ตอนที่ 170 มุมมืด
“ท่านพี่ เมืองปัญญาไม่เคยมีการตรวจตราเข้มงวดเช่นนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าทำไมทหารอาคมพวกนั้นถึงได้เข้มงวดเช่นนั้น ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับภารกิจที่ท่านจะทำหรือเปล่า”
พราวจันทร์เอ่ยปากจากด้านในรถม้า เธอเคยมาที่เมืองปัญญา แถมยังเคยอาศัยอยู่ด้วยช่วงเวลาหนึ่งด้วย เพราะมันเป็นอย่างที่พี่ใหญ่พายุพูด เมืองปัญญาเป็นต้นกำเนิดของกลุ่มภราดา แต่ไม่ใช่กลุ่มภราดาทั้งหมดจะอยู่ที่นี่ หลัก ๆ แล้วที่นี่เป็นฐานที่ตั้งของหนึ่งในจ้าวตึกภราดา นั่นคือจ้าวตึกป่า
พอนึกถึงเรื่องนี้พราวจันทร์ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา ในฐานะที่เธอเองก็เป็นจ้าวตึกเช่นกัน การที่เธอเปลี่ยนมาใช้ชีวิตสงบสุขเช่นนี้ จ้าวตึกคนอื่น ๆ คงไม่พอใจแน่ แม้เธอจะส่งจดหมายชี้แจงไปหลายฉบับ แต่ก็ไม่มีฉบับใดตอบกลับมา ไม่รู้ว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
ทางด้านเหนือภพเอง เขาก็กำลังเหม่อลอยอย่างเพราะใช้ความคิดไปกับคำพูดบางอย่างของพญานาค พญานาคตื่นขึ้นมาแล้ว พร้อมกับพูดหนึ่งที่ทำให้เหนือภพเป็นกังวล
เหนือภพส่ายหน้า เรียกสติของตัวเองกลับมาที่บทสนทนาของคนรัก
“ห๊ะ อ๋อ ข้าไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องไหม แต่ที่ข้ามั่นใจคือมีคนจับตามองพวกเรามาตั้งแต่เข้าเมืองแล้ว แต่ข้าไม่รู้เป็นใคร”
เหนือภพเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ก็เพียงพอให้สองสาวที่อยู่ภายในรถม้าเทพธิดาพิโรธได้ยิน
พราวจันทร์ขมวดคิ้ว เธอรู้สึกเป็นกังวลหนักกว่าเดิม จ้าวตึกป่าเป็นคนที่เคร่งครัดในกฎเกณฑ์ ทั้งยังเป็นสหายสนิทกับจ้าวตึกบุปผาคนก่อน ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของเธอ จ้าวตึกป่าย่อมไม่พอใจที่เธอละทิ้งหน้าที่ ในสถานการณ์ที่เธออยู่ในเมืองหลวงซึ่งเป็นเขตการดูแลของตึกบุปผาโดยตรง การที่จ้าวตึกป่าไม่เข้าไปทวงถามคำสาบานที่เธอให้ไว้ตอนขึ้นรับตำแหน่ง ก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ แต่ตอนนี้เธอมาเยือนถึงถิ่น มันไม่มีเหตุผลที่จ้าวตึกป่าจะไม่มาหาเธอ ถ้าหากว่าเกิดการกระทบกระทั่งบางอย่างละก็... สายตาของพราวจันทร์มองผ่านช่องเล็ก ๆ ไปยังเหนือภพ เธอกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
จู่ ๆ เหนือภพก็พูดขึ้นมา ทำให้พราวจันทร์สะดุ้งเล็กน้อย
“นี่ไลลา พี่สาวเจ้าเรียกกุมารทองได้ แล้วเจ้าทำได้อย่างนางหรือเปล่า”
“ได้” เสียงตอบรับของไลลา ดังสะท้อนไปมาในรถม้า ฟังดูน่ากลัวราวกับเสียงภูตผี
“งั้นก็ให้กุมารทองช่วยสำรวจให้ที ว่าใครกำลังจับตามองเรา”
“อืม” ไลลารับคำ จากนั้นเธอก็บริกรรมคาถาที่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้ง เหนือภพก็รู้สึกขนลุกขนพองไม่หาย แม้เธอจะบริกรรมเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็เถอะ
อั๊ก !!
ไลลากระอักเลือดออกมา ใบหน้าของเธอซีดเซียวลงในทันใด
“น้องกุมาร.. ของข้า.. สลายแล้ว”
ไลลาฝืนใจพูดได้เพียงแค่นั้น แล้วเธอก็หมดสติไป
พราวจันทร์ไม่รู้ว่าควรจะช่วยเหลือไลลายังไง เธอจำเป็นต้องเปิดตำราจอมปราชญ์เพื่อค้นหาสาเหตุและวิธีช่วยเหลือที่ถูกต้อง แต่ว่าการเปิดตำราจอมปราชญ์แต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้พลังงานแลกเปลี่ยน และยิ่งข้อมูลนั้นหายากเท่าไหร่การใช้พลังงานในการค้นหาก็ย่อมมากตามไปด้วย ไม่เหมือนกับการเปิดหาข้อมูลสัตว์อสูรทั่ว ๆ ไป ที่มีดาษดื่น ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาก็หาเจอ แต่เมื่อทำการค้นหาเกี่ยวกับอาการที่ไลลาเป็น เธอต้องใช้เวลาเนิ่นนานกว่าปกติ ข้อมูลที่ค้นพบมีหลากหลายจนเธอไม่รู้ว่าอันไหนถูกต้อง แต่มีบันทึกหน้าหนึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไลลาได้ชัดเจนที่สุด มันมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ไสยเวทย์นิกายมืด
เมื่อพราวจันทร์อ่านจบ เธอก็พอจะไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เธอประคองไลลาไว้ในอ้อมแขน ขณะพูดกับเหนือภพ
“ดูเหมือนจะมีผู้ใช้ไสยเวทย์จับตามองพวกเราอยู่ หากนางไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง นางจะไม่รอด”
เหนือภพกัดฟันกรอด ใครกันนะ อยู่ ๆ ก็เปิดฉากโจมตีพวกเขาก่อน แล้วเหนือภพก็หันไปตะโกนบอกพายุ
“พี่ใหญ่เกิดเรื่องแล้ว”
พายุเปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งขรึมเอาจริงทันที เขาควบม้ามาตีคู่กับรถม้าเทพธิดาพิโรธ เพื่อพูดคุยกับเหนือภพ เหนือภพเล่าให้พายุฟังว่าเกิดอะไรขึ้นไลลา พายุนิ่วหน้าก่อนจะตอบไปว่า
“มีอยู่ที่หนึ่งที่พอจะช่วยนางได้ รีบตามข้ามา”
พูดจบ พายุก็รีบควบม้านำหน้าไปด้วยความเร็วสูง ทำให้คนอื่น ๆ ในทีมที่กำลังจูงม้าชมดูสินค้าตามแผงลอย บางคนก็พักซื้ออาหารอร่อยจำพวกเนื้อสัตว์อสูรย่าง ก็ต้องรีบกระโดดขึ้นม้าแล้วควบตามไปอย่างรู้หน้าที่
เหนือภพเร่งอาชาอสูรมังกรนิลให้ตามพายุไปติด ๆ และรถม้ารุ่นใหม่นี้ก็พิสูจน์สมรรถภาพให้เหนือภพได้ประจักษ์ ต่อให้สัตว์อสูรลากจะพุ่งไปด้วยความเร็ว จะหักเลี้ยวซอกแซกตามถนนในตัวเมืองมากแค่ไหนก็ตามแต่คนบนรถม้าก็ไม่รู้สึกสะเทือนเลย
พายุพาทุกคนหยุดตรงสถานที่แห่งหนึ่ง มันดูเหมือนเป็นเพียงโรงแรมเก่า ๆ ที่อยู่ท่ามกลางหมู่บ้านในเขตชุมชนแออัดที่มีสภาพไม่ได้ดีไปกว่ากัน แน่นอนว่านี่เป็นแหล่งเสื่อมโทรมของเมืองปัญญา มันคือสลัมที่เต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็น ผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่หากไม่ใช่คนแก่ใกล้ตาย ก็เป็นอันธพาลไร้อนาคต นักฆ่า หรือไม่ก็โจรผู้ร้าย
เหนือภพไม่รู้สึกว่าที่นี่น่ารังเกียจแต่อย่างใด แต่เขากังวลว่าพราวจันทร์จะไม่ชอบ เขาจึงอยากให้เธอเก็บตัวอยู่บนรถม้า
“เมียจ๋าอยู่ในรถนะ เพื่อความปลอดภัย เดี๋ยวข้ากับพี่ใหญ่จะกลับมา”
เหนือภพกำชับพราวจันทร์ ก่อนจะบอกให้คนอื่น ๆ รออยู่ที่นี่ก่อน แล้วเขาก็อุ้มไลลาออกมาจากรถ ตามพายุเข้าไปในโรงแรม เหนือภพไม่มีคำถามอะไร เขารู้ดีว่าพายุไม่ได้พาเขามาหาที่พัก แต่พามาหาคนรักษาไลลา โชคดีที่พายุเป็นคนที่นี่ พายุเติบโตและใช้ชีวิตที่นี่มาหลายสิบปี จึงรู้ว่าจะหาอะไรจากที่ไหน โดยเฉพาะพ่อมดหมอผีที่มีวิชาไสยเวทย์
พายุพาเหนือภพขึ้นมาบนชั้นสอง มันมีประตูบานคู่เก่า ๆ อยู่ ฝุ่นจับหนาจนดูเหมือนบ้านร้างมาหลายสิบปี เมื่อพายุเปิดออกก็มีกลิ่นควันธูปควันเทียนคลุ้งกระแทกหน้าคนทั้งสาม ภายในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงเทียนที่ส่องสว่างตั้งอยู่ทั้งสองข้างของโต๊ะบูชา ที่เหนือโต๊ะบูชาขึ้นไปมีกะโหลกสัตว์อสูรขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนนั้น ด้านหน้าของชุดโต๊ะบูชามีหญิงชราในชุดประหลาดนั่งขัดสมาธิ หลับตาอยู่
พายุรีบคุกเข่าแล้วก้มกราบลงทันที
“แม่ใหญ่”
พายุดูสนิทสนมกับแม่หมอชราในชุดขาวมอซอเป็นอย่างมาก แม่หมอที่หลับตาทำสมาธิอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะจ้องมองพายุ สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เธอกลับเลื่อนสายตาไปยังไลลาที่อยู่ในอ้อมแขนเหนือภพแทน
แม่หมอขมวดคิ้วนิ่วหน้า ดูมีท่าทีร้อนใจ
“ไอ้หนุ่ม รีบวางนางลง ไอ้ยุ มึงไปเอาของที่อยู่ด้านในมาให้แม่”
“ครับ”
ท่าทีของพายุดูคล่องแคล่วและคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เหนือภพได้แต่วางไลลาลงตามคำสั่ง แล้วก็มองพายุอย่างงุนงง แต่เหนือภพก็ไม่ได้สนใจพายุเท่าไหร่นัก สายตาของเขาจับจ้องไปยังแม่หมอชรา
“น้องข้าเป็นอะไร”
เหนือภพเรียกไลลาว่าน้อง เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดคำถามถึงที่มาที่แท้จริงของไลลา แม่เฒ่ากระแอมทีหนึ่งเหมือนมีอะไรติดในลำคอ ก่อนจะตอบคำถามด้วยเสียงแหบแห้ง
“ดันไปเจอดีเข้าให้ นางไปทำอะไรมา ของจัญไรถึงเข้าตัวได้”
เหนือภพไม่อยากตอบคำถามนี้ เพราะไม่อยากเปิดเผยว่าไลลามีความสามารถอะไร แต่แม่หมอกลับตวาดขึ้นมาเสียก่อน
“มึงอย่ามาอ้ำอึ้ง รีบบอกกูมาให้หมด ไม่งั้นนังหนูนี่ไม่รอดแน่”
เหนือภพถอนหายใจ แล้วเขาก็ต้องจำใจบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังเข้าเมืองเพื่อช่วยชีวิตไลลา ในเมื่อสางลำไพรฝากชีวิตน้องสาวไว้กับเขา เขาต้องทำให้ได้
หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากเหนือภพ แม่เฒ่าก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรนัก เพราะแม่เฒ่ามองออกตั้งแต่แรกแล้วว่านังหนูนี่เป็นผู้มีวิชา ทั้งยังเป็นวิชาสายเดียวกับเธอด้วย แค่เธอไม่มั่นใจเท่านั้น พอรู้แบบนี้แม่เฒ่าก็มั่นใจมากขึ้น เธอรีบบริกรรมคาถา แล้วสาดพรมน้ำมนต์ลงบนร่างของไลลาอย่างต่อเนื่อง เมื่อน้ำมนต์เหล่านั้นกระทบตัวไลลาก็มีเสียงดังซ่า แล้วระเหยกลายเป็นไอทั้งหมด
“ต้องเป็นฝีมือไอ้แก่นั่นแน่ มันเชี่ยวชาญการสะท้อนของใส่ผู้อื่นเป็นที่สุด หากเอ็งไม่ใช้ให้นังหนูหาตัวมัน มันคงทำอะไรนังหนูนี่ไม่ได้”
แม้แม่เฒ่าจะบ่นพำพึม แต่เธอยังช่วยไลลาไม่หยุดมือ เมื่อพายุขนของที่แม่เฒ่าสั่งมาวางตรงหน้า แม่เฒ่าก็ใช้วิชาสุดความสามารถ ใช้ว่านยากำกับใช้แก้คุณไสยที่ไลลาได้รับ ทำให้เสียงกรีดร้องของไลลาดังระงม ต่อเนื่องยาวนอน จนกระทั่งเสียงของไลลาขาดหายไป ขอบตาดำคล้ำเริ่มเจือจาง ใบหน้าซีดเซียวก็เริ่มมีเลือดฟาด เป็นสัญญาณว่าไลลารอดแล้ว แต่ในขณะเดียวกันแม่เฒ่ากลับมีอาการอ่อนแรงลง
แม่เฒ่าพยายามพูดด้วยแสงแหบแห้งเช่นเดิม
“ที่นี่ไม่เหมือนเมืองปัญญาในตอนนั้น คิดจะทำหรือกินอะไรก็ต้องระวังให้ดี เดี๋ยวจะตายโดยไม่รู้ตัว ไป ! รีบไปได้แล้ว”
“ขอบคุณครับแม่เฒ่า แม่เฒ่าต้องการสิ่งใดตอบแทน เชิญบอกมา”
เหนือภพตัดใจพูดเพื่อรักษามารยาท และถือเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่แม่เฒ่าส่ายหน้า เหนือภพจึงอุ้มไลลากลับออกไป ขณะที่พายุยังไม่ยอมกลับ
“ทำไมมึงยังไม่ไปอีก”
“แม่ใหญ่ ข้า…”
“มึงจะอ้ำอึ้งแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อมึงตัดสินใจไปแล้ว มึงจะกลับมาทำไม มึงอยากตายหรือไง รีบกลับไปซะ ไอ้แก่นั่นมันไม่มีวันปล่อยมึง มึงก็รู้”
พายุเข้าใจดี แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่พายุคนก่อนอีกแล้ว ตอนนี้เขาเป็นถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานฮันเตอร์ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระ ปกป้องดูแลประชาชน เขาไม่ใช่คนรักตัวกลัวตายแบบในอดีต ดังนั้นเขาจึงไม่กลัว ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องแก้ไขอดีตที่เขาเคยมีส่วนร่วม ทำให้มันดีขึ้น
“ข้าไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะทำภารกิจที่ข้าได้มอบหมายให้สำเร็จ”
แม่เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทางอ่อนลงเล็กน้อย ดวงตาของเธอเริ่มมีประกายแห่งความอ่อนโยน แต่เธอก็ยังยืนกราน
“เจ้าไม่มีทางทำสำเร็จ ไอ้ยุเชื่อแม่ กลับไปซะ แม่ไม่อยากให้เจ้าต้องมาจบชีวิตอย่างคนอื่น ๆ กลับไปใช้ชีวิต มีเมียมีลูกที่เมืองหลวงจะถือว่า เจ้าได้ทดแทนบุญคุณของแม่แล้ว ในตอนนี้ไอ้แก่นั่นมันก็แค่เตือนพวกเจ้า ถ้าหากมันเอาจริง เจ้าก็น่ารู้ดีกว่าใคร ต่อให้แม่ใช้ชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเหลือเจ้า มันก็สายไปแล้ว”
คำพูดแม่เฒ่าทำเอาพายุเข้าใจดี และเข้าใจดีกว่าใคร ๆ แล้วพายุก็กราบลาแม่เฒ่าผู้ซึ่งเป็นแม่ทูนหัวของเขาด้วยความเคารพรักสุดใจ
เหนือภพออกมานอกโรงแรม เขากำลังพาไลลากลับเข้าไปพักผ่อนในรถม้า ขณะนั้นเองก็มีกลุ่มควันสีดำพุ่งเข้าหาเหนือภพด้วยความเร็วสูง จากทางด้านหลัง เหนือภพสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เขารีบหันกลับมาเมื่อเห็นควันดังกล่าว เขาก็รีบยกแขนขึ้นป้องกัน ทว่าทันทีที่กลุ่มควันนั้นสัมผัสตัวเหนือภพ มันก็แหลกสลายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน เหนือภพรีบใช้มือกุมคอเสื้อของตัวเองทันที นี่มันเบี้ยแก้ที่อาจารย์มอบให้เขาก่อนกลับวัดนี่นา เขาลืมมันไปได้ยังไง
อีกด้านถัดจากโรงแรมจุดที่เหนือภพอยู่นับยี่สิบกิโลเมตร ภายในกระท่อมซอมซ่อแห่งหนึ่งชายชราในชุดดำกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ชายชราคนนั้นหันมองไปยังคนที่อยู่เบื้องหน้าเขา ชายผู้นี้มีรูปร่างสูงโปร่งที่บนข้อมือมีสร้อยเบี้ยแก้อยู่
“ดูเหมือนเป้าหมายของพวกมึง จะมีของดีคุ้มกะลาหัวเหมือนกัน”