บทที่ 44 เปลี่ยนไปผลิตสินค้าชนิดใหม่(อ่านฟรี31-01-2021)
บางที่เทพอาจพึ่งนึกได้ว่าต้องทำงาน หลังเที่ยงวันพายุฝนก็เริ่มตกลงมา
เม็ดฝนขนาดเล็กตกกระทบร่างกายสร้างรอยสีชมพูขนาดเล็กขึ้นมา เสียงฝนกระทบหลังคาดังตามมาไม่ขาดสาย
“นี่มีฝนรั่วลงมามากขนาดนี้เลยเหรอ” ซูยี่เงยหน้าขึ้นมองหลังคาด้วยความกังวล
“มันอาจจะรั่วบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก” ไฮนซ์ที่อยู่ด้านข้างตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
ตอนนี้ข้างนอกมืดครึ้มเพราะพายุฝนระยะการมองเห็นด้านนอกหน้าต่างมีไม่เกินสิบเมตร
ในโรงงานตอนนี้คนงานได้ออกไปแล้ว เหลือเพียงซูยี่ ไฮนซ์ เซบาสและแคมบี้สี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่ โรงงานตอนนี้จึงเงียบเป็นอย่างมาก
เสียงของเม็ดฝนที่ตกลงบนหลังคาดังก้องไปทั่วโรงงานราวกับเสียงกลอง
“ไม่เลย หลังคารั่วนี่เป็นปัญหาใหญ่เลยล่ะ” ซูยี่ส่ายหัว “ไฮนซ์การผลิตเครื่องจักรต้องการการทำงานที่แม่นยำ หากมีฝนรั่วลงมาจะทำให้เกิดสนิทและจะทำให้รูปแบบเวทมนตร์ภายในเสียหายและอาจจะทำให้เครื่องจักรเวทมนตร์พังเลยก็ได้ ดังนั้นเราจะต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังที่สุด”
ไฮนซ์เงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? สิ่งเหล่านี้ล้วนทำมาจากเหล็กแค่เปียกนิดหน่อยมันควรจะเป็นปัญหามากขนาดนั้นนะ”
แคมบี้มองไปที่ซูยี่ด้วยท่าทางสับสนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเอะอะกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
ในฐานะคนแคระที่ทำงานอยู่กับเหล็ก ในชีวิตของแคมบี้เขาคุ่นเคยกับเหล็กมามากกว่าซูยี่ เขาไม่เห็นว่าแค่เหล็กเปียกฝนแค่นี้มันจะภูกทำลายได้
มีเพียงเซบาสเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนการแสดงออกใดๆสีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ซูยี่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ไม่ต้องพูดถึงเหล็กกล้าไร้สนิม ที่นี่ไม่มีแม้แต่เทคโนโลยีป้องกันสนิม ด้วยเหตุนี้เหล็กจำนวนมากจึงด้อยค่าลงไป
เมื่อมองไปที่กองพัดลมเวทมนตร์ที่ทำเสร็จแล้วในมุมของโรงงานซูยี่ก็ได้แต่ส่ายหัว
ไม่มีทางเลือกเขาเป็นเพียงวิศวกรเครื่องกล แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องการค้นคว้าวัสดุเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดนั้น เขาไม่สามารถนำสูตรทำพลาสติกออกมาได้ไม่เช่นนั้นถ้าปลอกด้านนอกของพัดลมเวทมนตร์ทำจากพลาสติก ไม่เพียงแต่จะต้านทานสนิมได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมากในขณะที่ยังทำให้สวยขึ้นอีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลดต้นทุนลงอย่างมากและยังเพิ่มผลกำไรอีกด้วย
มันเป็นเรื่องดีที่ตอนที่เขาออกแบบพัดลมเวทมนตร์ ซูยี่ได้พิจารณาเรื่องการกันน้ำแล้ว ส่วนแกนกลางได้รับการกันน้ำอย่างเข้มงวดมากดังนั้นหากโดนน้ำมันก็จะไม่พังแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นรูปแบบเวทมนตร์ยังจารึกขึ้นจากวัสดุเวทมนตร์พิเศษ เมื่อสร้างรูปแบบเวทมนตร์แล้วเว้นแต่วัสดุที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์จะถูกทำลายมันก็ยากมากที่รูปแบบเวทมนตร์จะถูกทำลาย ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้มากนัก
“นอกเหนือจากสาเหตุที่ผลิตภัณฑ์อาจเสียหายแล้วโรงงานนี้จะต้องได้รับการปรับปรุงใหม่ มิฉะนั้นเมื่อเกิดการรั่วไหลอีกจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของคนงาน” ซูยี่ยังคงยืนกรานในความคิดเห็นของเขา“ไฮนซ์จัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
เมื่อเห็นว่าซูยี่มั่นคงแค่ไหนไฮนซ์ทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะปัญหานี้เอาไว้ก่อนพวกเจ้าจะพูดเรื่องอะไร”ซูยี่ถาม
ในฐานะสมาชิกคนสำคัญของบริษัท ทั้งสี่คนได้พักหลังจากที่คนงานทั้งหมดออกไปจากโรงงานแล้ว นอกเหนือจากการสรุปทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับบริษัทในเดือนที่แล้วพวกเขายังวางแผนว่าจะขยายบริษัทยังไง
“แคมบี้บอกว่าการใช้งานเครื่องจักรเวทมนตร์มันง่ายเกินไป คนแคระหลายคนบ่นว่ามันน่าเบื่อเกินไปและพวกเขาไม่มีสิ่งที่ต้องทำ” ไฮนซ์ตอบ
“ถูกต้องพี่น้องหลายคนบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากนัก การที่พวกเขาได้เงินมากขนาดนี้ทำให้พวกเขาละอายใจ” แคมบี้เกาหัวและพูดด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างเขินอาย
ซูยี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
คนแคระเหล่านี้เรียบง่ายจริงๆ พวกเขาไม่พอใจที่งานของพวกเขาง่ายเกินไปและยังบ่นอีกว่าค่าจ้างของพวกเขาสูงเกินไปอีก
“แคมบี้ขอให้พวกเขามั่นใจได้ว่าแม้ว่าตอนนี้งานจะยังไม่หนัก แต่นั่นเป็นเพราะคนนอกยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของเครื่องจักรเวทมนตร์ เจ้าต้องรออีกสักหน่อยและเมื่อประธานฟาร์ซัคสร้างโรงงานในเมืองซาลตั้นเสร็จ ข้าสามารถสัญญาได้ว่าเครื่องจักรเวทมนตร์จำนวนมากจะถูกส่งออกไป ถึงเวลานั้นก็อย่าบ่นข้าแล้วกันที่งานมันหนักเกินไป”
แคมบี้แสยะยิ้มและโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ“จะเป็นไปได้ยังไง? พวกเราคนแคระสามารถทนกับความทุกข์ทรมานได้ดีที่สุดตราบใดที่มีไวน์ให้ดื่มก็ไม่มีปัญหาไม่ว่าจะมีงานมากแค่ไหนก็ตาม”
“พูดถึงไวน์… .. แคมบี้แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้าชอบไวน์เป็นพิเศษ แต่เจ้าต้องไม่ดื่มในเวลาทำงานอยู่เพราะเครื่องจักรที่เจ้ากำลังผลิตอยู่นั้นต้องมีความแม่นยำมาก ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ดังนั้นเจ้าต้องคอยเตือนพวกเขาอยู่เสมอขณะทำงาน หอการค้าเฟรสเทคของเรายังคงเป็นบริษัทขนาดเล็กในขณะนี้เราต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเราในช่วงที่เรากำลังพัฒนา”
แคมบี้พยักหน้า“เอาล่ะข้าจะบอกพวกเขาเมื่อข้ากลับไป พวกเขาต้องดื่มหลังจากเลิกงานและไม่ดื่มขณะทำงาน”
ซูยี่ขมวดคิ้ว“แค่คำเตือนยังไม่เพียงพอ เกี่ยวกับเรื่องนี้เราจะตั้งกฎ หากพบว่ามีคนดื่มเหล้าขณะทำงานครั้งแรกจะถูกปรับห้าสิบเหรียญเงินครั้งที่สองจะถูกปรับ 2 เหรียญทองและครั้งที่สามจะถูกปรับค่าจ้างตลอดทั้งเดือน”
“นี่มันไม่เกินไปเหรอ” แคมบี้ตกตะลึง“ประธาน พี่น้องเหล่านั้นปฏิบัติกับแอลกอฮอล์เหมือนชีวิตของพวกเขา ข้ากลัวว่าเมื่อตั้งกฎนี้แล้วอาจมีหลายคนที่ไม่ได้รับค่าจ้างของเดือนนั้นๆ”
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าปฏิบัติกับแอลกอฮอล์เหมือนชีวิตของเจ้าดังนั้นกฏมันต้องร้ายแรงขนาดนี้แหละ” ซูยี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“ไม่ว่าจะอย่างไรคุณภาพของผลิตภัณฑ์ก็สำคัญที่สุด หากมีปัญหาด้านคุณภาพเนื่องจากปัญหาส่วนตัวก็ควรได้รับการลงโทษเพราะปัญหานี้”
เมื่อเห็นว่าซูยี่จริงจังแค่ไหน แคมบี้ก็ทำได้แค่ก้มหัวลงอย่างช่วยไม่ได้
“เอาล่ะข้าจะบอกให้ชัดเจน”
“แน่นอนกฎนี้ไม่ได้ใช้กับพี่น้องคนแคระของเจ้าเท่านั้น ไฮนซ์กฎนี้ใช้กับโรงงานพัดลมเวทมนตร์ของเจ้าด้วย”
ไฮนซ์รู้ว่าซูยี่เพียงแค่สร้างความยุติธรรม เขาจึงตอบตกลงทันที
“แคมบี้เจ้าไม่จำเป็นต้องหดหู่ขนาดนั้น นอกจากนี้ยังมีรางวัลที่มาพร้อมกับการลงโทษ บอกพี่น้องคนแคระของเจ้าว่าถ้าพวกเขาทำงานได้อย่างถูกต้องข้าสามารถใช้ชื่อบริษัทสั่งซื้อไวน์จำนวนมากจากคฤหาสน์ซาจิ หากเจ้าต้องการไวน์นั่นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเจ้า”
ดวงตาของแคมบี้สว่างขึ้นทันที“เจ้าพูดจริงเหรอ”
“ข้าหลอกเจ้าให้ได้อะไรล่ะ”
รูปลักษณ์ที่ดูท้อแท้ของแคมบี้หายไปอย่างไร้ร่องรอยจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา
“ ดีดีนี่ดีจริงๆ! ข้ากล้าสัญญาว่าตราบใดที่พี่น้องได้ยินเกี่ยวกับไวน์ของคฤหาสน์ซาจิพวกเขาจะทำงานอย่างกระตือรือร้น!”
“ก็ดีแล้ว”ซูยี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนที่จะหันไปหาไฮนซ์และพูดว่า“เอาล่ะเราคุยกันเกี่ยวกับโรงงานผลิตเครื่องจักรเวทมนตร์เสร็จแล้วงั้นเรามาพูดถึงโรงงานพัดลมเวทมนตร์กันเถอะ”
ไฮนซ์ยื่นมือออกมาทันทีและพูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า“ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับโรงงานพัดลมเวทมนตร์ของเรา พวกทาสเชื่อฟังมากจะไม่มีปัญหาใด ๆ เลย”
แคมบี้มองไปที่ไฮนซ์ นี่ดูเหมือนเป็นการดูถูกทางอ้อม
ซูยี่โบกมือด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น แม้ว่าคนแคระจะทำงานที่นี่มาหนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคระหว่างมนุษย์และคนแคระอยู่
ต้องใช้เวลาเท่านั้นก่อนที่อุปสรรคนี้จะคลี่คลายลงได้
“ไม่ไฮนซ์ปัญหานี้เกี่ยวกับโกดังเก็บเครื่องจักรเวทมนตร์ไม่ใช่คนงาน แต่เป็นสิ่งที่พวกเขากำลังผลิตต่อไป”
ไฮนซ์ประหลาดใจ“ไม่มีปัญหากับการผลิตแต่อย่างใดทุกอย่างราบรื่นดี”
“ความหมายของข้าไม่ใช่ว่าการผลิตไม่ราบรื่น เจ้าคงลืมปัญหาที่สำคัญมากไป เจ้าลืมไปแล้วรึว่าพัดลมเวทมนตร์จะหยุดการผลิตในเร็วๆนี้น่ะ”
"หา?" ไฮนซ์ตกใจและจู่ๆเขาก็ลุกขึ้น“หยุดการผลิตเหรอ? จะเลิกผลิตทำไมพัดลมเวทมนตร์ขายดีขนาดนี้ทำไมต้องเลิกผลิตล่ะ”
แคมบี้และเซบาสที่อยู่ด้านข้างต่างก็มองไปที่ซูยี่ด้วยความสับสน
พัดลมเวทมนตร์ความเร็วแปลผันเพิ่งผลิตได้ไม่ถึงครึ่งเดือนและขายไปแล้วกว่าหกพันตัวสร้างผลกำไรให้กับบริษัทมากกว่าห้าพันเหรียญทอง เหตุใดทั้งๆที่มียอดขายที่ดีเช่นนี้ซูยี่จึงต้องการหยุดการผลิตกัน
ซูยี่ชี้ไปที่หน้าต่าง“เพราะฤดูร้อนกำลังจะผ่านไป”
ทั้งสามเข้าใจทันที
ถูกต้องตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนสิงหาคมและฤดูร้อนกำลังจะผ่านไปในไม่ช้า อย่างดีที่สุดอากาศร้อนจะอยู่ได้เพียงหนึ่งเดือน
เมื่ออากาศไม่ร้อนอีกต่อไปความปรารถนาของผู้คนที่จะซื้อพัดลมเวทมนตร์จะลดลงอย่างมากและเกือบจะเป็นศูนย์
เมื่อถึงเวลานั้นการที่ไม่มีใครซื้อพัดลมเวทมนตร์โดยธรรมชาติแล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องผลิตมันอีกต่อไป
เมื่อเขาคิดเช่นนี้แล้วไฮนซ์ก็รู้สึกกังวลทันที
“แล้วเราจะทำอย่างไร? ซูยี่ พัดลมเวทมนตร์เป็นสินค้าที่ทำกำไรได้มากที่สุดของเราหากหยุดการผลิตเราจะพึ่งพาอะไรเพื่อหารายได้? เราต้องเร่งหาวิธีแล้วล่ะมิฉะนั้นเราจะต้องรอจนถึงฤดูร้อนปีหน้าก่อนที่จะเริ่มทำงานอีกครั้ง? แต่พอถึงเวลานั้นพัดลมเวทมนตร์เลียนแบบคงจะมีออกมามากมาย ตอนนั้นเราคงขายไม่ได้มากเท่าตอนนี้แน่!”
แคมบี้ดึงไฮนซ์กลับมา“เจ้าจะกังวลอะไร? เนื่องจากประธานได้ตั้งคำถามนี้แสดงว่าเขามีวิธีการอยู่แล้ว เจ้าแค่ต้องฟังเขา”
ไฮนซ์ดันแคมบี้ออกไปและพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า“แน่นอนสิเจ้าไม่กังวลเรื่องนี้หนิ!โรงงานเครื่องจักรเวทมนตร์ของเจ้าจะมีสิ่งงต่างๆให้ทำเสมอ แต่แล้วข้าล่ะ?” หลังจากพูดสิ่งนี้เขาก็หันไปหาซูยี่และกระตุ้นเขาว่า“ ซูยี่เจ้ามีวิธีแก้ปัญหาบ้างไหม? พูดเร็ว ๆ ข้าจะตายเพราะความวิตกกังวลอยู่แล้ว!”
ซูยี่ตบไหล่และส่งสัญญาณให้เขาสงบสติอารมณ์ลง
“แน่นอนว่ามีทางออก เนื่องจากเราไม่สามารถผลิตพัดลมเวทมนตร์ได้อีกต่อไปเราจึงต้องสร้างสินค้าใหม่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฤดูการขึ้นมา”
เมื่อได้ยินว่ามีทางออกดวงตาของไฮนซ์ก็สว่างขึ้นทันที“สินค้าอะไร?”
ซูยี่หัวเราะขณะที่เขาหยิบพิมพ์เขียวออกมาจากหน้าอกของเขา“สิ่งนี้ไง”