บทที่ 217
ชายผู้หนึ่งยืนถือตะเกียงไฟให้แสงสว่าง ส่วนชายอีกผู้หนึ่งยืนนิ่งก้มหน้าหลับตาหาได้ทำสิ่งใด เกือบหนึ่งเค่อเสียงสะบัดมือดังแว่ว กระบี่นับสิบเล่มออกจากมือขวาพุ่งออกไปตามทางด้านซ้ายและขวา ไม่นานกระบี่นับสิบก็พุ่งทะยานกลับมาหาผู้เป็นนาย ชายผู้หนึ่งค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆพยักหน้าให้อีกคนที่ยืนด้านข้าง หลังจากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าก้าวเดินไปทางซ้าย เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาสี่วงหมุนวนรอบกายคอยป้องกันอันตราย เมื่อก้าวเดินลึกไม่เท่าไรเริ่มได้กลิ่นฉุนเหม็นเน่าโชยออกมา สองข้างทางมีโครงกระดูกจอมยุทธ์มากมายเกลื่อนพื้นบริเวณผนังมองเห็นเป็นร่องรอยของปราณดาบและปราณกระบี่อย่างชัดเจน ชายหนุ่มผู้หนึ่งดวงตาลุกวาวรีบคว้าแหวนจากนิ้วมือของซากศพและที่ร่วงลงพื้นอย่างอารมณ์ดี
“รีบเถอะหยางเวย เราต้องสำรวจกันอีกนาน”
“ไอ้บ้าเอ๊ย รอข้าเดี๋ยวข้าพบเจอบางอย่าง”
“หือ”
เมื่อหันไปมองพบเห็นหยางเวยดึงแผ่นหนังออกจากกองซากศพ ทันทีที่สะบัดแผ่นหนังฝุ่นฟุ้งกระจาย เมื่อกางออกมาด้านในมีลวดลายคล้ายแผนที่และอักษรโบราณ หยางเวยรีบยื่นให้กับเนี่ยฟงพร้อมตะเกียง เมื่อจ้องมองเนี่ยฟงก็แสยะยิ้ม
“มันคือแผนที่ หากให้ข้าคาดเดามันคงเป็นแผนที่สุสานโบราณแห่งนี้ คนพวกนี้คงสังหารกันเพราะความโลภ แต่น่าเสียดายเวลาผ่านไปหลายปีคนพวกนี้ก็หาได้ใช้สมบัติที่แสวงหา แต่กลับเป็นเจ้าหยางเวยที่ได้ใช้สมบัติที่คนพวกนี้แสวงหาแทน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ามันคือตัวโชคดีของข้าโดยแท้เนี่ยฟง”
“เอาละเช่นนั้นเดินทางต่อเถอะ”
“เชิญคุณชายเนี่ยฟงนำทางขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวของหยางเวย เนี่ยฟงก็เดินนำหน้าทั้งสองเดินอยู่นานเกือบครึ่งชั่วยามก็พบเจอทางแยกทั้งสองเลือกเดินทางขวามือทันใดนั้นเองทั้งสองก็สัมผัสบางอย่างขนทั่วร่างตั้งชูชัน กลิ่นไอวิญญาณฟุ้งกระจายออกมาจากด้านใน
“เนี่ยฟงแน่ใจนะว่าเจ้ามาถูกทาง”
“แน่นอนในแผนที่ก็ชี้ให้มาทางขวามือเช่นกัน”
ในระหว่างนั้นเองหยางเวยก็พบเห็นบางอย่าง เป็นเมือกสีเขียวไหลออกมาจากทางด้านหน้าพร้อมกับโครงกระดูก ไม่ถึงสองลมหายใจมันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์ หยางเวยลอบเหงือเย็นผ่านหลังยกมือขวาขึ้นชี้ด้วยความหวาดกลัว เนี่ยฟงเมื่อหันไปมองก็หาได้พบเห็นสิ่งใด
“เจ้าพบเจอสิ่งใดหยางเวย”
“เจ้าไม่เห็นรึเนี่ยฟง”
“ข้าไม่พบเจอสิ่งใดด้านหน้า”
“บัดซบแล้วที่ข้าพบเห็นมันคือสิ่งใดกันแน่”
ทันใดนั้นเนี่ยฟงก็ได้ยินเสียงเอ่ยวาจาจากลุ่ยกง
“ไอ้หนูเพื่อนของเจ้าคงสัมผัสพลังวิญญาณจากที่นี่ได้”
“แล้วเหตุใดข้าถึงสัมผัสไม่ได้ละขอรับ”
“เรื่องนั้นข้าไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใด ไม่แน่อาจเป็นเพราะระดับพรสวรรค์ของเจ้าก็เป็นได้ แต่ว่าตอนนี้ทางที่ดีให้เพื่อนของเจ้าออกไปจากที่นี่เสียก่อน หากยังดันทุรังมุ่งหน้าเข้าไปด้านใน ข้าเกรงว่าเพื่อนของเจ้าจะกลายเป็นบ้าตกตายไปเสียก่อน”
เนี่ยฟงหยักหน้าพร้อมกับหันมาเอ่ยวาจาต่อหยางเวย
“หยางเวย สิ่งที่เจ้าพบเห็นมันเรียกว่าพลังวิญญาณจากคนตาย ข้าว่าเจ้าออกไปรอที่ด้านนอกดีหรือไม่”
“แต่”
“เจ้าไม่ต้องห่วงสมบัติหรอก หากข้าพบเจอข้าจะเก็บทุกอย่างมาให้เจ้า”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ข้าไม่ได้ห่วงสมบัติแน่นอนข้าเป็นห่วงเจ้า หากเข้าไปด้านใน”
เนี่ยฟงรีบยกมือขวาขึ้นห้าม
“เจ้าวางใจเถอะอีกสองชั่วยามข้าจะออกไปพบเจ้าที่ด้านนอกแน่นอน”
“ได้ อีกสองชั่วยามพบกัน”
หยางเวยรีบสะบัดมือขวานำตะเกียงออกมาจุดไฟพร้อมกับเดินกลับออกไป เนี่ยฟงเองเมื่อเห็นหยางเวยเดินลับสายตาก็หันหลังมุ่งหน้าเดินเข้าไปด้านใน ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เดินทะลุออกมาจากทางเดิน มองเห็นเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ถูกสร้างด้วยก้อนหินสีดำขนาดใหญ่ทับซ้อนกัน บริเวณรอบด้านมีหม้อและชามเครื่องปั้นดินเผาวางเกลื่อนเต็มพื้น ตรงกลางเห็นเป็นฐานหินยกสูงมีโลงศพที่ทำมาจากหินและไม้มากว่ายี่สิบโลงรอบด้าน ด้านบนของฐานหินเป็นโลงศพขนาดใหญ่ทำมาจากหินดำ เนี่ยฟงใช้เวลาสำรวจทั้งหมดไม่ถือหนึ่งเค่อก็หาได้พบเจอสิ่งใด แม้แต่สมบัติสักชิ้นก็หาได้พบเจอ เสียงสะบัดมือดังแว่วประกายสายฟ้าพุ่งออกจากมือขวาหมุนวนรอบกายไม่นานก็พุ่งหายเข้าไปที่โลงศพขนาดใหญ่บนฐานหิน
เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่มือขวาอีกครั้งประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากมือขวาหายเข้าไปที่โลงศพ หลังจากนั้นก็มีวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวปรากฏออกมาด้านบนของโลงศพ เกราะสายฟ้าปรากฏอีกครั้งเนี่ยฟงกระโดดขึ้นไปยืนด้านบนพร้อมกับจ้องมองไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวนานนับหนึ่งเค่อ หลังจากนั้นก็กระโดดลงมาด้านล่างนั่งโคจรลมปราณพร้อมกับครุ่นคิดบางอย่าง เกือบครึ่งชั่วยามเขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เสียงสะบัดมือดังแว่วอีกครั้งประกายสายฟ้าพุ่งไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวไม่นานตัวอักษรด้านในก็เริ่มถูกแก้ไขจากสีเขียวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เวลาค่อยๆไหลผ่านเกือบครึ่งชั่วยามวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวก็กลายเป็นสีฟ้าทั้งหมด ไม่ถึงสิบลมหายใจโลงศพด้านบนก็สั่นสะเทือนฝาโลงถูกเปิดออก มีแสงสว่างสีฟ้าพุ่งออกจากโลงศพ เนี่ยฟงรีบพุ่งทะยานขึ้นไปเหยียบเกราะสายฟ้าอีกครั้งจ้องมองไปที่โลงศพพบเห็นเป็นอาวุธรูปร่างประหลาดลักษณะคล้ายพลองขนาดสั้นสีขาวเป็นปล้องด้านล่างมีพู่สีฟ้าห้อยเอาไว้มีแสงสว่างสีฟ้าพุ่งออกมาจากพู่สีฟ้า ตัวปล้องมองเห็นเป็นอักษรโบราณสลักอยู่โดยรอบ
“ไอ้หนูเจ้าพบเจอของดีเข้าแล้ว”
“มันคือสิ่งใดขอรับ”
“อาวุธชิ้นนี้หากข้าจำไม่ผิดมันถูกเรียกว่าแส้แข็ง”
“แส้แข็ง”
“ใช่ ปล้องที่เจ้าเห็นมีอักษรโบราณสลักอยู่มันทำมาจากกระดูกสันหลังของมังกร อาวุธชิ้นนี้ข้าไม่พบเห็นผู้ใดใช้มานานมากตั้งแต่ก่อนสงครามในครั้งนั้น เจ้ารีบเก็บมันเถอะมันอาจจะมีประโยชน์ต่อเจ้าก็เป็นได้”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับกระโดดลงไปยืนบนฐานหินหลังจากนั้นก็ก้มคงไปคว้าที่ด้ามของแส้แข็ง เมื่อทดลองกวัดแกว่งดูพบว่ามันมีขนาดที่พอเหมาะมือกำชับแน่น แต่เมื่อทดลองโคจรลมปราณไปที่แส้แข็งแล้วทดสอบกวัดแกว่งอีกครั้งพบว่ามันสามารถพุ่งออกไปโจมตีจากระยะไกลได้พร้อมกับมีประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากปล้อง อีกทั้งมันสามารถเพิ่มน้ำหนักได้อีก แน่นอนว่าเนี่ยฟงรู้สึกชอบอาวุธชิ้นนี้ไม่น้อย เมื่อสังเกตดูด้านในโลงพบเห็นแหวนสีเทาวางอยู่ด้านในอีกหนึ่งวง เนี่ยฟงไม่ลืมที่จะนำมันติดมืออกมาด้วย แน่นอนว่าก่อนกลับเนี่ยฟงจัดการใช้วงอักขระศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งสำหรับปิดฝาโลง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็รีบมุ่งหน้าออกมาด้านนอก
“ไอ้หนู ข้าสัมผัสบางอย่างที่ด้านนอกมียอดฝีมืออยู่”
“ท่านสัมผัสได้กี่คนขอรับ”
“ผู้เดียว เจ้ารีบหน่อยก็แล้วกัน เพื่อนของเจ้าแย่เสียแล้ว”
เนี่ยฟงขมวดคิ้วแน่นเร่งฝีเท้าพุ่งทะยานไปตามทาง เมื่อใกล้ถึงทางออกได้ยินเสียงปะทะดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาหมุนวนรอบร่างกายมือขวากำชับดาบสีดำแน่น ทันทีที่พุ่งทะยานออกมาด้านนอกก็พบเห็นหยางเวยปะทะกับชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งสวมชุดสีดำ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย แต่สภาพของหยางเวยไม่สู้ดีเท่าไรนักเสื้อผ้าสวมใส่ฉีกขาดจากดาบในมือของชายฉกรรจ์ด้านหน้าเลือดสีแดงไหลย้อมออกมาจากแขนซ้าย เคร้ง มีดในมือขวาหยางเวยกระเด็นออกไป ทันใดนั้นเองชายฉกรรจ์ชุดสีดำก็ฟาดฟันดาบในมือออกไปหมายฟันหยางเวย เคร้ง เป็นเนี่ยฟงใช้ดาบในมือเข้าสกัดกั้นได้อย่างทันท่วงที
“หยางเวยเจ้าหลบออกไปก่อน ชายผู้นี้ข้าจัดการเอง”
“ได้ระวังตัวด้วย คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือข้าไม่แน่ใจว่าเป็นคนของผู้ใด ทันทีที่มันพบเจอข้าก็เข้ามาโจมตีแล้ว”
“เจ้าเร่งรักษาอาการบาดเจ็บเถอะ”
หยางเวยหาได้ตอบรับถีบเท้ถอยออกไปด้านหลัง ชายฉกรรจ์ด้านหน้าจ้องมองเนี่ยฟงอย่างไม่วางตาพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“เป็นเจ้าสินะที่สังหารท่านลุง”
“ท่านเข้าใจผิดแล้วขอรับ ข้าหาได้พบเจอท่านลุงของท่าน”
“เหอะ เจ้าจะรับหรือไม่ก็เรื่องของเจ้า แต่ข้าจะบอกกล่าวต่อเจ้าก็แล้วกัน ผู้คนทั้งหลายในเมืองข้าสังหารพวกมันเพื่อเซ่นไหว้ลุงของข้าแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวของชายฉกรรจ์ด้านหน้า เนี่ยฟงจ้องมองชายฉกรรจ์ด้านหน้าอย่างไม่วางตาพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“เมื่อครู่ท่านกล่าวว่าอย่างไรขอรับ”
“ผู้คนทั้งหลายในเมืองข้าสังหารพวกมัน”
ยังไม่ทันที่จะกล่าวสิ่งใดเพิ่มชายฉกรรจ์ด้านหน้าก็ถูกถีบกระเด็นออกไปด้านหลัง เปรี้ยง