่นนี้ ชัดเจนว่ากำลังข่มขู่คุกคาม
ฉินเฟิงประชดแดกดันสวนกลับ “นั่นคือเรื่องตลกที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาเลย เมืองหวังมอบที่พักพิงด้วยเจตนาดีงั้นหรอ? เมืองหวังทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“สมควรซาบซึ้งนั่นอีก เมืองหวังมีกฏบ้าๆแบบนั้นตั้งแต่เมืองไหร่?”
“ผมจะนำแก่นจักรพรรดิไปใช้ส่วนตัว หรืออาศัยอยู่ต่อได้หรือไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องมากังวล!”
น้ำเสียงของฉินเฟิงเย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบมิได้
กฏของเมืองหวังและเมืองของพันธมิตรมนุษย์น่ะแตกต่างกัน
เป็นที่เล่าลือกันอยู่แล้ว ว่าเมื่อใดผู้อ่อนแอได้รับสมบัติ ก็มักจะถูกสอดแนมอยู่เสมอ และสิ่งของดีๆก็จะตกเป็นของตัวตนทรงพลังทั้งหมด
และตัวฉินเฟิงในตอนนี้ กำลังถูกปฏิบัติในฐานะคนอ่อนแอ
แต่อีกฝ่ายช่างโชคร้าย ที่คนอ่อนแอผู้นี้คิดขัดขืน ยิ่งไปกว่านั้นยังครอบครองอำนาจมากพอที่จะทำมัน เวลานี้ฉินเฟิงตั้งตรง ยืนหยัดดั่งแผ่นเหล็กกล้า ต่อให้ขู่บังคับอย่างไรมิอาจยอมงอ!
เสียงของฉินเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง แฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายเย็นเยือก
“เพราะ คุณจะไม่มีทางได้กลับไป!”
สิ้นเสียง ฉินเฟิงก้าวสะอึกออกไปทันใด ฟาดฝ่ามือเข้าหาชายชุดคลุมดำ
ชายชุดคลุมดำไม่คาดคิดเลยโดยสิ้นเชิง ว่าฉินเฟิงจะลอบโจมตีในฉับพลัน ความโกรธพุ่งทะยานกลายเป็นเดือดดาล!
ตัวเขาน่ะแข็งแกร่ง นั่นคือเหตุผลที่เขาได้กลายเป็นตัวแทนของเจ้าเมืองหวัง แต่ฉินเฟิงกลับกล้าลอบโจมตีเขาอย่างกะทันหัน
ทั่วบริเวณเอ่อล้นไปด้วยกำลังภายใน ชายชุดดำฟาดฝ่ามือสวนในทำนองเดียวกัน
ปัง!
สองกำลังภายในประสานกัน ในพริบตา โต๊ะน้ำชา , โซฟา , เฟอร์นิเจอร์ต่างๆพลันแหลกเป็นผง จิ่นเฟยปลิวกระเด็นกลับหัวกลับหาง ถูกกวาดกระเด็นโดยพลังงานอันน่าสะพรึงกลัว
ฝ่ามือนี้ ผลปรากฏว่าเสมอกัน!
แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆตามตัวของชายชุดคลุมดำก็ผุดไปด้วยแสงสีเงิน
ไป๋หลีเรียกแส้มิติออกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาศัยจังหวะชะงักงันสะบัดแส้เหวี่ยงเข้าใส่ร่างของชายชุดคลุมดำอย่างรุนแรง
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
โล่ปราณกำลังภายในแหลกสลายลงทันใด รอยแยกอันน่าพรั่นพรึงผุดขึ้นรอบตัวชายชุดคลุมดำ
ชายชุดคลุมดำดีดตัวถอยอย่างรวดเร็ว
ปุ ปุ ปุ ปุฟฟฟฟ
รอยแยกผุดขึ้นทั่วห้องนั่งเล่น จนชายในชุดคลุมดำมิอาจเคลื่อนไหว เมื่อไร้หนทาง เจ้าตัวตัดสินใจกัดฟันลองเสี่ยงดู ทว่าราวกับวิ่งเข้าหาปากกระบอกปืน เพียงก้าวเท้า รอยแยกมิติกว่า 5 รอยก็ตัดเฉือนลงบนหน้าท้องของเขาทันที
ชายในชุดคลุมดำเปื้อนไปด้วยเลือด ชุดของเขายิ่งมายิ่งรุ่งริ่ง
ฉินเฟิงวาดมืออีกครั้ง เส้นแสงสีดำโถมเข้าปกคลุมชายในชุดคลุมดำเอาไว้ทันที
นี่คือลำแสงแห่งความมืด
ภายใต้การปกคลุมโดยรูนมืดอันทรงพลัง กลิ่นอายของชายในชุดคลุมดำเริ่มอ่อนแอลง
ปัจจุบันไม่ต้องกล่าวถึงเลเวล C ความแข็งแกร่งที่เจ้าตัวสามารถสำแดงออกมาได้ ลดหลั่นลงมาอยู่ในระดับ D เท่านั้น
ชายในชุดคลุมดำพบว่าชิบหาย ท่าไม่ดีแล้ว ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคลุม ในที่สุดก็เปลี่ยนไป
“ฉินเฟิง แกกล้า!?”
ปากเปล่งคำขู่คุกคาม แต่ร่างกายกลับอาศัยช่องว่างจากจังหวะชุลมุน ดีดตัวผ่านรอยแยกมิติ วิ่งหนีออกไปทางประตูทันที
นั่นเพราะชายในชุดคลุมดำรู้ดี ว่าหากเขาไม่หนีตอนนี้ จะต้องตายแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาวิ่งไปถึงประตู ทันใดนั้นวิสัยทัศน์กลับสว่างวาบ และมาปรากฏกายเบื้องหน้าฉินเฟิงอีกครั้ง
--เป็นอบิลิตี้เทเลเพอร์ตของไป๋หลี!
และจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายกลับมา มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิง ได้วาดตัดเป็นแนวโค้งออกไป
ฉัวะ!
หัวของชายชุดคลุมดำลอยกระเด็นสูง ชนเพดานวิลล่า
แม้ที่อธิบายอาจดูเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว นับตั้งแต่ต้นถึงท้ายของการต่อสู้ มันใช้เวลาไม่เกินหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ ทั้งหมดต้องชมฉินเฟิงกับไป๋หลีที่ร่วมมือกันเป็นอย่างดี โจมตีในฉับพลัน จนศัตรูแทบไม่ทันตั้งตัว
ชายชุดคลุมดำจบชีวิตลง
จิ่นเฟยได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต เมื่อคลานกลับเข้ามาอีกที เขาก็พบกับร่างไร้หัวของชายชุดคลุมดำบนพื้นแล้ว
ดวงตาของจิ่นเฟยเบิกกว้าง ฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว
--ขนาดตัวเขาในอนาคต ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จขั้นสูงสุด ก็ยังไม่เคยเกิดความคิด ที่จะโจมตีสังหารคนจากคฤหาสน์เมืองหวังมาก่อนเลย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ศักดิ์ศรีของชายในชุดคลุมดำ มันฝังรากลึกอยู่ในหัวใจของผู้คนเมืองหวัง หากค้นลงไปก็จะเจอแต่ความลึกลับและน่าหวาดกลัว
“ลูกพี่ คุณ … ทำไมคุณถึงฆ่าเขา” จิ่นเฟยเอ่ยเสียงสั่น
สีหน้าของฉินเฟิงยังคงเรียบเฉย
“ทำไมจะฆ่าไม่ได้เล่า?”
“ก็เขา … เขาคือคนของคฤหาสน์เจ้าเมือง ทำแบบนี้ ท่านเจ้าเมือง .. ท่านเจ้าเมืองต้องไม่พอใจแน่”
ฉินเฟิงแสยะยิ้มหยัน “ใครก็ตามที่มันคิดขวางทาง ฉันก็จะฆ่า! ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นเจ้าเมืองก็ตามที โลกใบนี้มันกว้างใหญ่นัก เขาจะแน่ถึงขั้นสามารถปกคลุมผืนฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้อย่างไร?”
จิ่นเฟยชะงักงัน
ฉินเฟิงในตอนนี้ เปี่ยมไปด้วยท่าทีมั่นใจ ขณะที่เขาตรงกันข้าม เจ้าตัวรู้สึกละอายใจนัก
นั่นสินะ แม้จะเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรี แต่สุดท้ายชายในชุดคลุมดำก็ถูกสังหารลงโดยฉินเฟิง ไม่คณามือลูกพี่เขาอยู่ดี
เมื่อถึงจุดนี้ ความหวาดกลัวในใจของจิ่นเฟยก็ค่อยๆสลายไป
“ลูกพี่ ฉันเข้าใจแล้ว ว่าแต่พวกเราจะทำยังไงต่อไปหรือ? ทำลายศพแล้วไม่ทิ้งร่อยรอยเอาไว้ไหม?”
ฉินเฟิงกล่าวสั้นๆ “เปล่า พวกเราจะหนี”
จิ่นเฟยแข็งค้าง ต้องตะลึงงันอีกรอบ
“อะไรนะ?”
“ก็หนีไง นายจะอยู่ให้เลเวล B มาเคาะประตูบ้านพวกเราหรอ!”
จิ่นเฟยอ้าปากตาค้าง ก่อนหน้านี้เขาก็หลงนึกว่าฉินเฟิงจะบู๊ ที่ไหนได้ ฉินเฟิงคิดสังหารแล้วหลบหนีต่างหาก!