บทที่ 213
รุ่งเช้าอรุณเริ่มทอแสงสายฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืนได้หยุดลง กลุ่มติดตามของจงเหรินป้าและหยางเฟยก็มาถึงเมืองที่บุกยึด เนี่ยฟงนั่งโคจรลมปราณอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้า ส่วนหยางเวยรับหน้าที่ย่างเนื้อสัตว์อสูรเช่นเดิม กลุ่มของจงเหรินป้ายังคงตื่นตกใจกับซากศพของปีศาจร้ายที่กองอยู่บนพื้นด้านหลังของทั้งสอง จงเหรินป้าสั่งคนติดตามพักผ่อนส่วนตนเองนั้นก้าวเดินเข้าหาเนี่ยฟงพร้อมกับยื่นจดหมายให้ ทันทีที่เปิดอ่านเนี่ยฟงถึงกับต้องขมวดคิ้วจ้องมองจงเหรินป้า
“ขอบใจเจ้ามากเอาเป็นว่าข้าจะระวังตัวก็แล้วกัน หากเป็นไปได้ขอให้ตาแก่พวกนั้นส่งยอดฝีมือมาให้เยอะที่สุด ข้าจะได้สังหารในทีเดียว”
“ถึงอย่างไรเจ้าก็ควรระวังตัวหน่อยศิษย์น้อง”
“ขอรับ ว่าแต่พวกเจ้าทานอะไรมาหรือยัง หยางเวยย่างเนื้อรอพวกเจ้าแต่เช้าแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟง หยางเวยและหยางเฟยก็นำเนื้อย่างมาให้แก่ทั้งสองและกลุ่มผู้ติดตาม หลังจากทานอาหารจนอิ่มทั้งหมดก็ช่วยกันจัดการกับซากศพของปีศาจและจัดการกับบ้านเรือนที่ได้รับการเสียหาย ส่วนเนี่ยฟงยังคงรับหน้าที่ประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์รอบกำแพงเมือง
“ไอ้หนู เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนแอบจ้องมองเจ้าอยู่”
“รู้ขอรับ พวกมันคงติดตามจงเหรินป้ามา ดีเหมือนกันขอรับข้าเบื่อกับการสังหารพวกปีศาจแล้ว”
“แล้วเจ้าจะลงมือเลยหรือไม่”
“คงต้องรอก่อนขอรับ ทันทีที่ข้าจากเมืองคนพวกนั้นคงติดตามข้าไปแน่ ถึงเวลานั้นค่อยลงมือขอรับ”
เวลาค่อยๆไหลผ่านเนี่ยฟงจัดการประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์รอบกำแพงเมืองเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีแดงฉาน นกนานาชนิดน้อยใหญ่บินกลับรังเป็นฝูง ไม่นานหยางเวยก็ออกมาตามเนี่ยฟง
“ไอ้บ้าเนี่ยฟง อาหารเย็นเสร็จแล้ว”
“อืม”
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินเข้าเมือง ก็มีเสียงร้องตะโกนดังลั่นมาจากด้านหลัง เมื่อทั้งสองหันไปมองก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะมีชายหนุ่มสองคนสวมชุดสีเทาและสีม่วงนำกำลังทหารนับร้อยนายมุ่งหน้ามาที่นี่ หยางเวยรีบพุ่งเข้าไปด้านในเมืองเพื่อตามจงเหรินป้าและหยางเฟยออกมาที่ด้านนอก เมื่อจงเหรินป้าและหยางเฟยออกมาก็รีบก้มคารวะชายหนุ่มทั้งสอง
“คารวะคุณชายหยวนปิงและคุณชายเจิงอันไป๋ขอรับ”
ต่างจากเนี่ยฟงและหยางเวยที่ยังคงยืนนิ่งหาได้ก้มคารวะแต่อย่างใด สร้างความโกรธเคืองให้แก่ชายคุณชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าทั้งสองเหตุใดถึงไม่คารวะคุณชายทั้งสอง”
หยางเวยขมวดคิ้วเอ่ยวาจาตอบทหารองครักษ์ผู้หนึ่งที่เอ่ยวาจาออกมา
“ข้าหาได้รู้จักพวกเจ้าไม่ แล้วเหตุใดจึงต้องคารวะ”
“บังอาจ รู้จักหรือไม่เจ้าก็ต้องคารวะ”
จงเหรินป้าเห็นว่าหากปล่อยเอาไว้นานอาจมีการปะทะกำลังกันแน่ จึงรีบกล่าววาจาแจ้งทั้งสอง
“ต้องอภัยเพื่อนของข้าทั้งสองด้วยขอรับ”
จงเหรินป้าต้องกล่าวแนะนะให้ทั้งสอง
“คุณชายที่สวมชุดสีเทามีนามว่าหยวนปิง เป็นบุตรชายของแม่ทัพใหญ่หยวนซือจวินแห่งเขตปกครองแห่งดิน ส่วนคุณชายอีกคนมีนามว่าเจิงอันไป๋ เป็นบุตรชายของท่านเสนาเจิงต้าฟู่แห่งเขตปกครองแห่งดินเช่นกัน”
เนี่ยฟงและหยางเวยพยักหน้าตอบรับแต่ก็หาได้ก้มคารวะคุณชายทั้งสอง ทำให้ทหารองครักษ์ผู้นั้นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เสียงสะบัดมือดังแว่วดาบคู่ใจกำชับในมือขวาแน่นยกขึ้นชี้หน้าหยางเวยและเนี่ยฟง
“บัดซบ ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองทราบแล้วหาได้กล่าวคารวะ อยากเจ็บตัวเช่น”
เปรี้ยง เป็นหยางเวยที่พุ่งเข้าต่อยใบหน้าชายองครักษ์ผู้นั้นที่กล่าวยังไม่ทันจบ พร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“เป็นบุตรชายของแม่ทัพใหญ่และเสนาแล้วอย่างไร ที่นี่หาใช่ในเมืองหลวงที่พวกเจ้าจะมาเบ่งอำนาจได้”
องครักษ์ผู้นั้นตอนนี้ใบหน้าปูดบวมจ้องมองหยางเวยอย่างไม่วางตา ทหารที่ติดตามต่างรีบพุ่งเข้ามาล้อมทั้งสองเอาไว้ จงเหรินป้าและหยางเฟยรีบเดินเข้ามากล่าววาจาแต่เป็นเนี่ยฟงที่ยกมือขึ้นห้ามพร้อมเอ่ยวาจาออกมา
“หยางเวยพอเถอะ เราต้องมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะอย่าเสียเวลาที่นี่เลย”
ในระหว่างนั้นเองหยางเวยหันหลังเดินกลับมา เนี่ยฟงหรี่ตาจ้องมององครักษ์ผู้นั้นที่ตอนนี้หันไปมองชายหนุ่มนามเจิงอันไป๋ ไม่ถึงสองลมหายใจก็พุ่งเข้าหาหยางเวย เนี่ยฟงสะบัดมือขวากระบี่เล่มหนึ่งพุ่งทะยานออกไปจ่อที่คอหอยเจิงอันไป๋ ส่วนด้านหลังหยางเวยมีเกราะสายฟ้าปรากฏออกมาต้านรับคมดาบขององครักษ์ เปรี้ยง หยางเวยเร่งโคจรลมปราณที่มือขวาพร้อมกับหันไปตบใบหน้าขององครักษ์ เพียะ กระเด็นออกไปทางซ้ายมือ ทหารนับร้อยสะบัดมือขวากำชับอาวุธในมือจ้องมองเนี่ยฟงและหยางเวยอย่างไม่วางตา จงเหรินป้าแทบจะลงไปคุกเข่าที่พื้นแต่ถูกหยางเฟยประคองเอาไว้
“อย่างที่หยางเวยกล่าว ที่นี่หาใช่เมืองหลวงที่พวกเจ้าจะมาอวดเบ่งได้ คนมีฝีมือเท่านั้นที่สมควรได้รับการยกย่องที่นี่ หาใช่คุณชายเจ้าสำอางเช่นพวกเจ้าทั้งสองไม่ หากยังไม่คิดหยุดมือ พวกเจ้าเตรียมตัวบอกกล่าวต่อเสนาเจิงว่าบุตรชายและทหารองครักษ์ตกตายเช่นใด”
ในระหว่างที่กล่าวเนี่ยฟงแอบแผ่ลมปราณตรวจสอบการเคลื่อนไหวของผู้แอบติดตามด้านนอก ตรวจพบแต่พวกเขาก็ยังนิ่งเงียบ ทันใดนั้นหยวนปิงก็เอ่ยวาจาออกมา
“เจ้าพูดเองรึว่าที่นี่ยกย่องคนมีฝีมือ ได้ เช่นนั้นข้าหยวนปิงขอท้าประลองเจ้า ไอ้เด็กเวร มาดูกันว่าข้าจะทุบตีเจ้าอย่างไร”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มหันไปมองหยวนปิงพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“เจ้าจะประลองทั้งสองคนเลยรึไม่ หรือจะเป็นทหารที่เจ้านำติดตัวมาด้วย ข้าคิดว่าหากเป็นเจ้าผู้เดียว การประลองคงจบลงอย่างรวดเร็วเป็นแน่”
“ข้าหยวนปิงขอท้าประลองกับเจ้า ไอ้เด็กเวร หาต้องมีผู้ใดเกี่ยวข้อง”
“เช่นนั้นเชิญคุณชายหยวนปิงขอรับ”
เนี่ยฟงหาได้เรียกกระบี่ที่จ่อคอหอยเจิงอันไป๋กลับ สะบัดมือขวาถือเพียงมีดสั้นสีดำเอาไว้ในมือเท่านั้น
“สำหรับท่านเพียงแค่มีดสั้นเล่มนี้ก็คงพอ”
แน่นอนว่าสิ่งที่เนี่ยฟงกล่าวออกมาสร้างอารมณ์โกรธให้แก่หยวนปิงไม่น้อย ทวนเหล็กเล่มใหญ่ถูกกำชับแน่นในมือขวา เนี่ยฟงเองยกมือซ้ายกวักเรียกหยวนปิง
“มาดูกันว่าข้าจะทุบตีเจ้าอย่างไร บุตรชายแม่ทัพใหญ่”
“ข้าจะสังหารเจ้า ไอ้เด็กเวร”
หยวนปิงร้องคำรามพุ่งทะยานเข้าหาเนี่ยฟงอย่างรวดเร็วพร้อมกับกวัดแกว่งทวนเหล็กในมือ เนี่ยฟงแสยะยิ้มซัดมีดสั้นสีดำออกไปทางขวามือ หลายคนที่จ้องมองการต่อสู้ต่างส่งเสียงหัวเราะออกมาเพราะคิดว่าเนี่ยฟงหวาดกลัวต่อหยวนปิงถึงกับซัดมีดออกไปทางขวามือของตน หลังจากนั้นเนี่ยฟงทำได้เพียงหลบหลีกไปมาพร้อมกับใช้ฝ่ามือทั้งสองปัดป้องทวนเหล็กที่โจมตีเข้ามา ในจังหวะที่ทวนเหล็กถูกฟาดหวดลงมา เนี่ยฟงเบี่ยงตัวหลบไปทางขวาใช้มือซ้ายคว้าจับทวนเหล็กเอาไว้ออกแรงดึงเข้ามา ง้างหมัดขวาต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของหยวนปิง เปรี้ยง ใบหน้าสะบัดไปทางซ้ายเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกจากปากพร้อมกับฟันสองซี่ เนี่ยฟงปล่อยทวนในมือซ้ายถีบเท้าถอยออกมา
“พอแค่นี้ดีหรือไม่ ข้าไม่อยากทำร้ายพวกเจ้ามากนัก”
หยวนปิงร้องคำรามระเปิดพลังปราณสีแดงขั้นสูงออกมาพุ่งเข้าหาเนี่ยฟงพร้อมกับกระหน่ำฟาดหวดทวนเหล็กในมือ เป็นเช่นเดิมเนี่ยฟงหลบหลีกซ้ายขวาก้าวเดินเข้าประชิดอย่างช้าๆ แทงเข่าขวาเข้าไปที่ชายโครงด้านซ้าย เปรี้ยง เสียงสำรอกของเก่าดังแว่วพร้อมกับหยวนปิงลงไปนอนกับพื้น ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ องครักษ์ที่ถูกหยางเวยตบไปที่ใบหน้าพุ่งทะยานเข้าหาเนี่ยฟงจากด้านหลังพร้อมกับดาบในมือ แต่ทว่าก็หาได้ทำสิ่งใดได้ถูกมีดสั้นสีดำเสียบแทงต้นขาขวาทะลุล้มลงไปคุกเข่ากับพื้น
“เจ้ามันเป็นเพียงสุนัขลอบกัดเพียงแค่นั้น เสียงแรงที่เป็นถึงองครักษ์”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงแผ่ลมปราณระดับสีดำขั้นต้นเข้ากดดันองครักษ์ผู้นั้นนอนแน่นิ่งเพราะถูกแรงดันปราณกดทับ พร้อมกับหันไปมองทหารนับร้อยที่กำชับอาวุธในมือ ก้าวเดินอย่างช้าๆเข้าหาหยวนปิงแต่สายตาจับจ้องไปที่เจิงอันไป๋ที่ตอนนี้ยืนนิ่งหาได้กล่าวสิ่งใดออกมา เนี่ยฟงก้มลงไปกระซิบข้างๆหูหยวนปิง
“ต่อให้บิดาของเจ้ามาก็หาได้หยุดข้าได้ นอกจากเจ้าจะกล่าวยอมแพ้”
เมื่อกล่าวสิ้นเสียงก็ง้างมือขวาตบไปที่ใบหน้าของหยวนปิงดังลั่น เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ