ตอนที่ 6 ไม่ปะทะ
ตอนที่ 6
ไม่ปะทะ
"โอ๊ย…."กระบี่ไม้ในมือของกงจื่อปัดเข้าที่มือของชิงหมิงอย่างจังจนกระบี่ของชิงหมิงหล่นลงพื้นไปอย่างหมดท่า หลังจากฝึกฝนการดูดซับพลังเซียนแล้ว ชิงหมิงก็ต้องมาฝึกการป้องกันตัวกับท่านน้ากงจื่อต่อ แต่ดูเหมือนชิงหมิงจะใช้กระบวนท่าโจมตีได้ไม่ดีนัก
"ข้าบอกให้เจ้าโจมตีให้หนักกว่านี้"กงจื่อในร่างของเยว่รู่ว่าพลางถอนหายใจออกมา ชิงหมิงเรียนรู้ได้ไว แม้แต่การดูดซับพลังเซียนที่ยากสำหรับผู้ฝึกฝนใหม่ๆก็ยังสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ท่าเท้าที่ซับซ้อนของวิชาเงาลวงก็ยังจดจำได้อย่างรวดเร็ว แต่พอเข้าสู่ช่วงวิชาต่อสู้ ชิงหมิงกลับทำได้ไม่ดีนัก
"ก็ข้าไม่อยากทำร้ายท่านน้านี่ขอรับ"ชิงหมิงตอบด้วยท่าทีงอนๆ ถึงจะเป็นแค่ดาบไม้ก็เถอะ แต่ชิงหมิงไม่อยากเอาดาบไม้ตีท่านน้านี่นา
"เจ้าเด็กโง่ อย่าคิดว่าข้าเป็นน้าของเจ้าสิ คิดว่าข้าเป็นศัตรูของเจ้าก็พอ"กงจื่อตอบพลางชี้กระบี่ไม้มาทางชิงหมิง
"แล้วทำไมศัตรูของข้าต้องมาทำร้ายข้าด้วยล่ะขอรับ"ชิงหมิงถามด้วยท่าทีสงสัย น่าเสียดายเด็กน้อยไม่เคยเจอใครเลยนอกจากพวกท่านน้า แล้วจะให้ชิงหมิงจินตนาการได้อย่างไรว่าศัตรูกำลังจะเข้ามาทำร้ายตนเอง
"ก็อย่างเช่น คนที่จะเข้ามาชิงบางอย่างจากเจ้า หรือจะมาเอาตัวเจ้าไปไง"กงจื่อยกตัวอย่าง เพราะที่พวกนางอยากจะฝึกวิชาป้องกันตัวเองให้ชิงหมิงก็เพราะไม่อยากให้ชิงหมิงโดนชิงตัวไปนั่นเอง
"แต่ข้าไม่มีอะไรเลยนะขอรับ แล้วใครจะมาชิงอะไรจากข้าล่ะขอรับ"ชิงหมิงถามด้วยท่าทีงุนงง แม้จะอยู่ในวังใหญ่โตเพียบพร้อมไปด้วยของหายากและสมบัติล้ำค่า แต่ชิงหมิงไม่ทราบถึงคุณค่าของพวกมันเลยแม้แต่น้อย สมบัติติดตัวชิงหมิงมีแต่ของขวัญที่ท่านน้ามอบให้ในวันเกิดไม่กี่ชิน ซึ่งมันก็ไม่ได้มีราคาอะไรมากมายเท่าไหร่
"เรื่องนั้น….ก็สมมุติไง"กงจื่อตอบด้วยท่าทีจนใจ นางก็ไม่ทราบจะยกตัวอย่างศัตรูที่คิดร้ายกับชิงหมิงออกมาอย่างไร เรื่องพลังพิเศษของชิงหมิงก็เป็นความลับเสียด้วย
"ข้าคิดไม่ออกขอรับ ไม่มีวิชาที่ไม่ต้องทำร้ายคนอื่นบ้างหรือขอรับ"ชิงหมิงถามด้วยท่าทีหงอยๆ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถโจมตีได้ดุดันหรอก
"เช่นนั้นก็ต้องเป็นวิชาสายป้องกันสินะ ว่ากันว่าผู้ฝึกวิชาสายนี้บางคนถึงกับเปลี่ยนร่างกายเป็นเหล็กกล้าได้เลยนะ คนที่คิดจะโจมตีต่างก็เจ็บตัวกลับไปทั้งนั้น"กงจื่อเสนอออกมา แต่น่าเสียดายในสำนักไม่มีวิชาสายแข็งแบบนั้นเลย แต่วิชาที่คล้ายๆกันก็มีอยู่
"ไม่เอาขอรับ เอาแบบไม่มีใครต้องเจ็บตัวเลยไม่ได้หรือขอรับ"ชิงหมิงถามพลางตอบด้วยท่าทีหงอยๆ แบบนั้นคนที่โจมตีเขาก็ต้องเจ็บด้วยนะสิ แถมตอนนี้คนที่โจมตีชิงหมิงก็มีแต่ท่านน้าเท่านั้น หากฝึกแบบนั้นท่านน้าจะเจ็บตัวเองหรือเปล่า…
"เจ้านี่เอาใจยากจริงๆ"กงจื่อถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ วิชาแบบนั้นจะไปมีได้อย่างไร
"มีสิวิชาแบบนั้น"ตู้กู่ที่นั่งดูอยู่ด้านหลังพูดพลางเดินเข้ามาหาชิงหมิงด้วยท่าทียิ้มๆแม้จะฝึกวิชาได้ไม่ถึงไหน แต่ได้เห็นเด็กน้อยคนนี้มีจิตใจดีไม่คิดทำร้ายใครให้เห็นตู้กู่ก็รู้สึกโล่งใจ เด็กคนนี้ไม่มีทางคลั่งแบบเหล่าฉีได้หรอก
"ไม่ใช่ว่าท่านต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นตอนข้าสอนหรอกหรือ"กงจื่อถามพลางมองไปทางตู้กู่ด้วยท่าทีงุนงง ก็ตกลงกันไว้ว่าเวลาเยว่รู่สอนวิชาให้ชิงหมิงพวกนางจะทำเป็นไม่รู้ว่าเยว่รู่มาหาชิงหมิงสิถึงจะถูก
"นิดหน่อยน่า...ถ้าข้าจำไม่ผิดในคลังตำราจะมีวิชาฝ่ามือเมฆาเร้นลับอยู่ ถ้าเป็นวิชานั้นน่าจะเหมาะกับความต้องการของนายน้อยนะ"ตู้กู่เสนอชื่อวิชาหนึ่งออกมา วิชานี้เป็นวิชาสำหรับป้องกัน เน้นผ่อนหนักเป็นเบา รับการโจมตีและผ่อนแรงไปในตัว แม้โดนโจมตีก็ไม่อาจทำร้ายได้
"แต่วิชานั้นมัน…"กงจื่อขมวดคิ้วด้วยท่าทีไม่ค่อยเห็นด้วย แม้จะฟังดูดี แต่หากเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าก็ไร้ความหมาย หากอีกฝ่ายกำลังเหนือกว่าก็รับไม่ไหว หากเร็วกว่าก็รับไม่ทัน แถมต่อให้รับได้ก็ทำได้แค่ผ่อนแรงเท่านั้น สู้ป้องกันแข็งกร้าวสวนกลับไปเลยไม่ดีกว่าหรือ
"ตอนนี้ก็แค่สอนตามที่นายน้อยต้องการไปก่อน หลังจากได้พื้นฐานแล้วค่อยฝึกฝนต่อก็ได้"ตู้กู่ตอบพลางมองไปทางชิงหมิงเหมือนจะถามความเห็น
"ขอรับ..เอาแบบนั้นก็ได้ขอรับ"ชิงหมิงได้ยินว่ามีวิชาแบบนั้นด้วยก็รีบตอบรับทันที ชิงหมิงไม่อยากให้ท่านน้ากงจื่อต้องบาดเจ็บในการฝึกนี่นา ต่อให้เป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ตาม
"ก็ได้...งั้นข้าจะแสดงกระบวนท่าให้ดู แล้วข้าจะไปหาเคล็ดวิชามาให้อ่านอีกที"กงจื่อพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเริ่มสอนวิชาฝ่ามือเมฆาเร้นลับให้กับชิงหมิงอย่างช้าๆ
.
.
ตุบ….
แม้จะได้เคล็ดวิชาจากท่านน้ากงจื่อมาแล้ว ชิงหมิงก็อ่านเพียงผ่านๆเท่านั้น ยามค่ำคืนชิงหมิงแอบออกมาจากวังก่อนจะนำตำราที่คัดลอกมาจากวิชาตัวเบาของสำนักออกมาอ่าน ตั้งแต่เริ่มฝึกวิชาก็ผ่านมาแล้ว 2 ปี ชิงหมิงใช้คำพูดของท่านน้ากงจื่อตอนสอนวิชาท่าเท้าเงาลวงเพื่อมาทำความเข้าใจวิชาตัวเบาของสำนัก แม้ท่านน้าจะบอกว่ามันยากมาก แต่ชิงหมิงกลับเอาความรู้ที่ได้มาเรียนรู้วิชาตัวเบาได้ทีละเล็กทีละน้อยจนเริ่มเข้าใจ
โครม…
แต่ถึงจะผ่านมา 2 ปีแล้วชิงหมิงก็ยังไม่สามารถก้าวเดินได้อย่างพวกท่านน้าเลย แม้จะสามารถข้ามระหว่างกิ่งไม้หนึ่งไปยังกิ่งไม้หนึ่งได้สบาย แต่พอพยายามฝืนข้ามไปหลายๆต้นในคราเดียวกลับร่วงลงมาเพราะขาดความต่อเนื่อง ทำเอาชิงหมิงตกลงมาได้แผลอยู่เป็นประจำ
"โอ๊ย…"ชิงหมิงมองบาดแผลของตนเองด้วยท่าทีหวาดเสียว แม้จะตกลงมาจากที่สูงร่างกายของผู้ฝึกฝนวิชาเซียนก็ยังบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แถมแผลพวกนี้จะหายสนิทในเช้าวันต่อมา เพราะแบบนั้นท่านน้าเลยไม่เคยสงสัยเวลาชิงหมิงแอบออกมาฝึกวิชาตัวเบาเลย
ชิงหมิงแอบฝึกวิชาตัวเบาในยามค่ำคืน และฝึกเรื่องต่างๆกับพวกท่านน้าในยามกลางวัน บ้างฝึกวิชากับท่านน้ากงจื่อ บ้างฝึกอ่านเขียนเรียนตำรากับน้าตู้กู่ ในบางครั้งยังได้ความรู้เรื่องต่างๆอย่างการปรุงยาหรือการสร้างอาวุธวิเศษจากท่านน้าฟ้านลี่ หรือเวลาที่ท่านน้าเหมยอิงว่างก็จะมาสอนเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันให้ชิงหมิงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานบ้านงานเรือน การเล่นดนตรี หรือแม้แต่ทำอาหาร ทำให้เวลาในแต่ละวันของชิงหมิงเหมือนจะนานแต่ก็สั้นอย่างน่าประหลาด เผลอครู่เดียวก็ผ่านไปอีก 1 ปีแล้ว
วูบ….
ในคืนหนึ่งหลังจากชิงหมิงแอบถามเรื่องจุดชีพจรที่เท้าจากน้ากงจื่อ ในที่สุดชิงหมิงก็บรรลุวิชาตัวเบาอย่างที่หวังเอาไว้จนได้ ยามร่างของชิงหมิงทะยานผ่านกิ่งไม้หนึ่งไปยังกิ่งไม้หนึ่งอย่างแผ่วเบานั้นทำเอาเด็กชายตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
"เอาล่ะ…."ชิงหมิงในวัย 8 ปีเดินมายืนอยู่ริมหน้าผายามค่ำคืน หน้าผานี้ชิงหมิงอยากจะข้ามมาตลอดหลายปีแต่ก็ไม่สามารถข้ามได้เสียที ชิงหมิงมองหน้าผาสูงที่เบื้องล่างมีแต่หินเต็มไปหมดด้วยท่าทีหวั่นๆ แต่ในเมื่อฝึกวิชาสำเร็จแล้วจะต้องกลัวอะไรอีก….
วูบ..
ชิงหมิงกลั้นใจออกวิ่งก่อนจะใช้วิชาตัวเบาที่ฝึกฝนมาอย่างหนักทะยานผ่านยอดเขาไปยังวังหลักเต็มแรง ในใจทั้งกลัวทั้งหวาดเสียวเพราะหากตกลงไปก็คงไม่จบแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเหมือนฝึกบนต้นไม้แน่ๆ
"หวา…"ชิงหมิงร้องออกมาด้วยท่าทีตกใจเมื่อร่างของชิงหมิงตกลงไวกว่าที่คิดเอาไว้ แบบนี้จะข้ามพ้นหรือไม่…
ตุบ…
ร่างของชิงหมิงตกลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งทางฝั่งยอดเขาของวังหลักเล่นเอาชิงหมิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะไม่สามารถข้ามไปยังวังหลักได้ทันทีเหมือนที่คิดเอาไว้แต่ชิงหมิงก็ข้ามมาฝั่งวังหลักได้เสียที เพียงแต่ร่างของชิงหมิงตกลงมาด้านล่างนิดหน่อยเลยต้องปีนเข้าวังหลังจากด้านล่างเอาอีกที
วูบ…
ชิงหมิงทะยานขึ้นมาบนวังหลักก่อนจะหลบซ่อนภายในเงามืดของวัง ชิงหมิงมาในครั้งนี้ไม่ได้จะมาพบมารดาตรงๆหรอก เพราะหากทำแบบนั้นพวกท่านน้าจะต้องถูกลงโทษแน่ๆ เรื่องนี้ชิงหมิงโตพอที่จะทราบแล้วแต่ไม่ว่าอย่างไรก็อยากจะเห็นใบหน้าของมารดาแท้ๆสักครั้ง เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดอย่างไรชิงหมิงก็ไม่อาจตัดใจได้จริวๆ จนสุดท้ายชิงหมิงจึงเลือกที่จะแอบเข้าวังหลักเพื่อจะได้มองเห็นมารดาสักครั้งก็พอแล้ว ขอเพียงเท่านั้นจริงๆ…..
ฟุบ...
ร่างของชิงหมิงผ่านระหว่างเงากำแพงผ่านเข้าไปในวังหลักอย่างรวดเร็ว วังหลักแห่งนี้ใหญ่โตกว่าวังของพวกท่านน้าหลายเท่าเพราะไม่ใช่แค่เป็นสถานที่อยู่ของนายหญิง แต่ยังเป็นวังที่มีศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักมาอีกด้วย
ก่อนจะมาที่นี่ ชิงหมิงแอบถามคำถามกับพวกท่านน้ามาหลายปีเลยทราบว่านอกจากชิงหมิงแล้วไม่มีผู้ชายคนอื่นในวังเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้ชิงหมิงเป็นคนเดียวที่สวมเสื้อผ้าของบุรุษ ชิงหมิงเลยเลือกที่จะเข้าไปในเรือนนอนของพวกศิษย์ก่อนเพื่อหาชุดที่พอจะสวมใส่ได้ และต้องนับว่าโชคดีไม่น้อยที่ชิงหมิงมีใบหน้าน่ารักน่าชังไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงนักพอได้เสื้อผ้าของพวกศิษย์มาแล้วก็ดูแนบเนียนไปกับศิษย์ใหม่ไม่น้อย
“..........”ชิงหมิงลอบเข้าไปที่ห้องโถงของวัง ก่อนจะลองเข้าไปด้านหลังซึ่งเป็นที่พักอาศัยของนายหญิงหงหนิง แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไร้วี่แววผู้คนอยู่ดี เท่าที่ชิงหมิงฟังมาจากพวกท่านน้า ปกติท่านแม่ไม่ออกไปไหนนอกจากส่วนที่พักของนางนี่นานี่ชิงหมิงเดินมาจนถึงสวนด้านหลังวังแล้วยังไม่พบเลย
“เฮ้อ....”ชิงหมิงที่แต่งกายด้วยชุดของศิษย์ใหม่ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ เขาเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนานหลายปีแต่พอได้โอกาสมาก็ไม่พบแม้แต่เงาของมารดา หรือว่านางจะออกไปทำธุระในวันนี้พอดีกันนะ....
“เจ้าเป็นใคร....”ระหว่างชิงหมิงกำลังจะถอดใจ อยู่ๆเสียงเสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังของชิงหมิงพอดีและที่นี่ก็เป็นเขตที่พักส่วนตัวของนายหญิงแห่งวังซ่อนเมฆาเท่านั้น ตามกฎแล้วห้ามผู้ใดเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ในยามค่ำคืนเช่นนี้คนที่จะมาอยู่ที่นี่ได้ก็มีเพียง....