บทที่ 13:พี่สาวราชินีผู้แสนเย็นชา
บทที่ 13:พี่สาวราชินีผู้แสนเย็นชา
ในไม่ช้า เคียก็ตื่นขึ้นมา ในขณะที่ทั้งกลุ่มได้ขี่แรดไปยังเมืองพระจันทร์ดับ เฉินรุยก็รู้สึกตกใจกับการแสดงของอลิซตลอดทั้งทาง อลิซพอใจมากกับ“ชัยชนะ” ของนางและนางก็เหมือนกับอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด
เมื่อมาถึงประตูเมือง นายพลอลันก็ได้หยุดพวกเขาทั้งสี่อีกครั้ง เพราะเจ้าหญิงได้เรียกเฉินรุยเข้าพบ เขาได้ปล่อยให้พวกเขาไปยังห้องประชุมของวังโดยเร็วที่สุด มารมากมายได้ส่งสายตาอิจฉาไปยังเขา เพราะชายคนนี้แต่เดิมเป็นนักโทษ เหตุใดเขาจึงโชคดีที่ได้รับการยกย่องจากท่านอาจารย์อัลดาซกัน ตอนนี้เขายังถูกเรียกตัวโดยเจ้าหญิงเชียอีก!
เฉินรุยได้เรียนรู้จากอาเธน่าว่า เจ้าหญิงเชียเป็นผู้ปกครองที่แน่วแน่และไร้ความปรานี นางนั้นเหมือนกับลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืน ทุกคนในเมืองพระจันทร์ดับเคารพนางอย่างยิ่ง เขารู้ว่า เมื่อข่าวที่ว่าเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นศิษย์ของอัลดาซ เขาก็จะได้รับความสนใจจากเจ้าหญิง แต่เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่า จะถูกเรียกตัวเร็วขนาดนี้ มันทำให้เขากังวลพอสมควร
เมื่อเข้าสู่ประตูวัง อลิซก็พาเขาไปที่ด้านข้างและพูดใกล้ๆหูเขาว่า“อย่าบอกพี่สาวของข้าว่าข้าพูดอะไรในเรื่องแบบนี้ตลอดทางล่ะ ไม่งั้นข้าจะตัดอัณฑะของเจ้าซะ!” ”
แม้ว่าแรงกดดันของนางจะมหาศาล แต่เฉินรุยก็สังเกตเห็นว่านางกำลังกลัวอยู่ ขอบคุณพระเจ้า สิ่งที่อาเธน่าพูดนั้นถูกต้อง เจ้าหญิงน้อยแปลกๆคนนี้ก็ต้องโดนกรรมตามสนองซะบ้าง
เฉินรุยทนความรู้สึกคันที่หูของเขาและจงใจกระซิบถามว่า“ถ้างั้นข้าจะไม่ต้องรับผิดชอบเจ้าอีกแล้วงั้นเหรอ? ทั้งเด็กในท้องของเจ้าด้วย ...”
“ยังกล้าพูดอีกนะ!” โลลิน้อยมองจ้องไปที่เขา “เจ้าฝันกลางวันใช่ไหม? อาเธน่าอยู่ตรงนั่น ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรกับข้าจริงๆ มือของเจ้าก็จะไม่มีอีกแล้ว!”
เฉินรุยทำเป็นว่านึกขึ้นได้“โอ้มันเป็นอย่างนั้นเอง! ตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ซะอีก แต่การแสดงของเจ้าหญิงน้อยช่างน่าทึ่งจริงๆ มันดูเหมือนเรื่องจริงเลยตลอดทาง ข้าเกือบหลงเชื่อไปแล้วไหมล่ะ”
“การแสดง?” อลิซเข้าใจความหมายของคำนั้นในทันทีและถามออกมาด้วยความกังวล“สิ่งที่ข้าพูดตอนนี้…”
“ไม่ต้องกังวลหรอก! แม้ว่าเจ้าหญิงจะทรมานข้า คุกคาม ... หรือล่อลวง ข้าจะไม่พูดอะไรออกมาเลย! หากเจ้าหญิงน้อยไม่เชื่อ เจ้าลองใช้ <การอ่านจิตใจ> ดูสิ” เฉินรุยเลียนแบบอาเธน่าที่มักจะตบหน้าอกของตัวเอง น่าเสียดายที่กล้ามเนื้อหน้าอกของเขาน้อยกว่าสาวที่ชอบความรุนแรงผู้นั้น ไม่ว่าเขาจะตบหนักแค่ไหน มันก็ไม่กระเพื่อมเลย
โลลิน้อยยังไม่รู้ว่าคำโกหกของนางถูกเปิดเผยและนางก็ได้ตบไหล่เฉินรุยอย่างน่าพอใจ ราวกับว่าประธานาธิบดีที่ได้พบกับทหาร:“ไม่เป็นไร ข้าเชื่อในตัวเจ้า หลังจากนี้ อย่าลืมทำปริศนาแท่งไม้อีกสองสามชิ้นด้วย…แล้วข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้าย”
เฉินรุยนั้นเพิกเฉยต่อคำพูดของโลลิ พวกเขาได้มาถึงที่ประชุมสภาแล้ว มัจจุราชผู้ดูเคร่งขรึมคนหนึ่งได้โค้งคำนับอลิซ "เจ้าหญิงอลิซ ได้โปรดรออยู่ข้างนอก เจ้าหญิงเชียต้องการพบมนุษย์ผู้นี้ก่อน"
“ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักของท่าน หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ คากูรอน” การแสดงของอลิซนั้นแข็งแกร่งจริงๆ ในตอนนี้ราวกับนางเป็นสุภาพสตรีสูงศักดิ์
คากูรอนพยักหน้าและหันไปที่เฉินรุย สายตาของเขาไม่เปลี่ยนเลยและพูดขึ้นว่า“มนุษย์มากับข้าเถอะ”
เฉินรุยก็ได้แต่ติดตามคากูรอนเข้าไปในห้องประชุม ห้องประชุมนั้นใหญ่ กว้างขวางมากและเครื่องเรือนเองก็ดูเรียบง่ายมาก ด้านบนของบันไดตรงกลาง มีหญิงสาวสวมมงกุฎและกระโปรงจีบอยู่ นั่นคือ ราชินีเชีย ผู้หญิงที่สวยที่สุดของเมืองพระจันทร์ดับ
เมื่อเฉินรุยเห็นราชินี ปฏิกิริยาแรกของเขาคือต้องตกใจกับความงามของนาง สมบูรณ์แบบ นี่คือคำคุณศัพท์ที่ใกล้เคียงที่สุดที่เขาสามารถนึกได้ นางเป็นคนสมบูรณ์แบบ โดยไม่คำนึงถึงรูปร่างหน้าตาและอารมณ์เลยสักนิด เมื่อเปรียบเทียบกับน้องสาวของนางแล้ว อลิซยังเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ สำหรับพวกคนดังและดาราในชีวิตก่อนหน้าของเขา นั้นไม่อาจที่จะทัดเทียมกับนางได้เลย
หากต้องเลือกข้อบกพร่อง นั่นคงจะเป็นอารมณ์ที่เย็นชาของเจ้าหญิง ดวงตาที่เหมือนอเมทิสต์ราวกับกำลังแผ่ความเย็นยะเยือกออกมา
เฉินรุยเคยเลือกโหวตพี่สาวในอินเตอร์เน็ตคาเฟอยู่ "โอตาคุนั้นชอบพี่สาวแสนดีเลิศหรือโลลิ" เขาก็ได้เลือกคำตอบโดยไม่ลังเลเลย "พี่สาวแสนดีเลิศสิ"!
เห็นได้ชัดว่านางเป็นเทพธิดาในหมู่พี่สาว นางเปรียบเหมือนกับเทพธิดา พี่สาวผู้แสนดีเลิศและเย็นชาปานน้ำแข็ง!
เจ้าหญิงที่เห็นรูปลักษณ์ที่ขาดสติของเขาก็ได้ขมวดคิ้ว อัลดาซที่อยู่ข้างๆก็ไออย่างนุ่มนวลและทำให้เฉินรุยได้สติกลับมา เขาจัดความคิดของเขาอย่างรวดเร็วและก้มศีรษะของเขา แม้ว่านี่จะเป็นการตอบสนองของคนปกติก็เถอะนะ แต่นี่ไม่ใช่เทพธิดาและเป็นราชามารสาวที่สามารถเอาชีวิตเขาไปได้อย่างง่ายดาย เขาจะมีปัญหาแน่ ถ้าทำให้นางขุ่นเคืองใจ
มีชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างของเชียด้วย อัลดาซอยู่ตรงข้ามกับผู้อาวุโสผมขาว ใบหน้าของเขาดูแห้ง ดวงตาของเขากำลังปิดลง ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนจะหลับไปจริงๆ แล้วเขาก็ยังมีเขายาวสามเขาที่โค้งไปด้านหลังศีรษะของเขาอีก
“ฝ่าบาท มนุษย์ที่ท่านทรงต้องการพบได้มาถึงแล้ว”
“คากูรอน เฝ้าทางเข้าโถงประชุม ห้ามให้ใครเข้ามา แม้แต่อลิซก็ตาม” เจ้าหญิงกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นช้า
คากูรอนโค้งคำนับและถอยกลับทันที
สายตาของเชียนได้มองไปที่เฉินรุย“มนุษย์ นามของเจ้า”
เฉินรุยเริ่มคิดอะไรหลายอย่าง จากนั้นเขาก็คำนับเหมือนกับคากูรอนและกล่าวว่า“ฝ่าบาท ข้ามีนามว่า เฉินรุย”
เชียถามอย่างเย็นชา“นี่คือชื่อของเจ้างั้นเหรอ แล้วนามท้ายของเจ้าละ?”
เฉินรุยตกตะลึง เขาเพิ่งรู้ว่าชื่อของพวกเขานั้นต่อจากนามสกุลในอาณาจักรนี้ ซึ่งเขาไม่ต้องการถูกเรียกว่า รุย เฉิน แน่ๆ เขาจึงได้ตอบกลับไปว่า“แค่ เฉินรุย”
เขาไม่ต้องการที่จะทิ้งสิ่งที่บ่งบอกถึงครอบครัวของเขาทิ้งไป มันเป็นความรู้สึกเดียวที่เขายังคงเหลืออยู่
เชียไม่ได้คิดว่านี้เป็นปัญหามากนัก เพระาคนในอาณาจักรปีศาจก็มีแค่ชื่อเดียว โดยปกติแล้ว มีเพียงครอบครัวที่มีภูมิหลังอันแสนแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้รับนามสกุลหรือเกียรติยศที่จักรพรรดิมอบให้
“งั้น แล้ว” อาเธอร์“คืออะไรกัน?” เสียงของเชียดังขึ้นมาอย่างรุนแรง ราวกับนางกำลังพูดว่า "ตอบ!”
เฉินรุยรู้สึกประหม่า แต่หลังจากเหตุการณ์ของปากลีโร เขาก็ยิ่งแกร่งขึ้น เขาได้สงบอย่างรวดเร็ว เขากล่าวว่า“มันอธิบายได้นะท่านราชินี หลังจากที่ข้าได้เข้าสู่อาณาจักรมาร ตัวข้าได้สูญเสียความทรงจำบางอย่างไป ข้าจำได้แค่ว่าข้าชื่ออาเธอร์ แล้วดูเหมือนว่าข้าจะเป็นขุนนาง สำหรับนามสกุลและที่เหลือข้าก็จำไม่ได้เลย ตอนนี้ ข้าไม่สามารถกลับไปยังโลกด้านบนได้และข้าก็รู้สึกซาบซึ้งในความสามารถของอาจารย์อัลดาซ ดังนั้นแล้ว ตัวข้าจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะละทิ้งตัวตนดั้งเดิมของข้าและเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น เฉินรุย เพื่ออาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะส่วนหนึ่งของเมืองพระจันทร์ดับ ขอให้ท่านราชินีโปรดอนุญาติด้วยเถิด”
เฉินรุยได้เตรียมคำตอบนี้มานานแล้ว ไม่เพียง แต่เขาจะใช้อัลดัสเป็นเครื่องป้องกัน แต่ยังแสดงความภักดีต่อเมืองพระจันทร์ดับด้วย ในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดของชื่อเดิมของเขาได้ ในความเป็นจริง ความทรงจำของอาเธอร์ที่เขาได้รับมานั้นก็ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นข้อแก้ตัวสำหรับความจำเสื่อมจึงไม่ใช่เรื่องแต่ง
“เกาส์ เจ้าคิดเช่นไร?” เชียหันสายตาของนางไปที่ชายชราผมสีขาวที่อยู่ด้านข้าง
ชายชรา เกาส์พยักหน้าช้าๆ “เมื่อมนุษย์คนนี้ถูกจับกุม ข้าเองก็มีส่วนร่วมในการสอบสวน ข้าสังเกตเห็นว่า มันมีความจำเสื่อม มันพูดได้แค่ชื่อของมันคือ อาเธอร์ ความแข็งแกร่งของมันอ่อนแอราวขยะ มันไม่ควรเป็นภัยคุกคามใดๆได้เลย”
ใครๆก็คงจะไม่พอใจถ้าเขาหรือนางถูกเรียกว่าถังขยะ แต่การเป็นคนที่ไม่สำคัญเท่าไหร่เหมาะมากกับสถานการณ์ของเฉินรุยในตอนนี้ ระบบสุดยอดและการมีมังกรพิษเป็นพันธมิตรของเขา เรียกได้เป็นสินทรัพย์ที่เขาสามารถใช้ได้ในอนาคต สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือ เวลาในการพัฒนาและสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ค่อนข้างปลอดภัย
เชียพยักหน้าอย่างเคารพเล็กน้อยและบอกกับเฉินรุยว่า“ข้าได้ยินเรื่องราวที่น่าสนใจจากอาจารย์อัลดาซ แต่ข้าไม่อยากที่จะฟังมันอีกแล้ว ข้าจะถามเพียงครั้งเดียว เจ้าได้รับมรดกจากปรมาจารย์โบราณนั้นจริงๆงั้นเรอะ? อย่าพยายามโกหก ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้”
ในที่สุด เฉินรุยเข้าใจในเหตุผลที่เชียเรียกเขามาอย่างรวดเร็ว แต่ความซื่อสัตย์จะทำให้เขาตายเร็ว ดังนั้นเขาจึงตอบโดยไม่ลังเลว่า“ข้ารับรองได้เลยด้วยชีวิตของข้า ข้าได้รับมรดกของปรมาจารย์ แต่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นั้นไม่ได้มาจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ แต่เป็นยุคก่อนของยุคดึกดำบรรพ์ที่ไม่มีเอกสาร พลังที่เหลืออยู่ของพลังคล้ายพระเจ้าของเขา คงอาจเป็นเหตุผลที่ข้าได้ถูกส่งตัวมายังอาณาจักรมารโดยไม่รู้ตัว หากฝ่าพระบาทสามารถมอบตัวตนให้แก่ข้าเพื่อใช้ชีวิตในเมืองพระจันทร์ดับ ข้ายินดีที่จะใช้ความรู้ของข้าเพื่อท่านราชินี”
จากนั้นเชียก็ถามอัลดาซขึ้นมา“ท่านอาจารย์ ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของเรื่องนี้”
อัลดาซลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเขา อายุที่แท้จริงของราชินีคนนี้มีอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น ซึ่งก็นับได้ว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นของราชวงศ์มาร แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเคารพของอาจารย์เอลฟ์ที่มีต่อนางคนนี้เลย แล้วเขาก็ได้ตอบไปว่า“ฝ่าบาท ท่านคงจะได้เห็นเส้นทางฮัวหยงแล้ว เครื่องมือแบบนี้ไม่เคยถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์และมันไม่มีอยู่ในโลกมนุษย์ด้วย นอกจากนี้ ปริศนาแท่งไม้ที่ถูกทำลายโดยอาเธน่าก็เป็นงานฝีมืออันชาญฉลาด แล้วข้ายังได้ลองใช้ยาพิษหลายชนิดกับเขาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย นอกจากจะเชื่อว่าเขาได้รับมรดกมาจากอาจารย์จริงๆ ข้าก็ไม่สามารถนึกถึงเรื่องอื่นได้เลย”
งานฝีมืออันแสนแยบยล? ดูเหมือนว่าอาณาจักรนี้จะใช้วลีและสำนวนที่คล้ายกันกับโลก แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำของมารหรือมนุษย์? หลังจากอัลดาซยืนยัน เฉินรุยก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น พอฟังมาจากอาเธน่าแล้ว เขาก็รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเชียไม่เอื้ออำนวยนักและนางก็ต้องการพรสวรรค์และความช่วยเหลือของเขาในตอนนี้ ตราบใดที่เขามีค่าเพียงพอ เขาก็จะสามารถผ่านการทดสอบได้อย่างปลอดภัย
เชียครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าในที่สุด นางพูดกับเฉินรุยว่า:“ เจ้าเป็นมนุษย์ซึ่งแต่เดิมเป็นศัตรูของมาร หากเจ้าไม่ได้รับการอนุมัติจากข้า เจ้าก็คงจะไม่รอดในเมืองพระจันทร์ดับแห่งนี้ เมื่อเจ้าสาบานว่าจะจงรักภักดี ข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างรุนแรง แต่มีเงื่อนไขว่า ตัวตนของเจ้าในฐานะผู้สืบทอดของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่สามารถบอกใครได้ ในวันปกติ เจ้าจะเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์อัลดาซ เมื่อความรู้ที่สืบทอดของเจ้าระลึกขึ้นมาได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นปรมาจารย์
ราชินีคนนี้ไม่ธรรมดาเลย นางพูดถึงสถานการณ์ที่อันตรายของเขาและทำให้เขาตระหนักถึงมัน ดูเหมือนว่าเชียต้องการที่จะปลูกฝังเฉินรุยให้กลายเป็นปรมาจารย์ลึกลับ เพื่อเพิ่มโอกาสต่อรองกับอุปราชออบซิเดียน ซึ่งมันก็คล้ายกับแผนเดิมของเขาพอสมควร
จากนั้นก็จะได้ยิงโดนนกที่โผล่หัวออกมา แล้วถ้ายังจองหองโดยไร้ซึ่งกำลัง เจ้าตัวนั้นก็คงจะเป็นได้แค่นกน่าโง่เท่านั้น
“ขอบคุณท่านราชินี!” เฉินรุยคำนับอีกครั้งและแสดงความตื่นเต้นออกมา เขาลังเลและพูดขึ้นมาว่า:“แต่สิ่งที่เกี่ยวกับปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่นอกเหนือจากตัวราชินีแล้ว เจ้าหญิงน้อย อาเธน่าและอิมป์อย่างแซลลี่ก็รู้เรื่องนี้ด้วย ส่วนเคียน่าจะรู้เพียงเล็กน้อย”
“อาเธน่าและเคียรู้เรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ? อย่างนั้นข้าจะทำให้มั่นใจว่าพวกนางจะเก็บเรื่องพวกนี้เป็นความลับ ...” เชียคิดถึงลักษณะท่าทางของมนุษย์ผู้นี้เมื่อครู่และก็ได้เปลี่ยนโทนเสียงของนาง “ข้าได้ยินจากอลิซเมื่อสองสามวันก่อนว่าเจ้าดูเหมือนจะสนใจเคีย หากเจ้ามีประโยชน์ต่อเมืองพระจันทร์ดับมากมาย ตัวข้าสามารถมอบเคียให้เจ้าได้”
กับดักที่แสนหอมหวาน! เมื่อเฉินรุยนึกถึงภาพลักษณ์อันทรงเสน่ห์ของเคีย ปากของเขาก็แห้งผากจนควบคุมไม่ได้ ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถที่จะไปยั่วยุอะไรนางได้ เพราะหากว่าเขาไม่สามารถควบคุมได้ ตัวเขาคงจะต้องแห้งแน่ๆ
“ส่วนอิมป์นั้น เราจะฆ่ามัน”
ความตั้งใจสังหารในคำพูดของเชียทำให้เฉินรุยที่กำลังสบายใจอยู่ได้ตระหนักถึงคำเตือนก่อนหน้านี้ของนาง ดูเหมือนว่าภายในของราชินีผู้นี้ไม่ปกติจริงๆ พอเขาคิดแล้ว เขาก็ได้พูดขึ้นมาว่า“เจ้าหญิงเชีย ข้านั้นกำลังเรียนการปรุงยากับอาจารย์อัลดาซและข้าต้องการตัวทดลอง ท่านพอจะสามารถให้แซลลี่ทำงานกับข้าได้หรือไม่?”
ที่เฉินรุยช่วยชีวิตอิมป์ตัวนี้ไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ แต่เขามีแผนของตัวเขาเองอยู่
เชียพิจารณาสักพักหนึ่งแล้วเห็นด้วยกับคำขอของเขา เมื่ออัลดาซพาเฉินรุยออกจากวัง เขาก็พูดอย่างลึกซึ้งว่า“ความงดงามของเจ้าหญิงหวังว่าจะไม่ใช่สิ่งที่เจ้าอยากได้หรอกนะ หากเป็นอย่างนั้น ก็จงวางมันทิ้งไปและมุ่งมั่นทำงานเพื่อเมืองพระจันทร์ดับเถอะ”
เฉินรุยยิ้ม เขารู้สึกตกใจกับความงามของเชียเหมือนกับความรู้สึกของผู้ชายทั่วไป เขาไม่ได้มีความคิดที่อยากจะครอบครองไว้เลย แต่เชียสัญญาว่าจะให้เคียกับเขา แค่นั้นก็เหมือนกับการปฏิบัติกับเขาอย่างผิดวิธีแล้ว
ต่อจากนั้น หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์คากูรอนก็ได้แถลงการสิ่งที่เขียนโดยเจ้าหญิงที่ศูนย์กลางเมืองพระจันทร์ใหม่ ตั้งแต่นั้นมา เฉินรุยก็ได้เป็นสมาชิกของเมืองพระจันทร์ดับอย่างเป็นทางการ มันถือเป็นการบรรลุขั้นตอนแรกของการเอาตัวรอดในอาณาจักรมารของเขาแล้ว