เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 100: ขอให้นายท่านเชิ่งหาข้อแก้ตัว
大姐大 บทที่ 100: ขอให้นายท่านเชิ่งหาข้อแก้ตัว
เมื่อหยูซีเห็นว่าจ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงทั้งคู่นั้นพากันเข้าไปในห้องครัว เขาก็คิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้นเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน
ดังนั้นเขาจึงกล่าวกับคนอื่นๆว่า “ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้ว่าลุงเจี่ยนจะมา พวกเราเพียงแค่ซื้อของมาสำหรับห้าคนเท่านั้น…”
กิจกรรมบาร์บีคิวลานบ้านสำหรับคนห้าคนนั้นกลับเปลี่ยนไปเป็นสิบเอ็ดคนอย่างกระทันหัน
เหอเยี่ยนพูดอย่างรีบเร่งว่า “ถ้าพวกเธอหนุ่มสาวไม่ถือหากว่าพวกเราจะร่วมทานบาร์บีคิวกับพวกเธอ ฉันก็จะตระเตรียมของที่เหลือให้”
เหอเยี่ยนย่อมไม่พลาดโอกาสหายากที่จะได้ร่วมทานอาหารกับนายท่านเชิ่ง
หยูซียิ้ม “อาสองพูดเล่นแล้ว นี่เป็นบ้านตระกูลเจี่ยน ทำไมพวกเราถึงจะรังเกียจ ถ้าเช่นนั้นผมก็จะปล่อยวัตถดิบอย่างอื่นไว้กับอาสอง ผมจะไปช่วยที่ห้องครัว”
หลังจากที่พูดแบบนั้นแล้ว หยูซีก็นำวัตถุดิบไปยังห้องครัว
ทันทีที่เข้าไปในห้องครัว หยูซีก็เห็นเจี่ยนอีหลิงหั่นชิ้นเนื้อด้วยมีดทำครัว
หั่นเนื้อทุกอย่างที่พวกเขานำมาเป็นแผ่นบางๆ
ยกเว้นสำหรับสเต็กและของประเภทเดียวกันที่จำเป็นต้องหั่นเป็นชิ้นหนา ที่เหลือล้วนถูกหั่นจนบางเฉียบ
เจี่ยนหยู่เจี๋ยช่วยลวก ดูงุ่มง่ามเล็กน้อย
และจ๋ายหวินเชิ่งก็ยืนอยู่ด้านข้างมองดูเจี่ยนอีหลิงกับเจี่ยนหยู่เจี๋ยทำงานวุ่นวาย
หยูซีก้าวไปข้างหน้าและก็เห็นว่าเจี่ยนอีหลิงถือมีดทำครัวขนาดใหญ่
มีดทำครัวขนาดใหญ่สำหรับสับเนื้อดูใหญ่กว่าปกติในมือของเจี่ยนอีหลิง
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ หยูซีก็อยากจะเข้าไปเอามีดออกจากมือเธอแล้วเปลี่ยนไปเป็นเล่มที่เล็กกว่า
แต่เมื่อคิดถึงฉากที่ถูกเทพหลิงช่วยลากไปสองสามวันมานี้ เขาก็รู้สึกว่าเขาต้องลืมมันไปเสีย และจะเหมาะสมกว่าสำหรับตัวเขากับการตะโกนเชียร์อยู่ข้างๆ
เทพหลิงเป็นชื่อที่หยูซีเพิ่งตั้งให้กับเจี่ยนอีหลิงในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้
หยูซียังคงหลงติดกับภาพลักษณ์เมื่อตอนที่เขาถูกลากไปในครั้งแรก และเริ่มคุ้นเคยในครั้งที่สอง แล้วก็เริ่มประจบเจี่ยนอีหลิง
ระหว่างเกม หยูซีก็มักจะพูดว่า “นายท่านเชิ่งซุปเปอร์สุดยอด” กับ “เทพหลิงสุดเท่ เปิดหูเปิดตาแล้ว” อยู่บ่อยๆ เขาเก่งมากในด้านของการเยินยอ
เมื่อมีคนช่วยลากอย่างน้อยเขาก็ควรจะช่วยเชียร์
เมื่อดูเนื้อที่ถูกแล่บางโดยเจี่ยนอีหลิงแล้ว ความกังวลของเขาก็เหมือนเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความมั่นคงในการแล่เนื้อของเจี่ยนอีหลิง
ฝีมือการใช้มีดของเธอนั้นดีกว่าหยูซีไปไม่รู้เท่าไหร่ อย่างน้อยก็คงหลายช่วงตึก
ถ้าเขาหั่นเองบางทีมันอาจจะมีหน้าตาเหมือนกับถูกหมากัดแหว่ง
หยูซีเริ่มมีความกังวลในเรื่องอื่น เขาและนายท่านเชิ่งรู้เรื่องเจี่ยนอีหลิงกับเจี่ยนหยุ่นน่าว
ตอนนี้เจี่ยนหยุ่นน่าวอยู่ด้านนอก เขาไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกับเทพหลิงในตอนนี้ จะเกิดความไม่สบายใจกันหรือเปล่า
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว หยูซีก็เสนอแนะว่า “อือ เทพ...อะแฮ่ม น้องสาวอีหลิง ถ้าน้องไม่มีความสุข พี่สามารถพาน้องไปกินข้างนอกได้ และให้นายท่านเชิ่งหาเหตุผลให้”
เขาถูกสายตาคมกริบจากนายท่านเชิ่งจ้องมอง
หยูซีอดรู้สึกผิดไม่ได้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากหาเหตุผล
ไม่ว่าอย่างไรนายท่านเชิ่งก็มีชื่อเสียงในด้านการเอาแต่ใจตนเอง…
ส่วนตัวเขาเองนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าเขามีนิสัยดี แล้วเด็กดีอย่างเขาจะลักพาตัวน้องสาวข้างบ้านแล้วหนีไปได้อย่างไรกัน
เจี่ยนหยู่เจี๋ยก็ชะงักไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหยูซี
เขารับรู้สถานการณ์ได้ไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็ได้ยินมาบ้าง และตัวเขาเองก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกออกไปจากบริเวณนั้นเมื่อกี้นี้เช่นเดียวกัน
ครั้งนี้เจี่ยนหยู่เจี๋ยมีความเห็นตรงกันกับหยูซี “ใช่ หยูซีพูดถูก เราไปกินกันข้างนอกเถอะ”
“ไม่เป็นไร” เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า
เจี่ยนอีหลิงรู้ว่าพ่อแม่พาเจี่ยนหยุ่นน่าวมาวันนี้ก็เพราะว่าพวกเขาหวังว่าเธอกับเจี่ยนหยุ่นน่าวจะได้พยายามอยู่ด้วยกันอย่างสันติ
ถ้าเธอและเจี่ยนหยุ่นน่าวมีข้อขัดแย้งกันในวันนี้ ทุกคนรวมไปถึงปู่ย่าก็จะต้องเสียใจ
หลังจากที่ถูกเจี่ยนอีหลิงปฏิเสธ หยูซีก็หันหน้าไปมองดูจ๋ายหวินเชิ่ง เพื่อขอคำแนะนำจากเขา หวังให้เขาช่วยเกลี้ยกล่อมเจี่ยนอีหลิงสักสองสามคำ
ก่อนหน้านี้ นายท่านเชิ่งก็ค่อนข้างจะเป็นห่วงเรื่องของเทพหลิงอยู่บ้าง
“ไม่ต้องมองมาที่ฉัน ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะทานอาหาร” จ่ายหวินเชิ่งเอนกายลงไปนั่งพิงกับอ่างล้างจาน ดูท่าทางเกียจคร้าน
---------------------------------------------------------------------------
นายท่านเชิ่ง - อย่าไปยุ่งกับคนโง่สองคนนั้น
เจี่่ยนหยู่เจี๋ย - ฉันคิดว่ามีดทำครัวพออยู่ในมือน้องสาวแล้วดูมีประโยชน์มาก