ตอนที่แล้วตอนที่ 180 จะประลองกับข้าหรอ แค่คิดก็ผิดแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 182 เพื่อนข้าชอบท่าน

ตอนที่ 181 ลิง


“ข้าว นายจะไปไหน”

ใครคนหนึ่งในบ้านบุษราคัมถาม เมื่อเห็นเพื่อนที่ควรจะเดินไปด้วยกันตามที่คุยกันไว้ กลับเลี้ยวไปอีกทาง ซึ่งเป็นทางขึ้นห้องพักฝั่งชาย

“ข้าลืมของ เจ้านำไปก่อนเลย อย่าลืมจองที่ให้ข้าด้วยนะ”

“ได้ อย่าช้านักล่ะ”

“อืม เสร็จแล้วข้าจะรีบไป”

เด็กหนุ่มที่ชื่อข้าว รีบวิ่งขึ้นหอพักตัวเองทันที เพราะเขาไม่อยากพลาดงานสำคัญของบ้าน แต่ในขณะที่เขาวิ่งอยู่นั้น จู่ ๆ ประตูห้องที่เขากำลังวิ่งผ่านก็เปิดออก พร้อมกับมือปริศนาที่ยื่นออกมากระชากร่างของเขาเข้าไปในห้อง

“เหวอ !”

ข้าวเหนียวล้มคะมำลงไปกับพื้น ก่อนจะร้องโอดโอยขึ้นมาเพราะหน้าผากเขาโขกเข้ากับพื้นแข็ง เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น

“นี่มันอะไร ! อ้าว พิภพเจ้าเองหรอ”

เหนือภพพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะพูดขึ้น

“ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย”

ข้าวเหนียวรู้สึกสับสนก่อนจะชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างข้องใจ

“อย่างข้านี่นะ”

เหนือภพพยักหน้าหงึกหงัก เขาพอรู้จะว่าข้าวเหนียวเป็นเด็กรุ่นเดียวกับเขา เขามีนิสัยปรับตัวง่าย ช่างพูด ช่างคุย ทำให้เพียงผ่านมาไม่กี่วันเขาก็มีเพื่อนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่รุ่นพี่หลายคนที่ข้าวเหนียวก็สามารถตีสนิทกับพวกเขาได้

“เจ้ารู้ไหมรู้พี่บุหรงชอบอะไร”

เหนือภพถามตรง ๆ ทื่อ ๆ แถมยังกระชากคอเสื้อของเพื่อนตัวเล็กเข้ามา ทำให้เขาดูเหมือนอันธพาลในสายตาของข้าวเหนียวไปโดยปริยาย

“...”

ข้าวเหนียวอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้หรือกลัวในท่าทางของเหนือภพ เพียงแต่เขากำลังรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับความคิดของเพื่อนร่วมบ้าน เพื่อนเขาคนนี้ถูกทำให้หัวสมองกระทบกระเทือนมาหรือ ทำไมเขาถึงเลือกสนใจคนอันตรายแบบนั้น

“ว่าไง” เหนือภพย้ำอีกครั้ง

“อ่อ ปล่อยข้าก่อน ถ้าจะพูดถึงรุ่นพี่บุหรง เจ้ากับข้าต้องคุยนานเลยล่ะ”

เหนือภพยอมปล่อยข้าวเหนียวแต่โดยดี สำหรับข้าวเหนียวนั้น การพูดหรือการเล่านับเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งที่น่าตกตะลึง เขาสามารถเล่าเรื่องต่อเนื่องติดกันโดยที่ไม่หยุดพัก เริ่มตั้งแต่ความเป็นมาของรุ่นพี่บุหรงจนกระทั่งปิดท้ายด้วยเรื่องที่เหนือภพอยากรู้

“เรื่องความชอบของรุ่นพี่บุหรงนั้น ข้าเองก็ไม่รู้หรอก แต่เท่าที่สังเกตหรือได้ยินมา พี่บุหรงชอบดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ อ่ะแล้วเจ้าถามเรื่องนี้ทำไม”

‘เหล้างั้นเหรอ’

เหนือภพครุ่นคิด เขาแทบไม่ได้ยินคำถามที่ข้าวเหนียวถามกลับ เขากำลังคิดว่าจะหาเหล้าจากที่ไหน  หากไม่ใช่ช่วงเวลาที่วิทยาลัยกำหนด พวกเขาจะไม่สามารถออกจากเขตวิทยาลัยโดยพลการได้ ยิ่งเวลานี้ใกล้จะมืดค่ำแล้วด้วย ทางวิทยาลัยได้ปิดทางเข้าออกจนหมดแล้ว แน่นอนว่าหากเขาคิดจะหนีออกจากวิทยาลัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าจะออกไปแล้วกลับมาโดยไม่โดนจับได้ มันก็คงจะมียุ่งยากสักหน่อย

“เออนี่ ถ้าข้าอยากได้เหล้าตอนนี้ ข้าควรจะไปหามันจากที่ไหน”

“อาคารเรียนคหกรรมไง ไม่สิ...”

เหนือภพที่เตรียมตัวจะพุ่งออกไปทางประตูหยุดชะงัก เมื่อข้าวเหนียวพูดค้างคา

“ทำไม”

“ตอนนี้อาคารคหกรรมปิด ดังนั้นต่อให้เจ้าคิดอยากขโมยก็ยากที่จะเข้าไป ถ้าเจ้าอยากได้เหล้าจริง ๆ มีแค่ลุงภารโรงที่จะช่วยได้”

“ขอบใจนายมาก”

พูดจบเหนือภพก็เปลี่ยนใจ หันกลับไปกระโจนออกจากหน้าต่างห้องพักของตัวเอง โดยไม่รอช้า

“เฮ้ย !”

ข้าวเหนียวตกใจอ้าปากค้าง วิ่งตามไปดูทางหน้าต่าง เขาเห็นภาพของชายหนุ่มผมสีม่วงเข้มตกลงไปจากตึก 5 ชั้นอย่างรวดเร็ว เหนือภพย่อตัวแตะลงพื้น ก่อนจะลุกขึ้นมาเคลื่อนตัวหายไปในความมืด

ข้าวเหนียวได้แต่เกาหัวแกรก ๆ

‘อะไรของเขานะ แต่เดี๋ยวนะ ข้ากำลังจะมาทำอะไรที่นี่’

“อ่ะ แย่แล้ว สายแล้ว ๆ รุ่นพี่คนสวยของข้า”

ข้าวเหนียวลืมไปจนหมดสิ้นว่าเขากำลังจะมาเอาของ เขารีบวิ่งลงจากหอพักทันที ก่อนจะวิ่งออกจากเขตบ้านบุษราคัมไป

ในเวลานี้นักศึกษาปีหนึ่งส่วนใหญ่ต่างไปรวมกันที่ลานประลองส่วนกลางที่ 7 ที่กำลังมีรุ่นพี่ปีสามจากบ้านเพชร กับรุ่นพี่ปีสามจากบ้านนิลกาฬกำลังท้าประลองการหลอมแร่แปรธาตุกันอย่างดุเดือด บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน โดยเฉพาะรุ่นพี่สตรีบ้านเพชรที่เป็นสาวงามอ่อนช้อยผู้หนึ่ง ทั้งกิริยาการเคลื่อนไหว ล้วนทำให้เหล่าชายหนุ่มถึงกับเคลิบเคลิ้ม ส่วนรุ่นพี่สาวจากบ้านนิลกาฬเองก็ทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอไม่แพ้กัน แต่เธอนั้นตรงกันข้ามกับหญิงสาวบ้านเพชรอย่างสิ้นเชิง หากหญิงสาวบ้านเพชรเปรียบเสมือนผ้าขาวที่ไร้กิเลส เธอก็เปรียบเสมือนผ้าหลากสีที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหาที่น่าหลงใหล

หญิงสาวที่มีลักษณะเป็นขั้วตรงข้ามของกันและกัน กำลังแสดงปรากฏการณ์การหลอมแปรเปลี่ยนสสารแร่ธรรมดาให้กลายเป็นเลิศล้ำโดดเด่น จากก้อนแร่มากมายนับสิบชนิดที่ถูกตีค่าว่าเป็นเพียงก้อนหินไร้ค่า  พวกมันถูกนำมาหลอมรวมเป็นเม็ดแร่สีใหม่แปลกตา ที่อบอวลไปด้วยพลังปราณฟ้าดินแทรกซึมอยู่ทุกอณูของมัน

“นั่นมันแร่สี่สี นางหลอมมันขึ้นมาได้”

เมื่อมีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา ก็ทำให้สายตาทุกคู่หันไปจ้องหนึ่งในพวกเธอที่สร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่นี้  ทว่าฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ไร้ฝีมือ

“นั่น นางก็ทำได้เหมือนกัน ดูนั่น แร่สี่สีจริง ๆ ด้วย”

ณ โรงฝึกเก่าส่วนกลางของวิทยาลัย

เหนือภพมาปรากฏตัวที่โรงฝึกเก่า โดยไม่สนใจว่าคนอื่น ๆ กำลังฮือฮากับความสามารถของรุ่นพี่ หากเขาจำไม่ผิดลุงภารโรงน่าจะพักอาศัยอยู่แถวนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นบ้านหลังไหน เนื่องจากอาคารที่พักในละแวกนี้ที่แม้จะมีไม่หนาแน่นเท่าเขตการศึกษา แต่ก็ยังบ้านพักเล็ก ๆ เป็นจำนวนมาก แถมผู้คนในละแวกนี้ก็บางตา เพราะข่าวลือเรื่องโรงฝึกเก่า เรื่องราวอาถรรพ์อันไร้ข้อพิสูจน์ทำให้เวลาดึกดื่นค่ำคืน จึงไม่มีผู้คนมาเตร็ดเตร่ที่นี่

เหนือภพเดินไปเรื่อย ๆ แต่เขาเลือกที่จะไม่เดินไปตามเส้นทางปกติ เพราะหากมีคนมาพบเห็นก็ใช่ว่าจะดี โดยเฉพาะก่อนหน้านี้อาจารย์หลานไพลินมีเจตนาชัดเจนว่าต้องการจะสังหารเขาที่นี่ เขาจึงคิดว่าสถานที่ละแวกนี้ย่อมไม่ปกติแน่ ระมัดระวังเอาไว้บ้างก็ไม่เสียหาย

จู่ ๆ หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาเลือนรางคล้ายสิ่งมีชีวิตเคลื่อนผ่าน ความรู้สึกนั้นทำให้ขนทั่วร่างของเหนือภพลุกซู่ แม้เขาจะไม่ได้หวาดกลัว แต่ประสบการณ์ในอดีตทำให้เขารู้และเข้าใจว่าภูตผีปีศาจไม่ใช่แค่เรื่องเล่า มันมีตัวตนจริง ๆ

‘คงไม่ใช่มั้ง’

ต่อให้เขามีใจกล้าเทียมฟ้า แต่ด้วยบรรยากาศหลาย ๆ อย่างทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านในจิตใจพอสมควร

‘ไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่เคลื่อนไหวเร็วมาก ข้าเองยังแยกไม่ชัดว่าหญิงหรือชาย’

โชคดีที่เหนือภพไม่ใช่ตัวคนเดียว ภายในจิตวิญญาณของเขามีพญานาคอาศัยอยู่ และพญานาคก็ตื่นออกมาได้ประจวบเหมาะพอดี เหนือภพจึงมีเครื่องตรวจสอบทรงประสิทธิภาพไว้ใช้งาน

‘หรือจะเป็นภารโรง’

เหนือภพครุ่นคิด คนที่จะเคลื่อนไหวอยู่แถวนี้ก็คงมีแต่ภารโรงที่คอยดูแลความปลอดภัย ดังนั้นเหนือภพที่ต้องการเหล้าสักไหเพื่อนำไปเป็นของขวัญเรียนรู้วิชา จึงไม่คิดหน้าคิดหลังเท่าไหร่นัก เหนือภพตามการเคลื่อนไหวปริศนาไป โดยมีพญานาคคอยช่วยจับทิศทางผ่านกลิ่นกายของคนผู้นั้น

เหนือภพมาหยุดยืนอยู่ทางเข้าโรงฝึกเก่า พื้นที่ที่เป็นปริศนามายาวนานหลายสิบปี แม้เขาจะเคยเข้ามาครั้งหนึ่ง แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มกังวลอยู่บ้าง

‘ท่านแน่ใจเหรอ ว่าพวกมันมาทางนี้’

‘เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร ไอ้เด็กนี่ หาทางไปต่อเองก็แล้วกัน’

‘ห่ะ’

เหนือภพพ่นลมหายใจอย่างเซ็ง ๆ พอเขาพูดไม่ถูกใจเข้าหน่อยพญานาคก็น้อยใจปิดการสื่อสารทางจิต แบบนี้ทุกที ชายหนุ่มผมม่วงก้าวเดินเข้าไปในความมืด ด้วยความที่เขาไม่จำเป็นต้องนอนหลับนานเฉกเช่นผู้อื่น ทำให้เขาใช้ชีวิตกลางคืนเป็นเวลานาน สายตาสามารถปรับสภาพเข้ากับความมืดได้อย่างรวดเร็ว แม้ภาพที่เห็นจะไม่ชัดเจนเท่ากลางวัน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเคลื่อนที่ได้สะดวก หากเขาจำไม่ผิดในตอนนั้นที่หลานไพลินปรากฏตัว เธอไม่ได้เดินมาจากทางเข้า แต่ดูเหมือนเธอจะเดินออกมาจากด้านในโรงฝึกนี้มากกว่า

เหนือภพเดินเข้าไปสำรวจพื้นที่ด้านใน ไม่นานก็พบประตูทางเข้าออกจำนวนมาก ที่แบ่งแยกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทุกประตูถูกคล้องด้วยโซ่เหล็กหนา มีเพียงประตูไม่กี่ประตูที่ไม่ได้ล็อกเอาไว้ ชายหนุ่มสุ่มเปิดเข้าไปด้วยความสนใจ เขาพบกับบันไดวนที่นำขึ้นไปสู่ชั้นถัดไป

เคล้ง !

มีเสียงของบางอย่างตกกระทบ และมันไม่ใช่ฝีมือเหนือภพ เหนือภพขมวดคิ้วขณะก้มมองพื้น เสียงนั้นดังมาจากเบื้องล่าง แต่ที่น่าแปลกคือภายในนี้ไม่มีช่องทางใดเลยที่ลงไปสู่ชั้นใต้ดิน

เคล้ง ! เคล้ง ! เคล้ง !

เสียงปริศนายังคงดำเนินต่อไป แต่ครั้งนี้คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว และกำลังลากโซ่โลหะเส้นโตอยู่ เหนือภพพยายามหาที่มาของเสียง ขณะที่ภายในจิตเกิดความกลัวขึ้นมาวูบหนึ่ง ขนตัวทั่วลุกชัน

พญานาคที่เฝ้ามองอยู่ สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

‘นี่มีกลไก’

พญานาคเอ่ย ด้วยความรู้ความสามารถที่มีพญานาคสามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของพื้นที่ และสามารถค้นหากลไกได้ในภายในระยะเวลาอันสั้น พญานาคจึงบอกวิธีเปิดกลไกนั้น

เหนือภพลูบคลำรอยต่อเล็ก ๆ อย่างเบามือ มีเสียงคลิกเบา ๆ จากนั้นประตูกลไกก็เปิดออก จู่ ๆ อะไรบางอย่างก็พุ่งตรงเข้ามาหาเหนือภพ

“เห๊ย !”

พลั่ก !

อะไรบางอย่างที่ทั้งหนักและรุนแรงราวกับค้อนป้อนหนักหนึ่งตัน ซัดเข้าใส่ทรวงอกของเหนือภพ แม้ร่างของชายหนุ่มจะแข็งแกร่ง แต่ด้วยแรงมหาศาลขนาดนั้น เขาก็ถึงกับซวนเซถอยหลังกระอักเลือดออกมา  อะไรบางอย่างนั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจนสายตามนุษย์ทั่วไปมองไม่ทัน แต่สัญชาตญาณกระตุ้นให้เหนือภพตอบโต้ แม้เหนือภพจะหลบไม่ได้ในการโจมตีครั้งแรก แต่การโจมตีครั้งต่อไปเหนือภพก็ต้านรับได้ด้วยท่อนแขนอันแข็งแกร่ง ทว่าพละกำลังมหาศาลก็ทำให้เหนือภพซวนเซถอยหลังอีกครั้ง การต่อสู้กับสิ่งที่เร็วและมีกำลังมากแถมยังอยู่ในห้องที่มืดมิด การต่อสู้นี้ไม่เท่าเทียมเลย ครั้งนี้เหนือภพไม่ดึงดันสู้ต่อ เขาตัดสินใจรีบถอยไปที่ประตูบานที่เชื่อมกับโรงฝึกเก่า

แต่เหมือนกรรมซัด ประตูบานนั้นถูกล็อกจากด้านนอก

“บ้าเอ้ย”

เหนือภพรีบวิ่งขึ้นบันไดวน ขณะพยายามคิดหาคำตอบว่าอะไรกันแน่ที่โจมตีเขา พลังโจมตีรุนแรงแบบนั้นมันเกินมนุษย์แล้ว เหนือภพวิ่งไปอย่างไม่เหนื่อยหอบ พลางถามพญานาคในจิต

‘เห็นไหมมันคือตัวอะไร’

‘ลิง’

คำตอบสั้น ๆ ของพญานาคทำให้เหนือภพตกตะลึง เขาวิ่งขึ้นบันไดวนมาไม่รู้ว่ากี่รอบแล้ว แต่มันสูงชะลูดขึ้นไปข้างบน พักใหญ่กว่าที่เหนือภพจะเหยียบย่างขึ้นมาด้านบนสุดของโรงฝึก มันเป็นลานประลองโล่งกว้างท่ามกลางแสงจันทร์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด