LCEW เล่มที่ 1 ตอนที่ 34 - นี่คือวันสิ้นโลก
เล่มที่ 1 ตอนที่ 34 - นี่คือวันสิ้นโลก
เจ้าหญิงอาร์เซนอลออกจากประตูไปเพียงลำพัง เธอเดินอยู่ภายใต้แสงจันทร์อันเงียบสงัดก่อนจะนั่งลงบนปากกระบอกปืนที่อยู่ใกล้ๆ แสงจันทร์อันสวยงามกระทบผมสีบลอนด์ของเธอให้กลายเป็นแสงจันทร์
เธอยังคงนั่งเงียบเลยน่ามองเมืองพระจันทร์เงินที่ถูกก้อนเมฆบดบัง
เศษหญ้าบางเบาพริ้วไหวไปตามสายลมยามค่ำคืน ใบหน้าของเธอนั้นเหมือนเจ้าหญิงแห่งแสงจันทร์ที่อยู่ท่ามกลางความเงียบ
ฉันแบกกระเป๋าแล้วกระโดดลงมาจากประตูที่สูงเกือบ 2 เมตร ซึ่งก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร ฉันเดินตรงไปด้านข้างเจ้าหญิงอาร์เซนอล แล้วเงยหน้ามองดูเหมือนพระจันทร์เงิน ก่อนจะหันมามองใบหน้าแสนสวยของเจ้าหญิงอาร์เซนอล "เธอชอบเมืองพระจันทร์เงินอย่างนั้นเหรอ?"
สีหน้าที่เจ้าหญิงอาร์เซนอลแสดงออกมานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ดวงตาของเธอสะท้อนเงาพระจันทร์เงิน "พรุ่งนี้ มันก็จะจากไปแล้ว"
"อะไรนะ?"นี่มันยอดมาก!! ฉันละอยากจะจุดประทัดฉลองเหลือเกิน!! เพียงแต่ฉันยังสับสน "จากไป? ไม่ใช่ว่ามันตรึงตำแหน่งอยู่ตรงนั้นเหรอ?"
เจ้าหญิงอาร์เซนอลหันมามองใบหน้าที่สับสนของฉัน "โอ้ จริงสิ เธอความจำเสื่อม….."เธอเงยหน้าขึ้นไปจับจ้องเมืองพระจันทร์เงินอีกครั้ง "เมืองพระจันทร์เงินได้แบ่งแยกโลกนี้ออกเป็น 12 ส่วน ทุกๆเดือน มันจะลอยไปอยู่เหนือพื้นที่ที่ถูกแบ่ง เพื่อปกป้องพวกเราจากท้องฟ้า และให้ความช่วยเหลือแก่เรา…"
ปกป้อง?
ฉันคิดว่ามันเป็นการควบคุมมากกว่า!!
ฮ่า!
ฮ๋า!
ฮ๋า!
ฮ๋า!
ฉันคันปากอยากจะบอกความจริงกับเธอจริงๆว่าซิงชวนเป็นคนแบบไหน แต่ที่ฉันไม่ได้บอกก็เพราะราฟเฟิลบอกฉันว่าอย่าพูดถึงเขาต่อหน้าองค์หญิงอาร์เซนอล
แต่…..ซิงชวนนี้ถือว่าเป็นนักแสดงที่ตีบทแตก แม้แต่ราฟเฟิลคนที่มีสติปัญญาเลิศเลอก็ยังไม่เชื่อฉันเลย คงจะมีเพียงแค่แฮรี่คนเดียวที่เชื่อฉันเพราะเขาได้เห็นธาตุแท้ของซิงชวนด้วยตาตัวเอง
สายตาที่เจ้าหญิงอาร์เซนอลมองออกไปนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและโหยหา เหมือนกับว่าซิงชวนเป็นไอดอลที่ฝังใจเธอ เด็กนักเรียนหญิงในชั้นเรียนของฉันหลายคนเองก็มีไอดอลที่พร้อมจะเอามาเป็นแบบอย่าง คงไม่มีใครอยากจะให้คนอื่นมาทำลายภาพลักษณ์ภายนอกของตัวเอง ถึงแม้ว่าพวกปาปารัสซี่จะออกมาแฉก็ตาม พวกเธอก็ยังคงพูดย้ำๆกับตัวเองว่า "พวกเราไม่เชื่อ ไม่มีทาง!!"
เจ้าหญิงอาร์เซนอลเป็นคนที่มีจิตใจดีและไร้เดียงสา เธอเป็นคนพาฉันเข้ามายังที่แห่งนี้ ฉันไม่มีทางใช้คำพูดของฉันไปทำร้ายจิตใจของเธอเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ซิงชวนก็ได้พูดด้วยตัวเองว่าเขาไม่ได้สนใจเจ้าหญิงอาร์เซนอล แล้วมันก็คงต้องใช้เวลาอีก 1 ปีกว่าทั้งสองจะได้มาเจอกันอีก ฉันจึงทำได้แค่เพียงปล่อยให้ภาพลักษณ์ที่แสนดีงามด้านเดียวของซิงชวนตราตรึงอยู่ในจิตใจเจ้าหญิงอาร์เซนอล
ฉันเปิดกระเป๋า แล้วหยิบกล่องใส่อาหารออกมา จากนั้นก็เปิดฝาแล้ววางไว้ตรงหน้าเจ้าหญิง "กินนี่สิ นี่คือแตงโม"มันคือผลไม้ชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในกระเป๋าของฉัน
"อะไร!!?"ในที่สุดเธอก็ละสายตาจากเมืองพระจันทร์เงิน หันมามองแตงโมที่อยู่ในกล่องอาหาร ก่อนจะถือมันและร้องอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "แตงโม!! เมล็ด!!"
ฉันรู้ดีว่าเธอกำลังจะพูดถึงเมล็ดพันธุ์ ตัวฉันที่นั่งข้างๆจึงหยิบแตงโมทรงสามเหลี่ยมที่ถูกหั่นอย่างสวยงามออกมา "กินเถอะ!! นี่คือชิ้นส่วนแตงโมไร้เมล็ด!!"
"ไร้เมล็ด…."เจ้าหญิงอาร์เซนอลแลดูผิดหวัง ก่อนที่เธอจะนึกถึงอะไรบางอย่างแล้วจ้องมาที่ฉันทันที "แล้วยืนส์ของมันล่ะ?"
ยีนส์? นี่เราจะต้องพูดถึงหัวข้อลึกซึ้งทั้งๆที่มันเป็นเพียงแค่แตงโมอย่างนั้นหรือ?
"ยีนส์….ยีนส์"พระเจ้าช่วย!! ฉันเพิ่งเรียนจบมอต้นแล้วเพิ่งจะได้เรียนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ฟิสิกส์และเคมี พันธุวิศวกรรมเป็นเรื่องแปลกใหม่ ต่อให้อยู่ในมหาลัย ฉันก็คงจะไม่ได้เรียนวิชาพันธุวิศวกรรมแน่!!
"ช่างมันเถอะ!! เพียงแค่กินมันเข้าไป!!" ฉันหยิบชิ้นแตงโมขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในปากของเธอ เธอตกตะลึงถึงกับลุกขึ้นยืน "อร่อยมาก!! ฉันไม่เคยกินแตงโมมาก่อนเลย!"เธอตื่นเต้นจนคุมสติไม่อยู่แล้ว ความสงบเสงี่ยมของคนที่เป็นเจ้าหญิงหายไปชั่วขณะ ในที่สุดฉันก็ได้เห็นเธอทำตัวเหมาะสมกับวัยเด็กผู้หญิง เธอปิดปากขณะบ่นพึมพำ "ฉันเคยได้ยินเรื่องแตงโมจากปากปู่ของฉัน แม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างตอนนี้จะไม่มีอยู่อีกแล้ว แต่พวกเราก็ถ่ายทอดความทรงจำเพื่อเอาไว้รื้อฟื้นถ้าหากได้เมล็ดพันธุ์มา นับตั้งแต่เกิดเหตุ หลายสิ่งหลายอย่างก็ปลูกไม่ขึ้นอีกเลย แตงโม…..ก็สูญพันธุ์ไปจากบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด"เจ้าหญิงอาร์เซนอลถอนหายใจ
"จากบริเวณใกล้เคียง? งั้นก็แสดงว่ายังมีที่อื่น อาจจะมีพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป? ไม่อย่างนั้น ของๆฉันจะมาจากไหนล่ะ"ฉันหยิบแตงโมออกมาโดยทั้งๆที่รู้ว่าแตงโมของฉันนั้นมาจากโลกใบอื่น
"มีพลังงานไม่พอ…."เจ้าหญิงอาร์เซนอลส่ายหน้าพร้อมกับมองมาที่ฉันและกล่าวถามว่า " เธอจำทรงกลมรังสีได้หรือไม่?"
ฉันส่ายหน้าด้วยความสับสน ดูเหมือนฉันจะไม่ต้องเสแสร้งอีกเพราะว่าฉันไม่รู้จริงๆ
เธอยิ้มแล้วก้มลงหยิบก้อนหิน จากนั้นก็วาดวงกลมและอธิบายว่า "ดูนี่นะ นี่คือทรงกลมรังสี ส่วนที่แก่นกลางของมัน….."เธอจุดตรงใจกลางวงกลม "เป็นจุดที่มีรังสีแรงที่สุด จากนั้น ทุกจุดที่กระจายออกมาจากจุดศูนย์กลาง รังสีจะค่อยค่อยอ่อนแรงลง จนกระทั่ง ไม่เหลืออะไร"เธอชี้นิ้วไปที่ของวงกลม
สายตาของเธอมองไปที่รอบตัวแล้วพูดต่อไปว่า "พวกเราถูกล้อมรอบไปด้วยวงกลมรังสีจำนวนมาก ตรงนี้คือจุดเดียวที่อยู่ได้"เธอลุกขึ้นยืนแล้วตีเส้นวงกลมอีก 2-3 วง วงกลมวางซ้อนทับกันจำนวนมาก บางวงก็มีความสัมพันธ์ต่อกันเหมือนกับว่าฉันกำลังนั่งเรียนคณิตศาสตร์อยู่
ในสถานที่ที่พวกมันแยกออกหรือตัดกันจะก่อตัวเป็นพื้นที่เล็กๆ เนื่องจากพื้นที่แห่งนั้นอยู่นอกวงแหวนรังสี มันจึงกลายเป็นเขตอยู่อาศัย แน่นอนว่าพื้นที่โดยรอบนั้นปกคลุมไปด้วยรังสีรุนแรง เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ พวกเขาถูกกักตัวอยู่ที่นี่
"วงรังสีมีขนาดใหญ่มาก บางวงอาจใหญ่ขนาดเท่าเมืองบางเมืองเลย"
ฉันตกใจกับข้อมูลที่ได้รับรู้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า วงกลมรังสีเหล่านี้จะมีขนาดเท่าเมืองจริงๆ ให้กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มันเหมือนกับว่าถ้าหากเมืองเซี่ยงไฮ้ทั้งเมืองกลายสภาพการเป็นเขตกัมมันตรังสี แล้วมีเมืองแบบเดียวกับเมืองเซี่ยงไฮ้อีกจำนวนมากกลายเป็นเขตกัมมันตรังสีด้วย ประชากรบนโลกนี้จะอยู่อย่างไร?
"ดาวหางเหล่านั้น…...มีสีขาว…."เจ้าหญิงอาร์เซนอลเหม่อมองท้องฟ้า ความโศกเศร้าแทรกอยู่ในดวงตาสดใส เธอยกมือขึ้นทำท่าเหมือนกับคนที่กำลังสัมผัสท้องฟ้า "สวยเหลือเกิน พวกมันพุ่งผ่านท้องฟ้า ราวกับว่าเทวดากำลังตกสวรรค์ แต่สุดท้ายพวกมันกลับทำให้เรา.."เจ้าหญิงอาร์เซนอลแสดงออกถึงอัดอั้นตันใจอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์อันเย็นยะเยือก "ทำให้โลกของเรามาถึงจุดจบ"
จุดจบของโลก!!
มันคือการอวสานของโลก!!
ที่นี่คือวันสิ้นโลกจริงๆ!!
*ซ่าาาา*ในหัวของฉันเต็มไปด้วยเสียงข่าวที่น่ากลัว แม้จะคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังหวาดกลัวเมื่อรู้คำตอบ
นี่คือคำตอบสำหรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
เหตุใดจึงขาดแคลนทรัพยากร? เหตุใดประชากรจึงเบาบาง? เหตุใดมนุษย์ถึงกินกันเอง? เหตุใดพวกเขาถึงตื่นเต้นที่ได้เห็นเมล็ดพันธุ์? เหตุใดพวกเขาถึงรับแต่ผู้หญิงหรือไม่ก็พวกเหนือมนุษย์? ทั้งหมดเป็นเพราะ
โลกกำลังถึงจุดจบ
"คุณปู่บอกว่ามันคือการกวาดล้าง ดาวหางจำนวนมากพุ่งชนเมือง ทำลายทั้งเมืองจนสิ้นซาก ซ้ำยังนำพาวงแหวนรังสีที่พวกเราไม่รู้จักมายังโลกของเรา คนจำนวนมากต้องตาย หลายต่อหลายคนที่รอดชีวิตก็กลายพันธุ์เพราะรังสี บางส่วนกลายเป็นนักผจญรังสี พวกเหนือมนุษย์ บางส่วนก็กลายเป็นสัตว์ประหลาด ส่วนผู้ที่มีชีวิตรอดแต่ไม่กลายพันธุ์ จะถูกเรียกว่าผู้บริสุทธิ์ คุณปู่ยังบอกอีกว่าโลกในตอนนั้นแทบไม่ต่างจากนรกบนดิน ณปัจจุบันนี้มันดีขึ้นมากแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ยังไม่สามารถผ่านเขตรังสีได้…."
ดาวหางที่แสนสวยงามเหล่านั้น….เป็นตัวก่อกำเนิดวันสิ้นโลก….
ฉันมองดูสีหน้าเจ้าหญิงอาร์เซนอลที่แสนโศกเศร้า ฉันนึกไม่ออกเลยว่าวันนั้นมันเป็นอย่างไร แต่สำหรับผู้อาวุโสอลูฟาที่ถึงขั้นอธิบายว่ามันคือนรก มันคงจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ