บทที่ 216
เสียงน้ำมันจากเนื้อย่างร่วงลงในถ่านไฟ กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เด็กหญิงชายกัดกินผลไม้อย่างอร่อย รอยยิ้มที่หายไปนานของผู้คนเริ่มกลับมาอีกครั้ง ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดของชายฉกรรจ์หลายสิบคนด้วยกัน ชายชราผู้เป็นเหมือนเสาหลักใหญ่ตอนนี้นั่งจ้องมองเด็กน้อยอย่างมีความสุข เนี่ยฟงยุ่งอยู่กับการประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่กำแพงเมือง ส่วนหยางเวยยังคงย่างเนื้อแจกจ่ายผู้คนอยู่เช่นเดิมถึงแม้จะมีบรรดาแม่บ้านหลายคนมาช่วยด้วยก็ตาม ไม่นานพระอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า เมืองแห่งนี้ก็มีงานเลี้ยงเกิดขึ้นอย่างน่าแปลกใจ แสงไฟจากโคมและตะเกียงสว่างไสว หลายคนเริ่มนำสุราออกมาดื่มกินอย่างสนุกสนาน แน่นอนว่าเมื่อเนี่ยฟงกลับเข้ามาอีกครั้งตื่นตกใจไม่น้อย
“เจ้ากลับมาแล้ว”
“เกิดสิ่งใดขึ้นหยางเวย”
“อย่างที่เจ้าเห็น คนที่นี่คงอดอยากมานาน ว่าแต่ในส่วนของเจ้าเสร็จสิ้นหมดแล้ว”
“ใช่”
“เราจะเดินทางเลยหรือไม่”
“พรุ่งนี้เช้าคงเดินทางได้ เพราะที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว”
ในระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันได้มีชายชราและชายหนุ่มอีกสองคนเดินเข้ามาเป็นหยางเวยที่หันไปมอง
“ท่านผู้เฒ่า”
“ข้าวังเจี่ยหม่า ขอเป็นตัวแทนขอบคุณพวกเจ้าทั้งสองมา”
เนี่ยฟงและหยางเวยรีบเข้าไปประคองวังเจี่ยหม่าที่กำลังก้มคารวะ
“อย่าทำเช่นนี้เลยขอรับ มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด อีกอย่างเป็นพวกข้าเองที่ต้องขออภัยพวกท่าน”
“ข้าขอบใจพวกเจ้ามากอีกครั้ง”
“ไม่เป็นไรขอรับท่านผู้เฒ่า”
วังเจี่ยหม่าสะบัดมือขวานำแผ่นหนังออกมายื่นให้แก่เนี่ยฟง
“มันคือสิ่งใดขอรับ”
“ข้าไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งใด เพียงแต่ว่าในอดีตบิดาข้ากล่าวว่ามันคือแผนที่สุสานโบราณเก่าแก่ที่หนึ่งในดินแดงแห่งไฟ”
เนี่ยฟงและหยางเวยขมวดคิ้ว
“พวกเจ้ารับไปเถอะ ไม่แน่มันอาจมีประโยชน์ต่อพวกเจ้าก็เป็นได้”
“แต่ว่า”
“เด็กหนุ่มเช่นพวกเจ้าเอาไปเถอะ มันอยู่ที่ตาแก่อย่างข้าก็ไร้ประโยชน์เพราะมันมีข้อความที่พวกข้าหาได้อ่านออกได้”
เนี่ยฟงรีบกางแผ่นหนังออกมาก็พบว่ามันเป็นอักษรโบราณ
“เช่นนั้นข้าขอบคุณท่านมากขอรับ”
“เอาละคืนนี้พวกเจ้าเข้าพักที่นี่เถอะ ข้าให้คนจัดเตรียมที่ให้แล้ว”
“ขอรับ”
วังเจี่ยหม่ายกยิ้มหันหลังเดินออกไป เป็นเนี่ยฟงที่เอ่ยวาจาออกมาอีกครั้ง
“หยุดก่อนท่านผู้เฒ่า”
เสียงสะบัดมือดังแว่วขวดยาสีขาวนวลสองขวดอยู่ในมือขวาพร้อมกับยื่นให้แก่วังเจี่ยหม่า
“นี้เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ ท่านเก็บเอาไว้เถอะมันอาจมีประโยชน์ต่อพวกท่าน”
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินตามวังเจี่ยหม่าเข้าไปที่งานเลี้ยง มีเด็กหญิงชายหลายคนรีบวิ่งเข้ามาหาทั้งสองแน่นอนว่าเป็นหยางเวยที่สะบัดมือนำผลไม้และขนมออกมาให้เด็กๆ เสียงหัวเราะดังลั่นออกมาหลายคนเริ่มเมาสุราบ้างแล้ว เนี่ยฟงและหยางเวยตอนนี้ทำได้เพียงพยุงมือหลายคนเพื่อไม่ให้คารวะพวกตนนานนับหลายเค่อ งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงยามไฮ่หลายคนเริ่มทยอยกลับเข้าที่พัก เนี่ยฟงและหยางถูกนำไปพักที่บ้านหลังหนึ่งบริเวณประตูเมืองด้านหน้า ทั้งสองนั่งโคจรลมปราณจนถึงเช้า ทันทีที่แสงอรุณทอแสงทั้งสองก็เดินทางออกจากเมืองมุ่งหน้าไปยังเมืองใหม่ที่เป็นเป้าหมาย กิเลนอัสนีพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้า
ตลอดช่วงเวลาเดินทางเนี่ยฟงนั่งจ้องมองแผ่นหนังที่ได้จากวังเจี่ยหม่าสลับกับมองแผนที่ที่ได้มาจากหยางเวยสลับกันไปมา ไม่นานก็เอ่ยวาจาออกมา
“หยางเวยเจ้าสนใจไปสำรวจสุสานโบราณที่กล่าวถึงในแผ่นหนังหรือไม่”
“เจ้าทราบรึว่ามันอยู่ที่ไหน”
“หาดเดาไม่ผิดข้าคิดว่ามันอยู่ระหว่างทางที่เราจะไป”
“เช่นนั้นคุณชายเนี่ยฟงนำทางเลยขอรับ หวังว่าที่นั่นจะมีสมบัตินะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เนี่ยฟงส่ายศีรษะไปมาจ้องมองหยางเวย หลังจากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางซ้ายมือกิเลนอัสนีร้องคำรามเบี่ยงตัวพุ่งไปทางซ้ายมือตามคำสั่งของผู้เป็นนาย พื้นที่ด้านล่างเต็มไปด้วยพื้นดินสีแดงและหินขนาดใหญ่มีต้นไม้ขึ้นประปรายเป็นแนวยาว ไม่นานทั้งสองก็ได้ยินเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรดังแว่ว พื้นดินด้านล่างยุบตัวลงสัตว์อสูรหนอนตัวใหญ่มีหนามแหลมรอบกายพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินสังหารสัตว์อสูรตัวหนึ่งด้านล่าง ทั้งสองหาได้สนใจเพียงหรี่ตามองเท่านั้น แต่ทว่าหนอนตัวใหญ่ด้านล่างหาได้คิดเช่นนั้น มันร้องคำรามเสียงดังลั่นหลังจากนั้นพื้นดินด้านล่างก็ยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงสามลมหายใจก็มีสัตว์อสูรหนอนตัวใหญ่โผล่ออกมาอีกสามตัว พวกมันจ้องมองกิเลนอัสนีตัวใหญ่ด้านบนประดุจอาหารอันโอชะ เนี่ยฟงขมวดคิ้วเกราะสายฟ้าสามวงปรากฏออกมาต้านรับก้อนดินขนาดใหญ่ที่ถูกพ่นออกมาโจมตี เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
“อีกนานไหมเนี่ยฟงเราจะพบเจอทางเข้าสุสานที่เจ้ากล่าว”
“ข้าว่ามันอยู่แถวนี้ หากเจ้าจะสำรวจคงต้องสังหารหนอนตัวเล็กด้านล่างสามตัวเสียก่อน”
“ตัวเล็กบ้านเจ้าเถอะ ว่าแต่เราต้องสังหารพวกมันจริงใช่หรือไม่”
“แน่นอนหากเจ้าต้องการสำรวจสุสานจริงๆ”
หยางเวยหาได้กล่าวสิ่งใดสะบัดมือขวากำชับมีดอันแปลกประหลาดในมือแน่นจ้องมองลงไปด้านล่าง
“เนี่ยฟงรบกวนเจ้าสร้างเกราะสายฟ้าป้องกันให้ข้าที”
สิ่้นเสียงกล่าวของหยางเวย เกราะสายฟ้าสามอันก็หมุนวนรอบกาย หยางเวยแสยะยิ้มถีบเท้าลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับเร่งโคจรลมปราณไปที่มีดฟาดฟันไปลงเพื่อเปิดทาง ปราณมีดสีม่วงพุ่งลงมาสี่เล่มเข้าปะทะกับหนอนตัวใหญ่ด้านล่างเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง แต่ทว่ามันกลับไม่สามารถระคายเคืองผิวหนังแม้แต่น้อย หยางเวยถึงกับตื่นตกใจฟาดฟันมีดในมืออีกครั้ง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ไม่แม้แต่จะสร้างรอยแผลให้กับหนอนตัวใหญ่ทั้งสี่ แน่นอนเนี่ยฟงที่จ้องมองอยู่ด้านบนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
“ไอ้หนูเจ้าสังเกตให้ดีสิว่าหนอนพวกนั้นมันมีสิ่งใดปกคลุมร่างกายของมัน”
เนี่ยฟงจ้องมองด้วยความตั้งใจก็พบว่ารอบกายของหนอนตัวใหญ่ด้านล่างมีเมือกบางๆปกคลุมรอบตัวเพื่อป้องกันอันตรายจึงตะโกนแจ้งหยางเวยที่อยู่ด้านล่าง
“หยางเวยใช้เถาวัลย์จัดการมัน”
มีดอันแปลกประหลาดถูกเก็บเอาไว้ในแหวนแผ่นหินสี่แผ่นถูกนำออกมาถือไว้ หยางเวยเร่งโคจรลมปราณไปที่แผ่นหินทั้งสี่ไม่ถึงสามลมหายใจก็ซัดแผ่นหินออกไป วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาเถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกมาจากแผ่นหินรัดตัวหนอนตัวใหญ่ทั้งสี่อย่างรวดเร็ว ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาเผาเมือกบางๆที่ป้องกันร่างกายเอาไว้ เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วบริเวณ มันพยายามมุดหนีลงไปใต้พื้นดินแต่ทว่าก็ถูกฉุดรั้งโดยเถาวัลย์สีฟ้า
หยางเวยแสยะยิ้มกำชับมีดอันแปลกประหลาดในมืออีกครั้งพุ่งทะยานเข้าหา ปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าปะทะกับร่างกายของหนอนตัวใหญ่เต็มๆ เปรี้ยง เลือดสีเขียวพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผล ส่วนอีกสามตัวที่เหลือในเมื่อหนีไม่ได้ก็กัดหินและดินพ่นโจมตีศัตรูด้านหน้า เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เกราะสายฟ้าของเนี่ยฟงสกัดกั้นหินและดินที่พ่นเข้ามาได้อย่างดี แต่ทว่าก็เริ่มมีรอยร้าวอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเนี่ยฟงเองก็รับรู้ได้เช่นกัน
“หยางเวยระวังเกราะสายฟ้ามันเริ่มมีรอยร้าวแล้ว”
หยางเวยเพียงแต่พยักหน้าตอบรับหาได้กล่าวสิ่งใดตอบใช้ความเร็วพุ่งหลบก้อนหินและดินที่พุ่งเข้ามา เนี่ยฟงตบไปที่หลังกิเลนอัสนีพร้อมกับพุ่งลงมาด้านล่างกำชับดาบสีดำในมือพร้อมกับเร่งโคจรลมปราณไปที่ดาบใช้ออกด้วยทักษะผ่าธรณีฟาดฟันลงไป ประกายสายฟ้าพุ่งออกไปรัดตัวหนอนตัวใหญ่ตัวหนึ่งปราณดาบสีฟ้าวาดผ่าน เปรี้ยง ร่างกายขาดเป็นสองท่อนเลือดสีเขียวพุ่งกระฉูดสาดไปตามพื้นดิน พื้นดินด้านหลังถูกปราณดาบทำลายเป็นหลุมลึก ส่วนอีกสองตัวร้องคำรามคิดหลบหนีแต่ทว่าก็ไม่รอดไม่ถึงสามลมหายใจก็ถูกสังหารจนสิ้น
“ไอ้หนูมีบางอย่างโผล่ออกมาบริเวณพื้นดินที่ปราณดาบของเจ้าทำลาย”
เนี่ยฟงรีบพุ่งไปสำรวจด้านหลังพบเห็นเป็นก้อนหินสีดำขนาดใหญ่ทับซ้อนกันเป็นเหมือนผนังหิน เมื่อใช้มือเคาะไปตามผนังเหมือนมีช่องอยู่ด้านหลัง ดาบสีดำปรากฏในมืออีกครั้ง ไม่รีรอเนี่ยฟงฟาดฟันดาบอย่างรวดเร็ว ปราณดาบพุ่งเข้าปะทะผนังหิน เปรี้ยง ผนังหินถูกทำลายลงเป็นช่องเนี่ยฟงแสยะยิ้มตะโกนเรียกหยางเวยเสียงดังลั่น
“หยางเวยข้าเจอทางเข้าสุสานโบราณแล้ว”
ยามไฮ่ สามทุ่มถึงสี่ทุ่มห้าสิบเก้า