บทที่ 14: แซลลี่ผู้เป็นข้ารับใช้
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 14: แซลลี่ผู้เป็นข้ารับใช้
ลานด้านนอกของวังภายในห้องทดลองของอัลดาซ ก็ได้มีเสียงกรีดร้องที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นในตอนเช้า
แม้แต่ยามผู้กล้าหาญและแข็งแกร่งที่อยู่ในระยะไกลก็ไม่อาจจะช่วยได้ พวกเขาได้แต่หวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง ในมุมมองของพวกเขาแล้ว พวกเขาต้องการที่จะเลือดออกหรือตายจากการรบมากกว่าทนทรมานจากการตายที่น่าสยดสยอง
มันก็เป็นการทดลองเกี่ยวกับตัวยาเหมือนเดิม แต่หน้าที่ผู้ให้และผู้ทดลองตัวยานั้นได้สับเปลี่ยนกันแล้ว
“ดื่มยานี้รู้สึกยังไงบ้าง?” เฉินรุยมองดูแซลลี่ผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้นและกำลังอ้าปากค้างเพื่อรับอากาศ
แซลลี่ได้แต่พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า“ท่านอาจารย์ ยาที่มีหญ้าทำลายวิญญาณแข็งแกร่งมา แซลลี่รู้สึกเหมือนศีรษะแตก ข้ากำลังจะตายแล้ว…”
“ไม่นะ นี้ข้าอ่านผิดเหรอเนี้ย มันควรจะเป็นยาที่ทำจากหญ้าวิงเวียนสิ” เฉินรุยแสดงใบหน้างงงวยออกมา “หรือว่าข้าใช้ปริมาณผิดหรือเปล่า? หรือเป็นเพราร่างกายอันแสนพิเศษของอิมป์ที่สามารถเปลี่ยนผลของหญ้าวิงเวียนให้มีผลข้างเคียงคล้ายกับหญ้าทำลายวิญญาณได้งั้นเหรอ? นี้มันไม่ถูกต้อง! สงสัยว่าข้าจะต้องตรวจสมองดู”
อิมป์ที่กำลังจะตายก็ได้หันกลับมามองเขาในทันทีและลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงเสื้อผ้าของเฉินรุยและอ้อนวอน“อาจารย์เคารพนับถือของ ทาสที่น่ารังเกียจของท่านแค่รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ข้าไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลย ยาเวียนหัวนั้นมีประสิทธิภาพมากมาก! กรุณาอย่าแยกสมองของแซลลี่ออกเลย!”
เมื่อแซลลี่พูดเสร็จ เขาก็เห็นเฉินรุยโยกขวดหนึ่งต่อหน้าต่อตาเขา ขวดระบุไว้อย่างชัดเจนว่า“หมายเลข 81 น้ำยาปลุกให้ตื่น” มันเป็นยาปรุงพิเศษสำหรับคนที่มีอาการวิงเวียนศีรษะและง่วงนอน!
แซลลี่อยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน คนอื่นๆนั้นก็มักจะบอกว่าคำว่าน่ารังเกียจก็มีความหมายเหมือนกับตัวตนของอิมป์ แต่ดูยังไงมนุษย์คนนี้มันยังสามารถน่ารังเกียจได้มากกว่าอิมป์ซะอีก!?
“เจ้านายผู้แสนจะมีอำนาจเหนือล้น ภูมิปัญญาของท่านเปรียบได้กับท้องฟ้ายามค่ำคืนของอาณาจักรมาร! ผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยของท่านไม่ควรตามืดบอดด้วยความหวาดกลัว ครั้งต่อไปถ้าอาจารย์ปล่อยให้แซลลี่ไปที่ทะเลสาบสีน้ำเงิน ข้าก็จะนำมังกรพิษกลับมาด้วย!” อิมป์เริ่มใช้คำเยินยอที่มากมายของเขาทันทีพร้อมด้วยความทุ่มเทและภักดี มันตรงกันข้ามกับการกระทำที่ผ่านมาของ “อาจารย์แซลลี่” มากเลย
แกจะนำมังกรพิษกลับมาใช่มั้ย? เฉินรุยยิ้มและพูดขึ้นว่า“ถ้าหากข้าไม่ได้ทำสัญญาบ่าวทาสเมื่อสองสามวันที่แล้ว อาจารย์แซลลี่คงจะดื่มเลือดของข้าและกินเนื้อของข้าไปแล้วใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อิมป์ตนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า นั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายของแซลลี่ อาจารย์เกาส์ที่เก่งกาจได้รับคำสั่งของราชินีและมาหาแซลี่พร้อมกับมนุษยผู้นี้ เกาส์เป็นลิชที่มีความเชี่ยวชาญ ด้วยความช่วยเหลือของเขา ทำให้แซลลี่ถูกบังคับให้ทำสัญญาบ่าวทาสกับมนุษย์ ถ้าแซลลี่กล้าท้าทายเฉินรุย เขาจะถูกลงโทษหนักและตาย
อิมป์ตนนี้ได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง เมื่อเขากำลังจะประจบประแจงเจ้านายคนใหม่ของเขาต่อ เฉินรุยก็กล่าวขึ้นมาว่า“แซลลี่ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อ แต่พอวันที่ข้าได้บอกความลับกับเจ้าหญิงน้อยเรื่องของปรมาจารย์ลึกลับ เจ้าเองก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อเจ้าหญิงสูงสุดได้เรียกพบข้า ท่านก็ต้องการที่จะกำจัดเจ้าให้พ้นทาง ก่อนที่ข้าจะเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริง ข้าไม่สามารถเปิดเผยความลับนี้ได้ เจ้านะจะต้องตายไปแล้ว แต่ข้าก็ช่วยไว้”
แซลลี่รู้สึกตกใจมาก เขานึกได้ทันทีถึงข่าวลือเรื่องความเหี้ยมโหดของเจ้าหญิงและตัวของเขาก็สั่นเทาทันที ดูเหมือนว่าสิ่งที่เจ้านายคนใหม่ของเขาพูดออกมานั้นจะถูกต้อง แล้วจะเป็นยังไงถ้าเขาถูกช่วยโดยมนุษย์ผู้นี้ ในอาณาจักรมารที่ยึดกฏผู้แข็งแกร่งที่สุด ในขณะที่เผ่าพันธุ์อิมป์เป็นที่รู้จึกในเรื่องการถูกกลั่นแกล้งและอ่อนแอ ตอนนี้ข้า มาสเตอร์แซลลี่กำลังกลายเป็นข้ารับใช้ของมนุษย์ที่อ่อนแอยิ่งกว่าข้าเสียอีก!
ในบรรดาของอิมส์หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ของอาณาจักรมารทั้งหมด นี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!
เฉินรุยดูเหมือนจะอ่านใจของแซลลี่ได้ก็ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า“แซลลี่ ชีวิตของเจ้าตอนนี้อยู่ในมือของข้าแล้ว หากข้าต้องการแก้แค้นจากการกระทำที่ไม่ดีของเจ้าก่อนๆหน้านี้ เจ้าก็คงจะต้องถูกทรมานจนตายแล้วในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวไม่ต้องการทำแบบนั้นหรอก ราชินีได้ให้สัญญากับข้าเป็นการส่วนตัวว่า เมื่อข้าไปถึงระดับปรมาจารย์ได้ ข้าจะได้รับเกียรติและอำนาจเช่นเดียวกับอาจารย์อัลดาซ สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้ไม่ใช่เรื่องตัวทดลองหรือตัวตลกที่ทำให้สนุก แต่เป็นผู้ติดตามที่จริงใจและภักดี”
แซลลี่เริ่มคิดถึงเรื่องนี้ อันที่จริงมนุษย์คนนี้ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากราชินีและอาจารย์อัลดาซ อนาคตของเขาสดใสมาก ถ้ามันเป็นผู้ติดตามอาจารย์คน ไม่ใช่ความอัปยศที่รอมันอยู่ แต่เป็นเกียรติยศต่างหาก
แซลลี่ค่อนข้างตื่นเต้นพอสมควร อิมป์เป็นมารระดับต่ำที่อยู่ที่ด้านล่างสุดของอาณาจักรมาร พวกมันอ่อนแอและมักถูกกดขี่จากผู้อื่น ในตอนแรกที่ห้องทดลอง แซลลี่เป็นเพียงเด็กไปทำธุระและไม่ใช่คนรับใช้ ในตอนนี้มีโอกาสทองรออยู่ตรงหน้ามัน มันจะนิ่งเฉยอยู่ใย?
“ท่านอาจารย์ ท่านต้องการให้แซลลี่ทำอะไร?” อิมป์สังเกตว่าเจ้าของของมันไม่สนใจคำเยินยอ ดังนั้นมันจึงใช้คำพูดที่ง่ายขึ้นและถามด้วยความเคารพ
เฉินรุยค่อนข้างพอใจกับสติปัญญาของแซลลี่ เขาได้ใช้ยุทธการแครอทและกลวิธีที่เรียนรู้มาจากราชินีเชีย เขาจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าอิมป์ตัวนี้จะไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ใช้แกเป็นตัวลองอีกแล้ว แต่แกจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรแล้วเก็บสมุนไพรต่างๆตามคำแนะนำของข้า นอกจากนี้แล้ว แกจะต้องไปศึกษาอะไรหลายๆอย่างด้วย”
ทันใดนั้นดวงตาเล็กๆของแซลลี่ก็สว่างขึ้น การรวบรวมสมุนไพรเป็นหน้าที่ของลูกศิษย์แล้ว และอาจารย์คนนี้ก็ยังต้องการให้เขาไปศึกษาเรื่องราวพวกนี้อีก ดูเหมือนว่าแผนการทำให้มันอยู่ในฐานะเป็นผู้ติดตามเป็นเรื่องจริง อิมป์ตนนี้ได้แต่คุกเข่าพร้อมกับแสดงความภักดี จากนั้นมันก็จำได้ว่าเจ้านายของตนไม่ชอบ ดังนั้นมันจึงหยุด แล้วมันก็แสดงเพียงแค่ว่ามันเชื่อฟังและมองอย่างเคารพเท่านั้น ซึ่งมันก็อดไม่ได้เลยที่จะแสดงความเคารพออกมาทางภาษากายด้วย
เฉินรุยรู้สึกสนุกกับท่าทางของแซลลี่ ด้วยสัญญาหลักของนายบ่าวและกลยุทธ์แครอท ในที่สุดมันก็สำเร็จ แม้ว่าเขาจะตั้งหลักในเมืองพระจันทร์ดับได้ด้วยปัญญาของเขา แต่เขาก็ยังคงเป็นมนุษย์ นอกจากนี้แล้ว ส่วนสุดท้ายของความคืบหน้าในการเริ่มระบบสุดยอดยังอาจต้องใช้สมุนไพรมากขึ้นในการทดสอบ ซึ่งการมีแซลลี่มาจัดการธุระส่วนนี้ช่วยทำให้ปัญหาลดลงได้เยอะพอสมควร
“งั้น แกเอานี้ไปอ่าน” พื้นฐานของสมุนไพร“จากอาจารย์ ก่อนอื่นก็ต้องเรียนรู้เรื่องของสมุนไพรก่อน” เฉินรุยมอบหนังสือเล่มหนาให้กับแซลลี่
แซลลี่รู้สึกเบิกบาเนป็นอย่างยิ่ง นั่นคือหนังสือของอาจารย์อัลดาซ! มันได้ยินมาว่ามีเด็กฝึกงานธรรมดาๆสายเล่นแร่แปรธาตุต้องจ่ายค่าเล่าเรียนจำนวนมาก เพื่อที่จะได้เรียนรู้ แต่เจ้านายของมันมอบมาให้ทั้งอย่างนี้เลย! อิมป์ตัวนี้ได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความขอบคุณ มันรับมาด้วยความเคารพและก้มลงไป
เฉินรุยไม่ต้องการหนังสืออีกต่อไปแล้ว หลังจากจิตวิญญาณของเขาได้มายังโลกใบนี้และผสานเข้ากับจิตสำนึกของอาเธอร์ ความทรงจำของเขาก็ดีขึ้นอย่างมาก จิตใจของเขาเองยิ่งชัดเจนยิ่งกว่า เมื่อรวมกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากสัญญาชีวิตแล้ว ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาก็ได้จดจำทุกสิ่งใน "พื้นฐานของสมุนไพร" ทั้งหมด
พอระบบสุดยอดได้เปิดขึ้นมามันก็คงจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ยิ่งเปิดระบบเร็วยิ่งดี แต่การใช้พิษซ้ำๆมันไม่สามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้ แม้แต่พิษอันแสนร้ายกาจของปากลีโรเองก็ไม่ต่าง พิษของห้องทดลองก็ได้ใช้เกือบหมดแล้ว เฉินรุยต้องการที่จะเข้าใจองค์ประกอบของยาและลองทำยาใหม่ เพื่อที่จะเปิดระบบสุดยอดให้เร็วที่สุด ในตอนนี้ เขายังไม่ได้ทดสอบว่ามีวิธีอื่นไหมที่จะช่วยเร่งความก้าวหน้าของระบบ หรือไม่อย่างนั้น เขาคงจะได้แค่ปรุงยาไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง
แซลลี่เดินเข้ามาอีกครั้งแล้วพูดว่า“ท่านอาจารย์ ท่านหญิงอาเธน่าได้มาที่นี่แล้ว”
อาเธน่าเดินเข้าไปในห้องทดลองและสังเกตว่าอัลดาซไม่อยู่ ดังนั้นนางจึงถามขึ้นมาว่า“อาจารย์อยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?”
“อาจารย์ศึกษาหมุดไพ่เดี่ยวทั้งคืน เขายังคงหลับอยู่”
วันก่อนๆนั้น เฉินรุยได้สร้างหมุดไพ่เดี่ยวด้วยความช่วยเหลือของแซลลี่และมอบให้อัลดาซ ดังนั้นอัลดาซจึงเหมือนกับได้รับสมบัติล้ำค่าและศึกษามันในทันที เฉินรุ่ยสงสัยว่า หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงจะเปลี่ยนจากอาจารย์ปรุงยากลายเป็นอาจารย์ด้านเครื่องกลแล้ว
อาเธน่าเองก็กล่าวขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรนัก:“อ้อ เป็นอย่างนั้นเองสินะ อลิซได้มาหาท่านเมื่อสองสามวันนี้ไหม?”
“นางมาแล้ว” เฉินรุยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเบี้ยวๆ “เมื่อวันก่อน ข้าได้ให้หมุดไพ่เดี่ยวกับนางไป แต่นางก็ยังต้องการของใหม่ๆแทบทุกวัน ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป สมองของข้าต้องพังแน่เลย ว่าแต่เจ้ายังอยากฟังเรื่องราว”สามก๊ก“อีกหรือเปล่า?”
ดวงตาของอาเธน่าสว่างวาบขึ้นและนางก็ได้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เฉินรุยได้รู้ถึงรสนิยมของนาง ดังนั้นเขาจึงเลือกตัดตอนมาจาก“สามก๊ก” สองสามเรื่องเพื่อเล่าให้นางฟัง แน่นอน เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆเขาจึงต้องเปลี่ยนชื่อหรือเสริมเติมแต่งอะไรเข้าไปด้วยมากมาย อย่างความสามารถของขุนศึกก็มากล้นราวพระเจ้า เช่นง้าวมังกรเขี้ยวเสี้ยวพระจันทร์ของกวนอู่ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ การตวัดครั้งเดียวสามารถฆ่าคนได้หลายพันคน แค่เตียวหุยหาวก็สามารถทำให้น้ำตกไหลไปทางด้านหลังได้ ลิโป้เองก็มีเวทย์มนต์น้ำที่มีความสามารถมากถึงทำให้น้ำตาของเขาไหลไปได้หลายพันไมล์ ...
อาเธน่านั้นชื่นชมผู้แข็งแกร่งที่มีพลังทางกายภาพที่พิเศษ ดังนั้นเขาจึงได้นำเรื่องพวกนี้มา นางมาที่ห้องทดลองแทบทุกวัน ซึ่งเฉินรุยก็ได้นำเรื่องพวกนี้มาเล่าให้นางฟังและบอกให้เก็บเป็นความลับระหว่างพวกเขา
“เดี๋ยวก่อนนะ วันนี้…ต้องไปที่ทะเลสาบสีฟ้า” ทันใดนั้น อาเธน่าก็นึกถึงความตั้งใจของนางที่ได้มายังที่นี่ แต่นางก็พึ่งจะนึกขึ้นได้ “เล่าให้ข้าฟังตอนทางกลับด้วยนะ ได้ไหม?”
เฉินรุยนึกถึงบางสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ เขามีชีวิตที่ยอดเยี่ยมมากในสองสามวันนี้ เขาเกือบจะลืมเรื่องจารึกมังกรไปเสียสนิท ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ข้าได้เตรียมแรดสามเขาไว้เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ!”
แซลลี่ส่งเจ้านายของมันและอาเธน่าออกไป ตัวมันรู้สึกประหลาดใจมาก อาจารย์อยู่ในอาณาจักรมารมามานานเท่าไหร่แล้ว? ท่านอาเธน่าได้มาที่นี่แทบจะทุกๆวันเลยด้วยซ้ำ! อย่างที่ทุกคนรู้ อาเธน่าคือคนที่ไม่ใช่ใครจะเข้าใกล้ได้ แม้แต่นายพลอลันก็ตามที ...
ด้วยความชื่นชมต่ออาจารย์ของเขา ความเคารพของเขายิ่งทวีมากขึ้นไปอีก เขาได้แต่คิดถึงอนาคตอันสดใสของเขาในฐานะ “ผู้ติดตามของอาจารย์”
ที่นอกวัง ทั้งสองกำลังนั่งอยู่บนแรดสามเขา คราวนี้ทั้งคู่มาพร้อมกับอานม้าและโกลนครบชุด เห็นได้ชัดว่าการปฏิบัติกับมนุษย์ผู้นี้นั้นแตกต่างจากครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิง หลังจากออกจากเมืองเรียบร้อย ทั้งสองก็มุ่งตรงไปที่ทะเลสาบสีน้ำเงิน
พอมาถึง เฉินรุยก็ตกใจมากที่เห็นมังกรในร่างมนุษย์ที่กำลังหมกหมุ่นอยู่กับหมุดไพ่เดี่ยว เห็นได้ชัดเลยว่าเขาคงจะใช้พลังงานไปกับมันสองสามวันแล้ว
พอเห็นแบบนี้ เฉินรุยจึงขอให้อาเธน่ารอไกลๆ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปเพียงคนเดียว
เมื่อปากลีโรเห็นเขา เขาก็ถามออกมาอย่างอารมณ์เสีย “เจ้าเป็นใคร?”
เฉินรุยรู้สึกใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม ความจำทรงแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่นี่มันไม่มากเกินไปหรือไง! ดูยังไงนี้ก็อาการของอัลไซเมอร์ชัดๆ!