ตอนที่แล้วตอนที่ 7 ชุดนิกายมยุเรศกับชายแท้โฉมงามราวกินรี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 : หารู้ไม่ว่า... แท้จริงแล้ว ข้าใจกว้างกว่ามหาสมุทรเสียอีก!

ตอนที่ 8 เจ้าห้ามดื่มยาดองที่ศิษย์พี่ของเจ้าทำเด็ดขาด!!


ตอนที่ 8 เจ้าห้ามดื่มยาดองที่ศิษย์พี่ของเจ้าทำเด็ดขาด!!

เหล่าสาวกนิกายชิงหยุนต่างยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมพิธีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสองวัน ซึ่งมีเพียงฉีหวนตนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีอะไรทำ เนื่องจากหลิงเฟิงจือกลัวเธอจะไปก่อเรื่องไม่ดีไว้อีก เขาจึงขอร้องให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรจะดีที่สุด ถึงแม้ความจริงในใจฉีหวนจะต้องการช่วยเหลือจริง ๆ แต่ทว่าไม่มีใครเชื่อนางสักคน

ฉีหวนต้องใช้เวลานานในการบรรลุขั้นพลังลมปราณ เธอจึงหลงใหลและหมั่นฝึกฝนแทบยี่สิบสี่ชั่วโมง จนซูกงจือกล่าวตักเตือนว่า ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็อย่าฝึกบ่มเพาะลมปราณช่วงกลางวัน จนกว่าจะบรรลุถึงขั้นสามารถเข้าพิธีพิสูจน์ตนกับเทพสรวงสวรรค์ มิเช่นนั้นการดูดซับพลังของแก่นสุริยาจะทำลายวิญญาณภูตรัตติกาลในร่างเธอจนหมดสิ้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงเบื่อหน่ายมาก

หลังจากที่ฉีหวนเดินวนรอบประตูนิกายอยู่นาน ในขณะนั้นฉีหวนก็ตัดสินใจไปยังบริเวณหลังภูเขา เพื่อมองหาศิษย์พี่ผู้อาวุโสคนเดียวในนิกายชิงหยุน

ศิษยพี่ท่านนี้เป็นลูกศิษย์ของซูหยางจือ ท่านลุงผู้อาวุโสคนที่สามของฉีหวน เขามักชอบอยู่กับธรรมชาติ ปลูกต้นไม้ และเลี้ยงสัตว์ เช่น นก เป็นต้น ทุกครั้งเมื่อฉีหวนกล่าวถึงเขา ซูหยางจือก็มักจะบอกว่าศิษย์ตนนี้ไร้สติปัญญา ซึ่งฉีหวนไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะถ้าหากเขาปัญญาทึบจริง ๆ ซูหยางจือไม่มีทางรับเข้ามาเป็นสาวกแน่นอน

   ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีใครไปยังหลังเขาชิงหยุน เว้นแต่สาวกที่เพิ่งเริ่มฝึก คนเหล่านั้นจำเป็นต้องไปที่นั่นเพื่อสับฟืนและกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในระหว่างเข้าฝึกลมปราณ โดยทั่วไปแล้วบรรยากาศบริเวณนั้นค่อนข้างเงียบสงบ โดยมีเพียงเสียงนกร้องและเสียงคำรามของเหล่าอสุรกายดังมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งไม่มีใครเคยได้ยินเสียงมนุษย์สักตนจากหลังเขาชิงหยุน

ศิษย์พี่ของฉีหวนอาศัยอยู่ในหุบเขาเถาฮวา ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังยอดเขาชิงหยุน ศิษย์พี่ท่านนี้เป็นผู้ที่มีทั้งรูปลักษณ์และจิตใจที่แสนสง่างาม ในอดีตกาลไม่เคยมีหุบเขาเถาฮวามาก่อน จนกระทั่งศิษย์พี่ของเธอสามารถสร้างป่าที่เต็มไปด้วยดอกท้อ... อาณาเขตป่าแห่งนี้มีความยาวมากกว่าสิบไมล์ ทั้งมันยังผลิบานได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย ฉีหวนเคยนึกสงสัยว่าศิษย์พี่ทำเช่นไรกัน เหตุใดดอกท้อถึงไม่มีวันร่วงโรยแม้แต่น้อย?

   ฉีหวนเดินทางจนมาถึงหน้าผาสูงเสียดฟ้า จากนั้นก็เดินไปตามเส้นทางเขาวงกต จนโผล่มาถึงป่าบนยอดเขาที่มีทางเดินแสนขรุขระ ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเธอก็เดินทางมาถึงหุบเขาเถาฮวา ถึงกระนั้นฉีหวนก็ทำเพียงยืนจ้องดอกท้อ เนื่องจากยังไม่กล้าเข้าไปข้างใน

   ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ เธอกลายเป็นคนมีมารยาทหรือว่าขี้อาย แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอเคยบุกเข้าไปในดงดอกท้อแห่งนี้ และเผลอพังพวกมันโดยไม่ตั้งใจ ทั้งยังจมอยู่ในกับดักเวทจนแทบออกมาไม่ได้...

   "ศิษย์น้อง! นี่เจ้ากำลังตามหาข้างั้นรึ?" ฉีหวนยังคงตกอยู่ในภวังค์ความงุนงง ท่ามกลางดอกไม้และต้นไม้ที่เรียงกันอย่างสวยงาม ทันใดนั้นมีเสียงชายปริศนาดังขึ้นกะทันหัน ทำให้เหล่าต้นไม้สองข้างทางเริ่มขยับไปด้านข้างเพื่อหลีกทางอย่างเป็นระเบียบ

   ชายร่างสูงสวมชุดคลุมผ้าไหมสีฟ้าโปร่งแสงราวเทพเดินจากหุบเขา และย่างก้าวผ่านกลางดงดอกไม้อย่างเชื่องช้า

   "เฮ้! เจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่มีใบหน้างดงามเสียจริง! ฮะ-ฮ่า!" นับตั้งแต่มาถึงยอดเขาชิงหยุน ฉีหวนก็สูญเสียความมั่นใจในรูปลักษณ์อันสง่างามของเธอทันที เนื่องจากไม่ค่อยมีใครอยากสุงสิงกับเธอมากนัก ฉีหวนกังวลว่า ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สักวันเธอคงกลายเป็นคนไม่เห็นคุณค่าในตนเองแน่

บางครั้งฉีหวนก็แอบสงสัยว่าซูหยางจือมีเวทมนตร์คาถาอันใด ถึงสามารถนำชายโฉมงามมารวมตัวกันได้มากมายถึงเพียงนี้ ศิษย์ของเขาทุกคนต่างหน้าตาดีราวเทพบุตรทั้งนั้น หารู้ไม่ว่าศิษย์ของเขากำลังนำหายนะมาให้หญิงสาวอย่างเธอ!  ผู้หญิงทุกคนบนพิภพคงโกรธเคืองเธอเป็นแน่ ถ้าหากรู้ว่าฉีหวนถูกล้อมรอบด้วยชายรูปงามแทบตลอดเวลา...

   แต่ทว่ามีสิ่งเดียวที่ทำลายความงามของเขาจนหมดสิ้น นั่นก็คือไม้กวาดก้านมะพร้าวขนาดใหญ่ ฉีหวนส่ายหัวด้วยความรู้สึกเสียดาย เขาหล่อมาก แต่กลับไม่สนใจรูปลักษณ์ของตนเองสักนิด ฉีหวนอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ  'พระเจ้าต้องลงโทษท่านแน่ ถ้ารู้ว่าท่านเอารูปลักษณ์อันหล่อเหลามาทำอะไรแบบนี้ นี่ฉันไม่ได้ห่วงเขาเลยจริง ๆ นะ!'

   "ท่านพี่เทพบุตร!" หลังจากเห็นหวงเซียนจือ ฉีหวนก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเรียกฉายาที่เธอตั้งขึ้นเองอย่างไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก ถึงกระนั้นหวงเซียนจือก็ไม่คิดรังเกียจ ทั้งยังยิ้มตอบและพาฉีหวนเข้าไปในหุบเขา

   ฉีหวนรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับหลายสิ่งหลายอย่างในนิกายชิงหยุน ซึ่งมีสิ่งเดียวที่ยากจะยอมรับที่สุดคือชื่อ! เธอไม่เข้าใจว่าซูกงจือกับชายชราอีกสองท่านคิดอะไรกันอยู่ ทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจตั้งชื่อศิษย์ลงท้ายด้วย 'หวง' เนื่องจากนามในลัทธิของฉีหวนก็คือ 'หวงหวนจือ' แค่ได้ยินชื่อต้นว่า หวงหวน เธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

   ถึงกระนั้นชื่อของฉีหวนก็ถือว่าไม่ได้เป็นชื่อที่อนาถที่สุด เนื่องจากศิษย์พี่ของเธอที่งามสง่าทั้งภายในและภายนอก กลับถูกตั้งชื่อว่า หวงเซียนจือ เธอฝืนเรียกชื่อนั้นไม่ได้ จึงตั้งฉายาให้ศิษย์พี่ว่า ท่านพี่เทพบุตร ซึ่งดูเหมือนว่าในนิกายชิงหยุนจะมีเพียงฉีหวนที่กล้าเรียกชื่อนั้น

   "เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปหาหลานชายผู้อาวุโสของเจ้าล่ะหื้ม? เหตุใดต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่?" หวงเซียนจือกล่าว ในขณะที่พาฉีหวนไปยังลานหน้าตำหนักของตน จากนั้นก็หันกลับไปกวาดกลีบดอกท้อสีส้มอมชมพูที่ร่วงหล่นลงพื้นจำนวนมาก เขากวาดแบ่งเป็นกองอย่างปราณีต

   "ข้าไปมาแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังยุ่ง... เอ๋! เหตุใดศิษย์พี่ถึงต้องกวาดกลีบดอกท้อมารวมกันเป็นกองพูนขึ้นมาเช่นนั้นด้วยล่ะ?"

   "ข้ากำลังจะนำกลีบดอกท้อมาทำเป็นเหล้าชั้นเลิศอย่างไรเล่า! ฮะ-ฮ่า" หวงเซียนจือเลิกคิ้วพร้อมกับหัวเราะราวกับมีเลศนัย ท่าทางเช่นนั้น ทำให้ฉีหวนมองเขาอย่างครุ่นคิด

  "อย่าบอกนะ! ว่ายาดองที่ท่านอาจารย์ และเหล่าสาวกชอบยกดื่ม ล้วนแต่เป็นเหล้าที่มาจากศิษย์พี่ เช่นนั้นรึ!?" ฉีหวนเริ่มสงสัยว่า หนึ่งในเหตุผลที่พี่ชายของนางไม่อาจออกจากหุบเขาแห่งนี้ได้ นั้นต้องเกี่ยวกับชายชราที่หมกมุ่นกับเหล้าทั้งวี่ทั้งวันเป็นแน่

"ใช่! จากข้าเอง!"

   "กลีบดอกมากมายเช่นนี้ ข้าไม่อยากนึกถึงตอนล้างทำความสะอาดมันทีละกลีบ เฮ้อ! คงเป็นเรื่องยุ่งยากยิ่งนัก" สาบานได้เลยว่าฉีหวนกล่าวแบบนั้น เพราะความอยากรู้อยากเห็นล้วน ๆ

   "แล้วใครบอกเจ้าว่าข้าจะล้างมันเล่า?" หวงเซียนจือยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้ฉีหวนรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเธอตระหนักมาโดยตลอดว่า ศิษย์พี่ท่านนี้เป็นผู้บริสุทธิ์และซื่อสัตย์มาก แต่บัดนี้ด้วยคำบอกกล่าวของเขา ทำให้เธอเริ่มไม่แน่ใจว่า หวงเซียนจือต้องการทำสิ่งใดกัน!

   ชายตนนี้กล้าคิดไม่ซื่อกับท่านอาจารย์ซูกงจือ... นั่นหมายความว่าเขาเป็นหมาป่าในร่างมนุษย์ชัด ๆ! แต่ที่ผ่านมาฉีหวนมองเขาเป็นเพียงแกะตัวเล็กน่ารัก เธอช่างอ่อนต่อโลกเสียจริง!

   "คุณลุงผู้อาวุโสกำลังจะเข้าพิธีพิสูจน์กฎสวรรค์ใช่หรือไม่?" หวงเซียนจือเอ่ยถาม พร้อมกับหยิบกลีบดอกท้อขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วจากนั้นก็โยนลงขวดโหลสีเขียวขนาดใหญ่ด้วยใบหน้านิ่งสงบ

   "ใช่ ท่านอาจารย์บังคับให้ข้าไปร่วมพิธีด้วย เฮ้อ! นั่นช่างไร้มนุษยธรรมเสียจริง!" ฉีหวนบ่นพึมพำ

   "พิธีทดสอบความทุกข์ยากครั้งนี้จะใช้เวลาเพียงระยะสั้นเท่านั้น ความทุกข์ยากครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนแน่ เชื่อข้าเถิด" การกระทำของฉีหวนในพิธีกรรมครั้งที่แล้ว เป็นที่เลื่องลือทั่วนิกายชิงหยุน หากไม่ได้รับคำเตือนจากผู้นำนิกาย บัดนี้ข่าวคงลือไปถึงนิกายอื่น

"ถ้าเป็นอย่างที่ท่านพี่กล่าว ข้าก็คงดีใจมาก แต่อย่างไรแล้วท่านอาจารย์ก็กำลังจะทอดทิ้งข้าอยู่ดี..." ฉีหวนกล่าวด้วยถ้อยคำน่าสงสาร แต่ทว่าใบหน้านั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

สาวกยุคนี้ได้รับการดูแลอย่างอิสระมาโดยตลอด ซึ่งเหตุผลที่ภูเขาชิงหยุนสามารถพัฒนาได้มาถึงทุกวันนี้ ก็ต้องขอบคุณอาจารย์ลุงผู้อาวุโสซูหยางจือที่อบรมศิษย์อย่างหลิงเฟิงจือ และหลิงหยุนจือได้เก่งกาจ และชาญฉลาดถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นนิกายชิงหยุนคงถูกยุบไปนานแล้ว เพราะถ้าจะหวังกับซูกงจือ หึ! ไม่น่ารอด!

"ฮะฮ่า! ถึงเช่นนั้นคุณลุงผู้อาวุโสก็มอบพรมมณีราคไว้ให้เจ้าแล้วมิใช่รึ?" หวงเซียนจือเข้าใจสิ่งที่ฉีหวนต้องการจะสื่ออย่างลึกซึ้ง จึงกล่าวต่อว่า "แม้ว่าพรมมณีราคจะไม่ทรงพลังมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นอาวุธวิเศษที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมนะ..."

   "เฮ้ย! นี่ศิษย์พี่รู้เรื่องพรมได้อย่างไรกัน?!"

   "แน่นอน! อาวุธที่เหมาะกับเจ้าที่สุดก็คงหนีไม่พ้นพรมมณีราคหรอก มันใช้งานง่ายสุดแล้ว..."

   ในขณะนั้น ฉีหวนจึงนั่งฟังหวงเซียนจืออธิบายวิธีใช้พรมมณีราค เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง มีเหงื่อไหลท่วมตัวฉีหวนจนเปียกไปทั้งร่าง จากนั้นไม่นาน ฉีหวนก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวแล้วมองไปที่หวงเซียนจือ พร้อมตระหนักว่าชายผู้นี้เป็นหัวหน้าปีศาจชั่วร้ายชัด ๆ! เวลาผ่านไปประมาณครู่ใหญ่ ฉีหวนก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะวิ่งหนีออกไปให้ไกล

ฉีหวนวิ่งออกมาไกลจนสุดสายตา งูเขียวแผ่แม่เบี้ยขนาดใหญ่ก็เลื้อยขึ้นไปนั่งบนไหล่ของหวงเซียนจือ "ไม่ต้องกลัวข้าหรอก! ข้าสาบานว่าจะสอนศิษย์น้องของท่านหัวหน้าผู้อาวุโสให้เลว.. เอ้ย! ดีที่สุดเลยขอรับ!" งูเขียวเปล่งเสียงหวานใสแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกน่าขนลุก

   "ฮะ-ฮ่า ฮ่า!" หวงเซียนจืออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

   แต่ทว่าสิ่งที่ฉีหวนทำนั้น สร้างอาการตกตะลึงให้แก่ศิษย์พี่ของเธอ และพญางูเขียวยิ่งนัก เธอวิ่งพุ่งกลับมาหาเขาด้วยท่าทางเขินอาย "อั้ยย่า! รบกวนช่วยชี้ทางไปยังกระท่อมฟางให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?" ฉีหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

   หวงเซียนจือชี้ทางอย่างงุนงง จากนั้นฉีหวนก็มุ่งหน้าไปทันที

  ...เหลือเพียงใบไม้หมุนวนไปมา และตกลงพื้นต่อหน้าหวงเซียนจือ เขาประเมินความสามารถของศิษย์น้องตนเองต่ำเกินไป!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด