บทที่ 90 ทักษะที่แข็งแกร่ง
บทที่ 90 ทักษะที่แข็งแกร่ง
จี้เฟิงที่กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากไปส่งถงเล่ย เขาไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา ในหัวของเขาตอนนี้มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับถงเล่ยในโรงภาพยนตร์ จู่ๆร่างกายของเขาก็เกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้เขาอยากจะวิ่งกลับไปที่บ้านของถงเล่ยเพื่อที่จะมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกันกับเธอในตอนนี้
“ฉันกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” จี้เฟิงเกาหัวของเขาอย่างเก้อๆ เขารู้เพียงแค่ว่าเขาแทบจะหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะตั้งแต่เขานั้นได้ใกล้ชิดกับถงเล่ย เขาแทบจะมีอาการพลุ่งพล่านตลอดเวลา
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ด้วยวัยของจี้เฟิงในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นวัยที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจที่กำลังเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งประสิทธิภาพและความสามารถทางด้านการสืบพันธุ์ที่กำลังเติบโตเต็มที่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะอยากรู้อยากเห็นและหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่บ่อยครั้ง
“เล่ยเล่ย ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!” จี้เฟิงพูดกับตัวเองในใจเมื่อนึกถึงความรักที่ถงเล่ยมีให้กับเขา พร้อมกับเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะกลับบ้านในเวลาเดียวกัน
ในตอนนี้เมื่อจี้เฟิงที่เดินมาถึงสี่แยกของสลัมที่เขาอาศัยอยู่ เขาก็แสดงอาการตกตะลึง
เขามองจากระยะไกลและเห็นว่ามีรถสีดำสองคันจอดอยู่ที่ตรงสี่แยกและดูเหมือนว่าจะมีเงาร่างของผู้ชายอีกสองคนยืนอยู่ด้วย
นับตั้งแต่การฝึกฝนจากระบบฝึกสายลับระดับสูง ความมืดไม่ได้มีอิทธิพลต่อการมองของจี้เฟิงมากนัก ดังนั้นแม้ในคืนที่มืดมิด จี้เฟิงยังคงสามารถพอจะมองเห็นผู้ชายสองคนนั้นได้อย่างลางๆ
จี้เฟิงเงยหน้ามองขึ้นไปบนอาคารที่เขาพักอาศัย ปรากฏว่าไฟทั้งหมดของชั้นบนนั้นดับลง มีเพียงไฟจากในห้องพักของเขาเท่านั้นที่ยังคงเปิดอยู่ เขาจึงระมัดระวังขึ้นมาทันที
จี้เฟิงเดินชิดตามกำแพงไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ส่งเสียงใดๆ ราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่เงาที่ขยับเองได้ ถ้าหากไม่ได้สังเกตอย่างรอบคอบก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นเขา
หากจี้เฟิงต้องการจะกลับบ้านยังไงเขาก็ต้องเดินผ่านตรงสี่แยกที่มีชายสองคนและรถสีดำที่จอดอยู่ ถ้าจี้เฟิงเดินกลับบ้านไปตามปกติชายสองคนนั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดต้องรู้ตัวอย่างแน่นอนนอกเสียจากว่าจี้เฟิงจะไต่ขึ้นไปบนกำแพง
แต่จี้เฟิงไม่ได้คิดที่จะทำอย่างนั้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่ารถสีดำทั้งสองคันนั้นจะมาที่บ้านของเขา เขาจึงต้องการที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาเดินย่องไปอย่างเงียบเชียบ และทันใดนั้นเขาสามารถล็อคคอผู้ชายของหนึ่งในสองคนนั้นไว้ได้จากทางด้านหลัง เขาเพิ่มแรงที่มือจนทำให้หนึ่งในสองคนนั้นสลบไปโดยที่ยังไม่ทันได้ส่งเสียง
เขาค่อยๆปล่อยชายคนแรกให้ล้มลงกับพื้นอย่างเบามือ และย่างก้าวเข้าหาชายคนที่สองในทันที เขาใช้วิธีเดียวกับชายคนแรก และแน่นอนว่าผลนั้นออกมาไม่ต่างกัน เขาสามารถจัดการผู้ชายสองคนได้อย่างรวดเร็วและโดยไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาเลย
“ปืน!!”
ดวงตาของจี้เฟิงฉายแววเย็นชาในทันที เมื่อเขาเห็นปืนอยู่ตรงเอวของชายทั้งสองคนที่สลบอยู่ “เป็นไปได้ไหมว่า ซูหม่ามันจะส่งคนมาจัดการกับฉัน?!”
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ เขานึกถึงความปลอดภัยของแม่ทันที เขาเลิกสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และรีบเดินไปห้องของเขาอย่างเงียบเชียบ
แม้ในเวลานี้จี้เฟิงจะร้อนใจอย่างมาก แต่สัญชาตญาณจากการฝึกฝนระยะยาวของเขาก็ยังทำให้เขาปฏิบัติตามมาตรฐานของสุดยอดสายลับอย่างเคร่งครัด
เมื่อจี้เฟิงเดินมาถึงชั้นล่างของอาคารที่พักอาศัยในย่านสลัมของเขา เขาก็พบชายอีกสองคนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ในความมืด แต่เนื่องจากสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ แตกต่างจากชายสองคนก่อนหน้านั้น เพราะฉะนั้นการโจมตีของจีเฟิงอาจทำให้เกิดเสียงก้องสะท้อนออกมา และทำให้ชายทั้งสองคนนั้นรู้ตัวและมีโอกาสที่จะโจมตีเขากลับได้ในทันที
แต่อย่างไรก็ตามด้วยทักษะของจี้เฟิงในตอนนี้ เขาสามารถทำให้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในอาคารชั้นล่างนั้นกระเด็นออกไปก่อนที่พวกเขาจะทันได้รู้ตัว ดังนั้นเขาจึงรับการโจมตีโดยตรงจากจี้เฟิงอย่างแรงโดยไร้การป้องกัน
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ แม้ว่าเขาจะเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาบ้างจากฝีมือของซูหม่า แต่เขาก็รู้สึกได้ว่า คนเหล่านี้ไม่เหมือนกับพวกนักเลงที่ผ่านๆมา การแต่งตัวและลักษณะของพวกเขาแทบไม่ต่างจากบอดี้การ์ดในภาพยนตร์ที่เขาเคยดู
โดยปกติแล้วถ้าซูหม่าต้องการจะจัดการกับเขา ซูหม่าก็เพียงแค่จ้างนักเลงสองสามคนเท่านั้น แต่ครั้งนี้ทำไมถึงได้แตกต่างออกไป
ยิ่งคิดจี้เฟิงก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของแม่ เขารีบวิ่งออกมาจากอาคารชั้นล่าง และใช้หมัดขวาชกเข้าที่คางของชายคนหนึ่งอย่างรุนแรง เกิดภาพหมุนขึ้นทันทีและชายคนนั้นก็เป็นลมล้มลงไป และในตอนนั้นเองก่อนที่ชายอีกคนจะทันได้ตอบโต้หมัดของจี้เฟิงก็มาถึงตรงหน้าของเขาแล้ว
“ผั๊วะ!”
เกิดเสียงดังเล็กน้อยและ และแล้วก็เป็นผู้ชายคนที่สี่ที่สลบจากทักษะอันแข็งแกร่งของจี้เฟิง
จี้เฟิงกัดฟันกรอด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ของเขา เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ซูหม่ามีชีวิตรอดไปได้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะต้องต่อสู้จนแลกด้วยชีวิตก็ตาม เพราะสำหรับจี้เฟิงแล้ว แม่ของเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แม่ผู้ซึ่งให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิดด้วยตัวคนเดียว หากใครกล้าแตะต้องแม่ของเขา เขาจะจัดการให้ถึงที่สุด
จี้เฟิงลุกขึ้นยืนและปืนไปยังระเบียงของชั้นสอง เขาแอบเข้ามาที่ชั้นสองได้อย่างง่ายดายจากนั้นเขาก็ไต่ขึ้นไปตามท่อน้ำทิ้งของอาคารเพื่อขึ้นไปยังชั้นสาม
แม้แต่สายลับที่ดีที่สุดก็ต้องชื่นชมหากได้มาเห็นจี้เฟิงในเวลานี้ การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วปราดเปรียว ที่ไม่เพียงแต่รวดเร็วมากเท่านั้น แต่การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเขานั้นไม่เกิดเสียงใดๆเลย นอกเสียจากเสียงต้านกับอากาศตามธรรมชาติเท่านั้น หากจะมีใครได้ยินจริงๆ ก็คงคิดว่าเป็นเพียงแค่เสียงลมพัด
ตามนิสัยที่ได้มาจากการฝึก จี้เฟิงมองไปรอบๆ และไม่พบกับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยใดๆ จากนั้นเขาจึงเข้าไปในห้องของแม่ผ่านทางหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ
เขามองออกไปยังช่องว่างระหว่างประตูในห้องนอนของแม่ที่แง้มอยู่เพียงเล็กน้อย
จี้เฟิงรู้สึกตกใจทันทีเมื่อพบว่าห้องนั่งเล่น.. หรือจะเรียกว่าห้องนอนของเขา ในมุมหนึ่งของโซฟาถูกวางด้วยอุปกรณ์ที่ใช้นอนของเขา และส่วนที่เหลือของโซฟาตอนนี้ถูกใช้งานโดยชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
ชายแปลกหน้าคนนี้ดูแล้วน่าจะอยู่ในวัยสามสิบปลายๆเกือบจะสี่สิบปี เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา ลักษณะรูปร่างกำยำและแข็งแรงพอสมควร เขาตัดผมสั้นและมีแผลเป็นตรงหน้าผาก มีบุคลิกดูน่าเกรงขาม
จี้เฟิงมองไปยังท่อนบนของเขาที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูมีราคาพร้อมกับมีเนกไทผูกอยู่ ส่วนท่อนล่างเขาใส่เป็นกางเกงขายาวและรองเท้าหนังสีดำเป็นมันวาวสะท้อนแสงอยู่ในห้องนั่งเล่น
จากภาพลักษณ์โดยรวมของชายคนนี้ต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปอย่างน้อยๆ ถ้าไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากก็ต้องเป็นข้าราชการระดับสูง ที่สำคัญความสง่างามของบุคคลนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เขาดูไม่ต่างกับนายพลที่ผ่านสมรภูมิที่มีคนตายมานับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตามใบหน้าของชายคนนี้กำลังมีรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากคนทั่วไป การยิ้มของเขาในตอนนี้ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับการที่เด็กซนกำลังถูกผู้ใหญ่ดุ และทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างรู้สึกผิดแต่ก็มีความดื้อซ่อนอยู่ข้างใน มันช่างดูขัดแย้งและเป็นสถานการณ์ที่แปลกมากในตอนนี้
ในหัวของจี้เฟิงเต็มไปด้วยความสงสัยและสายตาของเขาก็หันไปเห็นอีกด้านหนึ่ง
คนที่นั่งตรงกันข้ามกับชายแปลกหน้าคนนั้น คือเซียวซูเหม่ยแม่ของเขาเอง ที่ตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าที่จริงจังและดูเหมือนว่าจะมีหยดน้ำใส ออกมาจากดวงตาของเธอ
“แม่งเอ๊ยย!”
ความโกรธของจี้เฟิงพุ่งขึ้นทันที เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้กำลังรังแกแม่ของเขา เขาไม่คิดเรื่องอื่นใดอีก เขาเปิดประตูแล้วรีบวิ่งออกไป
“ไอ้ชั่ว ฉันจะฆ่าแก!”
เขาคำรามพร้อมกับวิ่งไปถึงตัวของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง จี้เฟิงก็บีบคอของเขาทันทีพร้อมกับที่เท้าของเขาก็กำลังยันอยู่บนหน้าอกของชายแปลกหน้า
ตราบใดที่เขาออกแรงเพิ่มเพียงเล็กน้อย คอของผู้ชายคนนี้ก็จะถูกเขาบีบจนหมดลมหายใจและจะตายคามือของเขาในทันที
ในขณะนั้น เซียวซูเหม่ย แม่ของจี้เฟิง ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ “เฟิงเอ๋อ หยุด!!”
ทันใดนั้นมือของจี้เฟิงก็ผ่อนแรงลง แต่เขายังคงเกร็งมือไว้ที่คอของชายคนนั้นโดยไม่ยอมปล่อย เขาเพียงแค่หันหน้าไปตามเสียงเรียกของแม่ด้วยความแปลกใจและถามว่า “แม่ ไอ้สารเลวคนนี้มันทำอะไรแม่ ผมจะฆ่ามัน!”
“เฟิงเอ๋อ หยุด อย่าทำแบบนี้!” เซียวซูเหม่ยไม่คาดคิดว่าลูกชายของเธอจะรวดเร็วและแข็งแรงได้ราวกับจะฆ่าคนด้วยมือเปล่าได้จริงๆ
“แม่ไม่ต้องกลัวไอ้ชั่วนี่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมอย่างแน่นอน ถ้ามันทำอะไรแม่บอกผมมา ผมจะจัดการมันเอง!” ใบหน้าของจี้เฟิงบิดเบี้ยวเขาพูดอย่างโกรธแค้น จากนั้นเขาหันหน้ากลับไปมองใบหน้าที่แดงก่ำของผู้ชายคนที่เขากำลังบีบคออยู่และพูดว่า “ไอ้ชาติชั่ว แกกล้าทำร้ายแม่ของฉัน ฉันจะส่งแกไปลงนรก!”
“เฟิงเอ๋อหยุดเดี๋ยวนี้!!” เซียวซูเหม่ยรีบตะโกนเมื่อเห็นลูกชายของเธอโกรธสุดขีดและกำลังจะลงมือบีบคอชายคนนั้นอีกครั้ง “ลูกจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นอาของลูก!”
ห๊ะ! อะไรนะ?!
จี้เฟิงถึงชะงัก “แม่พูดว่าไงนะ?”
ในขณะที่จี้เฟิงคลายแรงที่มือ ชายแปลกหน้าก็ได้ขยับตัวและหลุดออกจากเงื้อมือของจี้เฟิงในทันที
“เฮ้ย!! แกจะทำอะไร!”
วินาทีต่อมาจี้เฟิงตะคอกอย่างรุนแรงเมื่อเขาเห็นร่างของผู้ชายแปลกหน้ากำลังขยับหนี เขากดชายคนนั้นลงบนโซฟาและมือขวาของจี้เฟิงก็บีบคอของชายคนนั้นอีกครั้ง
“แกกำลังจะหนีงั้นรึ?!” จี้เฟิงหัวเราะเยาะ
ในที่สุดเซียวซูเหม่ย ก็ถอนหายใจอย่างแรงและกล่าวด้วยเสียงที่สงบนิ่ง “เฟิงเอ๋อ ปล่อยเขาได้แล้ว เขาเป็นอาของลูกจริงๆ!”
จี้เฟิง มองไปที่แม่ของเขาและหันกลับมามองชายที่เขากำลังบีบคอไว้อยู่ภายใต้การกดของเขาอย่างสับสนและมึนงง เขาไม่เข้าใจ จู่ๆ จะมีอาของเขาโผล่มาได้ยังไง?
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นคำยืนยันของแม่ด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง เขาจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยมือจากผู้ชายคนนั้น เพราะอย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน ถ้าชายคนนี้คิดจะทำอะไรจริงๆ เขาก็สามารถที่จะจัดการได้ทุกเมื่อ แต่ก่อนที่เขาจะปล่อย เขาได้ทำการค้นตัวของชายคนดังกล่าวและแน่นอนว่าจี้เฟิงเจอกับปืนพกที่อยู่ตรงเอวของเขา
จี้เฟิงหยิบปืนออกมาและค่อยๆเดินถอยไปอยู่ข้างๆแม่ของเขา
…...จบบทที่ 90~❤️