ตอนที่ 7: ไก่ขอทาน
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตลอดเวลามานี้ เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์นั้นซ่อนอยู่ในตัวเธอมาโดยตลอดเลย.
แต่มันจะปรากฏออกมาก็ต่อเมื่อเงื่อนไขสมบูรณ์แล้ว.
และเงื่อนไขเหล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณตาและพวกเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับเธอนั่นเอง.
ในเนื้อเรื่องต้นฉบับ จะมีพวกใคร่เด็กที่ไปชอบเสี่ยวฉีเข้าและอยากจะลักพาตัวเธอไป แต่ก็ถูกเด็กคนอื่นๆหยุดยั้งเอาไว้. ด้วยความโมโห พวกเขาจึงฆ่าเด็กขอทานทุกคนและในตอนนั้นชิยูก็ดันไม่อยู่ เธอจึงรอดชีวิตไป. พอเธอกลับมา เธอก็ต้องหวาดผวากับซากศพที่เลือดนองอยู่เต็มพื้น. เธอพยายามหาตัวเสี่ยวฉีแล้วก็ต้องพบว่า ศพของเธอถูกโยนให้สุนัขกิน. (ไอ้เหี้ย อะไรวะเนี่ย อย่างดาร์ค 7ตอนเองนะฮัลโหล่ว)
เจ้าโรคจิตคนนั้นเป็น*ผู้ฝึกวิชาสิ่วเจิ้น* แห่งเมืองชิงฉาน และเป็นคนที่พวกขอทานไม่กล้าไปยุ่งด้วย. และในที่สุดตัวเอกชายก็ช่วยชิยูแก้แค้นสำเร็จ.
ชิยูทำอาหารที่พวกขอทานชอบกินมากที่สุดและเอาอาหารพวกนี้ไปเซ่นไหว้ที่หน้าหลุมศพของพวกเขา. และในตอนนั้นเอง เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ตื่นขึ้น และชิยูก็ได้เดินไปบนหนทางแห่งผู้ฝึกวิชาสิ่วเจิ้นด้านอาหารแล้วก็ได้กลายเป็นเซียนด้านอาหาร.
ชิยูไม่พอใจมาก. บทมันเขียนมาอย่างนี้. ก็แปลว่าพวกเด็กๆขอทานคนอื่นจะต้องตายหรอ?
พอมองทุกคนที่กำลังเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นอย่างสนุกสนานแล้วเธอก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรซักอย่าง.
พวกคนในนิยายมีจริงและเรื่องแบบนั้นก็มีโอกาสจะเป็นจริงด้วย. ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้คือต้องเลี่ยงสถานการณ์นั้นให้ได้.
ปัญหาคือ เธอไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหนนี่สิ…..
สมองเธอกำลังสับสนและกระวนกระวายกับเรื่องพวกนี้ ชิยูเลยตัดสินใจหาของกินเพื่อสงบใจลง.
ตอนนี้ในสวนพอจะมีที่ว่างไว้ปลูกผักอยู่บ้าง. พื้นที่ถึงจะไม่ใหญ่มากแต่ก็น่าจะพอปลูกผักได้. ชิยูขอให้พวกเด็กๆช่วยถอนหญ้าออก. จากนั้นพวกเขาก็จะพากันไปที่เขาเพื่อหาผักที่พอจะขุดมาปลูกในสวนได้.
ตอนที่พวกเขาได้ยินว่าสามารถปลูกผักไว้กินในสวนได้ เด็กๆทุกคนก็พากันตื่นเต้นและมีกำลังใจกันยกใหญ่. เล่าเอ๋อกับเสี่ยววูไปตัดไผ่แล้วเอาให้คุณตาทำเป็นรั้ว. ชิยูก็ใช้จอบขุดดินทำแปลง. ถึงเธอจะไม่เคยเป็นชาวไร่ชาวนามาก่อนแต่มันก็ไม่ได้ทำยากอะไร. หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง แปลงผักก็ดูดีขึ้นมากๆแต่มันก็ยังห่างกับคำว่า พร้อมสำหรับปลูก อยู่โขเลย.
ณ ตอนนี้ คุณตาอยากจะช่วยแต่ชิยูปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา. คุณตาค่อนข้างแก่มากแล้วและการตากลมตากหนาวมาหลายปีก็ทำให้คุณตาอ่อนแอลงมาก. ถ้าคุณตาล้มลงเพราะความเหนื่อย ท่านอาจจะจากไปเลย.
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชิยูก็ตัดสินใจไปขอร้องให้เพื่อนบ้านเธอช่วยเหลือ. โลกนี้อาจจะเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเทพต่างๆและผู้ฝึกวิชาสิ่วเจิ้น แต่คนปกติส่วนใหญ่ก็รู้วิธีทำไร่ทำนาอยู่.
คุณพ่อของเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้วันนั้น มาเคาะประตูตอนบ่ายพร้อมกับหมูย่าง และอาสาจะช่วยเหลือทันทีที่ได้ยินว่าพวกเขาต้องการให้ช่วย. เขาหยิบอุปกรณ์และช่วยจัดแจงแปลงผักจนถึงตอนเย็นเลย.
พอถึงตอนเย็น ดินกับโคลนก็ดูสมบูรณ์แบบและพร้อมจะปลูกผักแล้ว.
“ขอบคุณค่ะ” ชิยูทราบซึ้งมากๆและมอบซาลาเปาถุงใหญ่ให้เขาไป.
ปัญหาเรื่องสวนผักก็หมดไป.
กองไฟที่ใช้ย่างไส้หมูตอนบ่ายก็ยังเหลืออยู่ตรงนั้น. ชิยูเลยขอให้เล่าเอ๋อไปเก็บฟืนมาเพิ่ม แล้วก็ไปขุดโคลนดินขึ้นมา. เธอกำลังจะฆ่าไก่.
ใช่แล้ว, เธอกำลังจะทำไก่ขอทานยังไงล่ะ.
ไก่ขอทานเป็นเมนูที่ค่อนข้างทำยาก. ถ้าเธออยากให้มันอร่อย เธอก็ต้องใช้ความพยายามมากเลยทีเดียว. พอฆ่าไก่และปล่อยให้เลือดไหลหมดแล้ว, เธอก็ดึงขนออกให้หมดแล้วเอาไส้ไก่ออกมา. ขั้นตอนสุดท้ายคือเธอใส่เห็ดและเครื่องปรุงลงไปในท้องของไก่. เพื่อให้มั่นใจว่าไก่จะออกมาอร่อย เธอจึงโรยเกลือไว้บนผิวหนังของไก่ด้วย.
พอเสร็จแล้วเธอก็ใช่ใบ้ไม้ห่อไก่ไว้แล้วก็ผูกให้ดีๆ. จากนั้นเธอจึงใช้โคลนกับดินเหนียวพอกไว้อีกทีแล้วก็ใช้ใบไม้เช็ดให้สะอาด.
ตอนนี้คุณตาก็ช่วยขุดหลุมลงและชิยูก็เอาไก่ที่ห่อแล้วลงไปในหลุมจากนั้นก็เริ่มก่อกองไฟไว้บนหลุมนั้น.
พอทำเสร็จแล้ว พระอาทิตย์ก็ลับฟ้าพอดี. ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและสีของพระอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้าทำให้ทุกคนดูแดงขึ้นกว่าเดิม. ชิยูก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว - เธอไม่มีข้อกังขาอะไรเลย.
ชิยูมองไปมารอบๆแล้วก็เห็นว่าน้องเสี่ยวฉีกำลังมองกองไฟอยู่. ไฟที่กำลังครุกกรุ่นอยู่นั้นดูเหมือนกำลังเต้นระบำอยู่ในดวงตาของเธอ, ดวงตาของเธอนั้นดวงโตและน่ารักมาก. หน้าตาของเธอเองก็ขาวและน่ารักด้วย และถ้าเธอมีน้ำมีนวลกว่านี้ เธอจะดูเหมือนตุ๊กตาเลย.
คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าเธอน่ารักมากๆ และนั่นคือเหตุผลที่เจ้าโรคจิตนั่นเข้ามา.
ชิยูกังวล. เธออยากจะพาเสี่ยวฉีไปซ่อนไม่ก็พาเธอหนีเพื่อหลบเลี่ยงชะตากรรมอันโหดร้ายนั้น. แต่ถ้าเธอพยายามจะทำแบบนั้น มันก็จะก่อให้เกิด *บัตเตอร์ฟลายเอ็ฟเฟ็ค(ผีเสื้อขยับปีก)*.
ตอนนี้เธอทำได้แค่ก้าวทีละก้าวเท่านั้น.
พอเต็มไปด้วยความกังวล ชิยูจึงตัดสินใจทำอะไรซักอย่างเพื่อให้สมองเธอเอาความคิดบ้าบอพวกนี้ออกไป. เธอไปหยิบไส้หมูมากองหนึ่งแล้วย่างมันซะ. ทุกๆคนก็เข้ามาเพื่อช่วยด้วย และพอเธอย่างไส้หมูหมดแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าย่างมาเยอะเกิน.
“ไม่เป็นจ่ะ. พรุ่งนี้เราจะเอามันใส่รถแล้วลองขายดูก็ได้” ของพวกนี้ได้มาแบบฟรีๆ. ถ้าพวกเขาขายออกพวกเขาก็จะได้กำไรแน่. ถ้าขายไม่ออก พวกเขาก็เก็บไว้กินเองก็ได้ ไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่ได้กับได้.
หลังจากไส้หมูย่างหมดแล้ว พวกเขาก็ดับไฟแล้วใช้พลั่วปัดขี้เถ้าออก. แล้วในที่สุดพวกเขาก็ขุดเจอโคลนแข็งๆ. โคลนนั้นแข็งมากและร้อนมากด้วย. แต่พอพวกเด็กๆนึกถึงไก่ที่อยู่ด้านใน พวกเขาก็น้ำลายไหลออกมาทันทีจากนั้นก็พยายามกระเทาะโคลนให้แตกออก.
ชิยูไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังแน่นอน. เธอหยิบหินขึ้นมาแล้วทุบไปโคลนแข็งๆนั้น. โคลนก็แตกกระจุยออกทันทีแล้วกลิ่นหอมๆก็ลอยออกมา. พอเอาโคลนออกหมด, เปิดใบไม้ออกมาแล้ว ก็มีไก่สีเหลืองอร่ามอยู่ด้านหน้าของทุกคน. มันมีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายจากพวกเห็ดด้านในและทำให้ทุกคนน้ำลายสอเลย.
ไก่นี่ร้อนมาก. ชิยูบอกให้เสี่ยววูไปเอาจานกับตะเกียบมาแล้วตักไก่ใส่จานไป. แบบนี้จะได้ทำให้พวกเขาแบ่งไก่กันได้ง่ายขึ้น.
ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอกประตูบ้าน “หลินฟ่าน, นี่แกคิดว่าแกยังฉลาดอยู่นักเหรอ? ตอนนี้แกมันก็แค่หมาโง่ๆ. รอดูเหอะ! อีกไม่กี่เดือน, หลังจากงานแข่งสำนัก แกจะต้องถูกไล่ออกจากสำนักตระกูลหลินแน่”
“แกมันไร้ประโยชน์ แค่เพราะแกมีพ่อหนุนหลัง, แกเลยคิดว่ามีสิทธิ์ใหญ่ที่สุดในสำนักงั้นสิ. ถ้าชั้นเป็นแกนะ ชั้นออกสำนักไปนานแล้ว. ชั้นคงไม่หน้าด้านอยู่ในสำนักต่อหรอก”
“ทำไมพวกเราต้องมาพูดเรื่องเจ้าโง่ไร้สมองนี่ด้วย? อีกไม่นานมันก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมาขัดรองเท้าให้พวกเราแล้วด้วยซ้ำ”
หลินฟ่าน.
ชิยูส่งไก่ไปที่มือของคุณตาแล้วค่อยๆย่องไปที่ประตู. เธอเห็นว่าที่ถนนตรงด้านนอกประตูนั้นมีเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งกำลังตบตีวัยรุ่นคนนึงอยู่.
ผ่านไปพักหนึ่งพวกเขาระบายความโกรธแค้นไปหมดแล้ว. พวกเขาก็บังเอิญได้กลิ่นหอมของไก่แล้วอุทานว่า “อะไรเนี่ย? กลิ่นหอมมาก.แค่กลิ่นก็ทำให้ชั้นหิวแล้ว.ไปเถอะ. เราต้องระวัง อย่าตีมันจนตาย. ไม่งั้นพ่อมันเล่นงานเราแน่”
กลุ่มเด็กหนุ่มนั้นก็จากไป.
มีแต่เด็กหนุ่มผอมแห้งคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ในตรอก. เขากัดฟันขณะพยายามจะลุกขึ้น. ตอนนี้ชิยูก็สังเกตุเห็นหน้าของเขาแล้ว.
เหมือนกับในนิยายไม่มีผิด เขาเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาบวกกับความหยิ่งผยองนิดๆ.
ตัวเอกชายในนิยายของเออกู - หลินฟ่าน. ชั้นไม่คิดเลยว่าจะเจอเขาเร็วขนาดนี้!
**** ผู้ฝึกวิชาสิ่วเจิ้นคือคนที่ฝึกฝนตัวเองเพื่อจะได้กลายเป็นเทพ. นั่นแหละคือที่มาของเทพ, เซียน และครึ่งเทพ ฯลฯ. จึงเป็นที่มาของชื่อนิยาย Little cooking saint. (ผมขอแปล Saint เป็นเซียนนะครับ)
ชื่อนิยายเองผมก็ขอเปลี่ยน เติมคำว่าเซียนลงไปด้วย *****
****บัตเตอร์ฟลายเอ็ฟเฟ็คหรือผีเสื้อขยับปีก คือการที่เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วมันไปกระทบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าอย่างเช่นว่า คุณย้อนเวลากลับไป10ปี แล้วบอกหวยกับแม่ ถ้าแม่ถูกหวยตั้งแต่10ปีก่อนนั้น อีก 2-3ปีต่อมา อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ต่างไปจากที่คุณจำได้. นั่นแหละครับคือบัตเตอร์ฟลายเอ็ฟเฟ็ค***