ตอนที่ 33 อย่าโกรธเลยน่า โอเคมั๊ย?
“ฉันรู้สึกขอบคุณมาก ๆ ที่คุณดีกับเฉินเฉินถึงเพียงนี้ แต่นาฬิกาเรือนนี้ไม่เหมาะกับเขาจริง ๆ ค่ะ คุณอาจจะทำให้เขายอมรับมันไว้ได้ แต่เขารึจะกล้าใส่ ถ้าคุณอยากให้ของขวัญเขาจริง ๆ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่ราคาไม่แพงกับเขาดีกว่าค่ะ”
เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “สำหรับการ์ดใบนี้... ฉันพอจะมีรายได้อยู่บ้าง ฉัน…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เหมาเยซื่อก็ขัดจังหวะด้วยเสียงเย็นชาและแน่นิ่ง “เอาเป็นว่าฉันจะรับฝากนาฬิกาเรือนนี้ไว้ก่อนก็แล้วกัน แล้วจะให้เขาอีกทีเมื่อเขาเหมาะสมที่จะสวมมัน แต่กับการ์ดใบนั้น คุณต้องเก็บมันไว้ ยังไงคุณก็ต้องใช้”
“แต่ฉัน…”
เหมาเยซื่อยกมือขึ้น ขัดเธออีกครั้ง สายตาหรี่ลงเล็กน้อย พร้อมกับเสียงที่เย็นเฉียบ “ถ้าภรรยาฉันต้องออกไปทำงานหาเงินเอง มันคงน่าละอายใจไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ?”
เฉียวเมียนเมียนกำลังจะตอบ แต่เขากลับพูดต่ออย่างคมคาย “ก่อนหน้านี้คุณเคยปฏิเสธเงินของซูเจ๋อด้วยหรือเปล่า?”
คำถามนั้นทำให้เฉียวเมียนเมียนนิ่งเงียบไปทันที ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันแน่น คำตอบของคำถามนี้ชัดเจนอยู่ในใจ
เธอไม่เคยปฏิเสธซูเจ๋อ แต่กับเหมาเยซื่อ…มันไม่เหมือนกัน เธอรู้จักซูเจ๋อมาเป็นสิบปี แต่กับเหมาเยซื่อ พวกเขาเพิ่งพบกันได้ไม่ถึงหนึ่งวัน ความแตกต่างนั้นใหญ่หลวงเกินกว่าจะละเลย
บรรยากาศในรถเงียบงันไปอย่างอึดอัด ลุงหลี่ที่นั่งอยู่ข้างหน้าเห็นบรรยากาศตึงเครียดระหว่างนายท่านและนายหญิง จึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพเพื่อคลายความเงียบ “นายท่าน นายหญิงครับ จะไปทานข้าวที่ไหนดีครับ?”
เฉียวเมียนเมียนนิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไร เธอรู้สึกทั้งตกใจและไม่พอใจกับท่าทีของเหมาเยซื่อ เธอไม่สามารถเข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเพิ่งเจอกันไม่ถึงวัน การแต่งงานของพวกเขาก็เป็นเพียงเรื่องทางกฎหมายเท่านั้น จะให้เธอคุ้นเคยกับการใช้เงินของคนแปลกหน้าได้อย่างไร?
เธอรู้สึกโกรธจนใบหน้าเริ่มบูดบึ้งขึ้น เธอหันหน้าหนีจากเขาไปทางอื่นด้วยความหงุดหงิด
เหมาเยซื่อเห็นท่าทางของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะไหล่เธอ ดึงตัวเธอเข้ามาใกล้เขาเล็กน้อย “คุณโกรธผมเหรอ?”
เฉียวเมียนเมียนเม้มปากแน่น ปฏิเสธที่จะตอบเขา
เหมาเยซื่อมองท่าทีของเธอด้วยความขบขัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ขอโทษนะ ผมขอโทษ ผมคงคิดตื้นไป ผมไม่ควรพูดแบบนั้นกับคุณเลย คุณตกใจกลัวมากรึเปล่า หืม?”
ขนตาของเฉียวเมียนเมียนกระพือเบา ๆ เธอยังคงเม้มปาก แต่ดวงตาที่กลมโตนั้นบ่งบอกความอ่อนโยนที่เริ่มเกิดขึ้น
เหมาเยซื่อยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นบีบกรามเธอเบา ๆ ยกศีรษะเธอขึ้นให้มองเขา “เฉียวเมียนเมียน อย่าโกรธผมเลยได้ไหม?”
เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน “เมื่อกี้ผมก็แค่หึง ผมอิจฉาซูเจ๋อที่เคยอยู่ใกล้คุณ”
นิ้วมือของเขายังคงประคองคางเธอไว้อย่างแผ่วเบา ในขณะที่เขายื่นหน้าเข้าใกล้เธอมากขึ้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเขาแทรกซึมเข้ามาในจมูกเธอ
หัวใจของเฉียวเมียนเมียนเริ่มเต้นแรงขึ้นทุกที เมื่อเขาเรียกชื่อเธอ “เฉียวเมียนเมียน” ด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึก มันกรีดลึกเข้าไปในจิตใจของเธอ ราวกับเสียงเรียกนี้ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวไม่หยุด
เธอไม่สามารถจำได้ด้วยซ้ำว่าเธอเคยโกรธเขามากแค่ไหน ใบหน้าของเขาที่อยู่ใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้ ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ของความหล่อเหลานั้น ใบหน้าของเขาช่างดึงดูด ราวกับมีมนตร์สะกดให้เธอหลงใหลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ตอนนี้เธอเพียงแค่มองเข้าไปในดวงตาที่ลึกซึ้งของเขา ก็เหมือนกับว่าเธอกำลังหลงทางอยู่ในความหล่อกระชากใจของเขา...