บทที่ 219
เนี่ยฟงและหยางเวยหลังจากจัดการภายในเมืองเสร็จสิ้นทั้งสองก็ช่วยกันเผาทำลายซากศพของปีศาจ โดยทีที่ยังทิ้งชายชราเอาไว้อยู่ที่เดิมทั้งสองก็หาได้สังหาร รุ่งเช้าของอีกวันทั้งสองก็เดินทางต่อไปที่เมืองต่อไป การเดินทางครั้งนี้สะดวกยิ่งนักนั่งบนหลังกิเลนอัสนีไม่ถึงสองชั่วยามก็พบเห็นกำแพงเมืองแล้ว แต่ทว่าเมื่อเข้ามาด้านในทั้งสองก็ได้แต่ส่ายศีรษะไปมา เพราะสภาพด้านในถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี บ้านเรือนที่พักถูกทำลายหลงเหลือเพียงเศษซากปรักหักพัง ทั้งสองสำรวจอยู่นานเมื่อไม่มีสิ่งใดต้องจัดการที่นี่จึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงเขตแห่งไฟ ระยะทางเกือบยี่สิบลี้ก่อนเข้าเขตของเมืองหลวงทั้งสองตัดสินใจแอบเข้าไปโดยไปทางเท้าพุ่งทะยานไปตามซอกหิน เมื่อเข้ามาถึงระยะสิบลี้ก็เริ่มได้ยินเสียงร้องคำรามของปีศาจร้ายและสัตว์อสูร ในที่สุดก็เริ่มมองเห็นกำแพงขนาดใหญ่ของเมืองหลวงด้านหน้า หยางเวยถึงกับลอบเหงือเย็นผ่านหลัง ปีศาจจำนวนหลายร้อยตัวบินด้านบนของเมือง ส่วนใหญ่ไม่เคยพบเห็น และยังมีอีกจำนวนมากเช่นกันที่ยังอยู่ด้านในเมือง
“เนี่ยฟงเจ้าจะลงมือเมื่อไร”
“ข้าว่าข้าจะลงมือเอง เจ้าเพียงขึ้นไปด้านบนคอยโจมตีลงมาด้านล่างก็พอ”
“เจ้าแน่ใจนะ”
“ข้าจะเป็นตัวล่อให้เองก็แล้วกัน”
“เจ้าจะลงมือเมื่อไหร่”
“ทันทีที่แสงพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า หากโดมสีฟ้าปรากฏครอบพื้นที่เมืองเอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าค่อยลงมาสังหารพวกมันก็แล้วกัน เวลานี้ข้าจะไปวางแผ่นหินก่อน”
เนี่ยฟงพาหยางเวยพุ่งทะยานไปมารอบด้านของเมืองเพื่อแอบซุกซ่อนแผ่นหิน หลังจากนั้นทั้งสองก็หาที่หลบซ่อนเพื่อรอเวลาลงมือ แสงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าแสงสะท้อนมองเห็นเป็นสีส้มไม่นานความมืดก็เข้าปกคลุม กิเลนอัสนีปรากฏกายออกมา ไม่นานก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เนี่ยฟงสะบัดมือขวาสร้างม่านพลังหลบซ่อนตัว อีกทั้งยังสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าเพื่อจัดการบางอย่างหลังจากนั้นก็หันมาเอ่ยวาจากับหยางเวย
“หยางเวย ข้าจะลงไปด้านล่างก่อน เจ้าคอยสังเกตหากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวสำเร็จให้เจ้าซัดฝ่ามือลงไปอย่างสุดกำลัง”
“ได้”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับใช้ออกด้วยทักษะอาภรณ์สายลมและท่าเท้าเหยียบนภา เกราะสายฟ้าหมุนวนรอบกายนับสิบวงเช่นเดียวกับกระบี่นับสิบเล่ม ในมือขวาถือดาบสีดำกำชับแน่น เสียงถีบเท้าดังแว่วพร้อมกับเสียงร่วงหล่น ปราณดาบสีฟ้าพุ่งทะยานลงไปด้านล่างสามเล่ม ปะทะกับปีศาจสามตัวเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงร้องคำรามดังลั่นสายตาจับจ้องมองมนุษย์ผู้หนึ่งพุ่งทะยานลงมา ปราณฝ่ามือสีดำพุ่งเข้าหาโจมตี เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เกราะสายฟ้านับสิบวงหมุนวนเข้าต้านรับ ดาบในมือยังคงกวัดแกว่งอย่างรวดเร็ว เลือดสีเขียวพุ่งกระฉูดพร้อมกับปราณสีดำพุ่งพวย เนี่ยฟงแสยะยิ้ม ชี้นิ้วไปด้านหน้ากระบี่หลายสิบเล่มพุ่งทะยานโจมตี
การปะทะกันระหว่างมนุษย์ผู้หนึ่งและกองทัพปีศาจเสียงดังสนั่น เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกจากเกราะสายฟ้ารัดตัวปีศาจด้านหน้า ปราณดาบสีฟ้าวาดผ่านร่างกายตกตายไปหลายสิบตัว แต่นั่นก็ยังไม่พอเพราะจำนวนปีศาจมีมากเกินไป หยางเวยกำหนัดในมือแน่นเพื่อรอเวลาในที่สุดผ่านไปเกือบหนึ่งเค่อวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็ก่อตัวสำเร็จ ไม่รีรอสิ่งใดหยางเวยซัดฝ่ามือไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ ปราณฝ่ามือสีม่วงพุ่งเข้าปะทะ เปรี้ยง วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าสว่างวาบ เนี่ยฟงแสยะยิ้มรีบเก็บดาบสีดำในมือสะบัดมือซัดแผ่นหินขึ้นไปบนท้องฟ้ายี่สิบแผ่น ประกายสายฟ้าจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าหาแผ่นหินวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาอีกยี่สิบวงแผ่นหินแตกกระจาย ประกายสายฟ้าพุ่งไปยังแผ่นหินนับร้อยไปแอบซัดทิ้งไว้ ไม่ถึงสิบลมหายใจก็ปรากฏโดมอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าครอบทั่วทั้งเมือง
เสียงร้องโหยหวนและเสียงกรีดร้องดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง การสังหารเพียงฝ่ายเดียวได้เริ่มขึ้นแล้ว ปราณดาบสีฟ้า ปราณมีดสีม่วง อสรพิษดำและกิเลนอัสนี พุ่งเข้าสังหารปีศาจอย่างรวดเร็ว เม็ดยาเพิ่มพลังปราณถูกยัดเข้าปากหลายสิบเม็ด เลือดสีเขียวไหลนองเต็มทางเดิน กลิ่นคาวเลือดฉุนขึ้นจมูก รวมไปถึงซากศพเริ่มกองเป็นภูเขา ไม่นานแสงอรุณก็เริ่มทอแสงสาดส่องเข้ามาในเมือง ชายหนุ่มสองคนตอนนี้สภาพไม่ต่างจากยาจกเสื้อผ้าสวมใส่ฉีกขาดนั่งอยู่บนกองซากศพปีศาจร้ายด้วยความเหนื่อยล้า เกือบครึ่งชั่วยามทั้งสองก็พากันไปอาบน้ำที่แม่น้ำ หลังจากจัดการเสร็จสิ้นเนี่ยฟงหาได้ประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ และหยางเวยก็หาได้ทำลายซากศพ ทั้งสองช่วยกันค้นบางอย่างที่เขตผู้ปกครอง
ผ่านไปเกือบชั่วยามเนี่ยฟงค้นหาจนทั่วแต่ก็ยังไม่เจอสิ่งที่ตามหา ผิดจากหยางเวยที่ตอนนี้ยกยิ้มอย่างอารมณ์เพราะสมบัติจำนวนไม่น้อยที่หลงเหลืออยู่ เมื่อไม่พบสิ่งใดหยางเวยก็เข้าไปตรวจค้นที่จวนเจ้าเมือง ส่วนเนี่ยฟงเข้าไปตรวจค้นที่โรงหลอมเพื่อหาแผ่นหิน ไม่นานทั้งสองก็กลับมาที่บริเวณกองซากศพของปีศาจ
“เจ้าพบเจอสิ่งที่เจ้าต้องการหรือไม่เนี่ยฟง”
“ไม่พบเจอสิ่งใดเลยแม้แต่บันทึก”
เสียงสะบัดมือดังแว่ว หยางเวยนำบันทึกเล่มหนึ่งยื่นให้แก่เนี่ยฟง
“ข้าพบเจอบันทึกเล่มนี้ในห้องนอนของท่านเจ้าเมือง มันเป็นอักษรโบราณจึงนำมันมาให้เจ้า”
เนี่ยฟงรีบนำบันทึกมาตรวจสอบ สุดท้ายก็ไม่ได้สิ่งใดเพิ่มเติม หลังจากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันทำลายซากศพของปีศาจ เนี่ยฟงเสียยาละลายซากศพจำนวนไม่น้อย หลังจากนั้นไม่นานโดมสีฟ้าก็สลายลง เนี่ยฟงนั่งนิ่งครุ่นคิดบางอย่างอยู่ที่ด้านหน้าของประตูเมือง ส่วนหยางเวยตระเวนค้นสมบัติตามบ้านเรือนต่างๆ เวลาเกือบสามวันกลุ่มของจงเหรินป้าและหยางเฟยก็นำกำลังเข้ามาภายในเมือง จงเหรินป้าพบเห็นหยางเวยได้รับบาดเจ็บนั่งรักษาอยู่ด้านหน้า ตื่นตกใจไม่น้อย หยางเวยพาจงเหรินป้าเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง ทันทีที่เห็นเนี่ยฟงนั่งอยู่ภายในบ้านอย่างปกติก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน ไม่นานก็รีบนำจดหมายหนึ่งฉบับมายื่นให้เนี่ยฟงเช่นเดิม หลังจากเปิดอ่านเนี่ยฟงก็เอ่ยวาจาออกมา
“เจ้าส่งจดหมายแจ้งกลับไป ว่าข้าและหยางเวยบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน รักษาตัวอยู่ที่เมืองแห่งนี้”
“ได้ ข้าจะเร่งส่งจดหมายให้”
“ขอบใจเจ้ามาก”
รุ่งเช้าจงเหรินป้าส่งจดหมายด่วนกลับไปที่เมืองหน้าด่าน ขอกำลังเพิ่มเนื่องจากเนี่ยฟงและหยางเวยบาดเจ็บสาหัส สองวันต่อมา ทางด้านเสี่ยวจูและฟางจวินซีเร่งนำกองกำลังเข้ามาในเมืองหลวง ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาถึงก็รีบเข้าพบเนี่ยฟงและหยางเวยภายในห้อง แต่ทว่าเมื่อเข้ามาก็พบว่าทั้งสองหาได้เป็นสิ่งใด จึงทราบว่าเป็นเพียงแผนการหลอกล่อคนของหลิวปัง แน่นอนว่าทั้งสองทำตามแผนที่วางเอาไว้ เสี่ยวจูคอยจัดการประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์แทนเนี่ยฟง และเป็นฟางจวินซีคอยทำหน้าที่ดูแลทั้งสองภายในห้อง โดยใช้เลือดของสัตว์อสูรชโลมไปทั่วผ้าพันแผล
ภายในห้องรับรองแยกสำหรับทานอาหารในโรงเตี๊ยมมีชื่อในเมืองหลวง ชายชราสวมชุดสีเทาหน้าตาหล่อเหลาผมสีดอกเลา นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้รอคอยบางอย่าง ด้านหลังมีชายชราสองคนยืนก้มหน้านิ่ง ชั่วน้ำเดือดประตูด้านหน้าถูกเปิดออก ชายฉกรรจ์สองคนรีบเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับเสียงปิดประตูดังแว่ว ทั้งสองรีบคุกเข่าด้านหน้าชายชราพร้อมกับสะบัดมือขวานำจดหมายออกมาหนึ่งฉบับ ทันทีที่เปิดอ่านข้อความในจดหมาย ชายฉกรรจ์ทั้งสองก็ถูกแรงดันปราณระดับสีดำขั้นกลางกดดันนอนลงไปกับพื้น
“บัดซบ พวกเจ้าทำงานกันอย่างไรถึงสังหารไอ้เด็กเวรนั่นไม่ได้เสียที ตอนนี้มันได้รับบาดเจ็บหนักรีบจัดการซะ”
สิ้นเสียงกล่าวชายฉกรรจ์ทั้งสองก็มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดตกตายอยู่บนพื้น
“ใจเย็นๆขอรับ ข้าส่งมือดีออกไปจัดการแล้วคิดว่าอีกไม่นานท่านคงได้รับข่าวดี”
“มือดี มือดี บัดซบมือดีของเจ้าตกตายไปกี่คนแล้ว ย้ำคนของเจ้า หากสังหารมันได้ข้าอยากได้แหวนในมือของมัน คงเป็นมันแน่ที่สังหารเด็กพวกนั้นแล้วเอาสมบัติไป”
“บอกกล่าวข้าได้หรือไม่ขอรับว่าของที่ว่าคือสิ่งใด”
“หุบปากของเจ้าซะ ทำตามคำสั่งของข้าก็พอ”
แน่นอนว่าแรงกดดันระดับสีดำขั้นกลางถูกแผ่ออกมากดดันชายชราที่เอ่ยวาจาเช่นกัน
“ข้าให้เวลาเจ้าสิบวันรีบจัดการสังหารมันซะ”
สิ้นเสียงกล่าวชายชราผู้นั้นก็จางหายไปพร้อมกับแรงกดดันภายในห้อง ชายชราทั้งสองถึงกับถอนหายใจเรียกเสี่ยวเอ้อให้เข้ามาจัดการกับซากศพ