ตอนที่ 6: ไส้หมูเสียบไม้ย่าง
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
---------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น, ซาลาเปาของชิยูก็ขายหมดแล้ว. ก่อนพวกเขาจะเก็บของแล้วกลับบ้านก็มีหลายคนมาถามว่าพรุ่งนี้จะมาอีกไหม.
ชิยูก็บอกพวกเขาไปว่าพรุ่งนี้จะมาอีก.
พอพวกเขาถึงบ้าน พวกเขาก็นั่งนับเงินกัน. ถึงจะไม่มากแต่ทุกๆคนก็มีความสุขและดีใจมาก.
“หนูอยากกินอะไรจ๊ะ? เดี๋ยวพี่สาวจะซื้อให้เอง!” ชิยูถาม.
“ผมอยากกินไก่!” เสี่ยววูพูดขึ้นมาทันที.
เล่าเอ๋อดึงเสื้อตัวเองทันทีแล้วพูดว่า “พี่สาวครับ, พี่ซื้อของที่ต้องการเถอะครับ. ตอนนี้บ้านเรามีเงินไม่เยอะ. ถ้าเรามีเงินเยอะกว่านี้ เราค่อยกินไก่กันก็ได้”
ชิยูซึ้งหน่อยๆ. เล่าเอ๋อแค่12 ไม่ก็ 13ขวบเอง แต่เขาก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว. เธอยิ้มแล้วมอบหมายหน้าที่ให้ทุกคน “พี่จะไปซื้อของมาทำหน่อย. เล่าเอ๋อ, เราพาพวกเค้าไปเก็บผักป่าหน่อยนะ. เสี่ยวฉีตามพี่มา. คุณตาคะ, ช่วยทำความสะอาดรถไว้ใช้พรุ่งนี้ให้หน่อยนะคะ”
“รับทราบ!”
ทุกคนแยกย้ายไปทำตามหน้าที่. ชิยูหยิบเงินมาส่วนนึงแล้วพาเสี่ยวฉีไปที่ตลาด.
เธอซื้อหมูมาเพิ่ม คนขายหมูก็สงสารพวกเธอเขาเลยให้หัวหมูกับไส้หมูมา.
แล้วเธอก็ซื้อแป้งมาเพิ่มแล้วก็ถุงข้าวสาร. อย่างสุดท้ายก็คือไก่.
พอซื้อของทุกอย่างหมดแล้ว เธอจึงเหลือเงินแค่ 3 ทองแดง. ตอนที่ผ่านหัวโค้งเธอก็แวะซื้อลูกกวาดให้เสี่ยวฉีด้วย.
ทั้งสองคนมาถึงบ้านด้วยของพะรุงพะรังเต็มมือ. หลังจากต้มไส้หมูไว้ข้ามคืนและเปลี่ยนน้ำแล้ว, กลิ่นมันก็ไม่แรงมากนัก. ตอนนี้ยังเช้าอยู่ชิยูเลยจะเตรียมไส้หมูพวกนี้ไว้เป็นมื้อกลางวัน.
ไส้หมูนั้นมีกลิ่นที่แรงมากและทำความสะอาดได้ยากด้วย, มันเลยไม่เป็นที่นิยมนัก. ในโลกนี้มันโดนทิ้งขว้างบ่อยมาก. แต่ถ้าหากคุณรู้วิธีจัดการกับวัตถุดิบ มันก็จะอร่อยกว่าเนื้อลีนมากๆ.
เธอตัดไขมันส่วนนอกของไส้ออกแล้วก็พลิกไส้ ใส่แป้งลงไปนิดหน่อยแล้วก็นวดมัน.
หลังจากนวดไปพักหนึ่ง, มือของชิยูก็เริ่มล้าแล้ว. เธอยังเด็กอยู่และร่างกายก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก เพราะปล่อยให้ท้องหิวบ่อยครั้ง. การเป็นเชฟจะต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งและแรงพอตัว. คงจะถึงเวลาที่เธอต้องสร้างร่างกายและแรงแล้ว.
คุณตาเห็นว่าเธอเหนื่อยเลยเข้ามาช่วยทำความสะอาดไส้หมูที่เหลือ. พอทุกอย่างสะอาดบ้างแล้ว เธอก็ใส่มันลงไปในหม้ออีกใบแล้วใส่น้ำส้มสายชูกับน้ำแล้วต้มไปเรื่อยๆ.
วิธีนี้จะช่วยให้ไส้หมูสะอาด. ชิยูต้มไส้ชิ้นใหญ่ก่อนแล้วก็ไปทำความสะอาดไส้ชิ้นเล็กๆแล้วก็ตับหมูต่อ.
เธอยุ่งอยู่จนถึงเวลาบ่ายเลยทีเดียว. ในตอนนี้ชิยูเหนื่อยมากๆ ข้อมือและหลังของเธอปวดไปหมด. พวกตับและไส้เล็กๆ ต้องเอาไปพักไว้ก่อนตอนนี้. ส่วนไส้ชิ้นใหญ่พร้อมแล้ว เธอตักมันขึ้นจากหม้อแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ.
จากนั้นเธอก็เอาส่วนไขมันจากไส้ไปทอดเพื่อจะเอาน้ำมันหมู.
พอมันหมูโดนความร้อน น้ำมันในมันก็จะออกมา. ในเวลาแป๊บเดียวเธอก็ได้น้ำมันหมูมาถ้วยเล็กๆ ถ้วยนึงแล้ว. ส่วนมันที่เหลือ ก็จะเป็นมันที่อร่อยๆ ทั้งนุ่มและกรอบ. เวลาเอาไปโปะบนข้าว มันจะทำให้ข้าวอร่อยยิ่งขึ้น.
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มใส่กระเทียมแล้วก็ขิงลงไปผัด. พอเสร็จแล้วเธอก็ตักน้ำมันออก.
“ว้าว, กลิ่นหอมจัง!” พวกเด็กๆที่กลับมาจากเก็บผักป่าพากันดมกลิ่นไปมาอย่างตื่นเต้น.
ชิยูเอามันหมูวางใส่ถ้วยแล้วส่งไปให้เด็กๆ “เอ้านี่ ให้เพื่อนๆกินด้วยนะ”
เสี่ยวฉีเองก็เอาลูกกวาดที่ซื้อออกมา แล้วให้เพื่อนๆไปพร้อมกับมันหมู.
พวกเด็กๆนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนและกำลังมีความสุขกับลูกกวาดแล้วก็เงาเย็นๆของต้นไม้. คุณตาก็ช่วยเก็บพวกผักป่าให้.
ทันใดนั้น, กลิ่นหอมๆก็ลอยออกมาจากครัว. เล่าเอ๋อมองไปทางกลิ่นนั้น แล้วก็รู้สึกว่าวันนี้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย.
ข้าวบนหม้อพร้อมกินแล้ว และกระดูกหมูก็วางอยู่ในหม้อ เอาไว้ทำน้ำซุป.
ชิยูเอาไส้หมูออกมาแล้วขอให้เด็กๆช่วยก่อไฟให้หน่อย.
“พี่สาวครับ มื้อเที่ยงเราจะกินอะไรกันหรอวันนี้?” เสี่ยววูน้ำลายไหลขณะถาม.
“ของที่เธอไม่เคยได้กินมาก่อนไงล่ะ” ชิยูตอบ. “เดี๋ยวเราก็รู้”
เล่าเอ๋อเก็บกิ่งไม้มาแล้วก่อไฟขึ้น. ชิยูก็เจอเหล็กเสียบแล้วเอามันไปเสียบไส้หมู, อย่างแรกเธอใช้ไฟเพื่อทำให้ผิวของไส้มันแห้ง.
จากนั้นเธอก็ทาไส้หมูด้วยน้ำซอสที่เธอเตรียมไว้ก่อนหน้า. น้ำซอสนั้นทำง่ายๆจากน้ำมันที่เธอได้กับน้ำที่ได้จากการต้มกระดูกหมู.
จากนั้นเธอก็เอาไส้หมูไปย่างต่อ. ด้วยความร้อนของไฟไส้หมูก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีทอง และกลิ่นเองก็ยั่วน้ำลายมาก.
“หอมมากๆเลย!” เด็กๆทุกคนน้ำลายไหลหมด.
ชิยูยิ้มแล้วโรยเกลือลงไปเล็กน้อย. ผ่านไปแปปนึงเธอก็หั่นไส้แล้วส่งให้เด็กๆกิน “เอ้า นี่จ่ะ!”
มันยังร้อนอยู่เพราะเพิ่งเอาออก. แต่เพราะอย่างงี้แหละรสชาติมันถึงอร่อยด้วยความร้อน. พอคุณกัดมันเข้าไป ด้านนอกจะกรอบและด้านในจะชุ่มช่ำและนุ่มมาก. ไส้ชิ้นใหญ่นั้นอร่อยมากและไม่มีกลิ่นเหม็นอยู่เลย. ยิ่งเด็กๆกินเยอะ พวกเขาก็รู้สึกว่ามันอร่อยมาก.
หลังจากย่างอยู่พักหนึ่ง ชิยูก็หยุด. เธอกำลังจะตักข้าวแต่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู.
เธอเปิดประตูออกแล้วก็เห็นหญิงชราคนหนึ่ง. ในมือเธอนั้นมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่. พอเธอเห็นชิยู, เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ชั้นอาศัยอยู่ถัดไปจากหนู. หนูกำลังทำอะไรกินอยู่หรอจ๊ะ? ยัยหนูตัวน้อยของยายเอาแต่ร้องไห้อยากจะกินให้ได้ เพราะเธอได้กลิ่นอาหาร. ยายแค่อยากจะถามว่าหนูกำลังทำอะไรกิน เดี๋ยวยายจะซื้อเอง.”
ชิยูยิ้ม “หนูกำลังทำอาหารแบบใหม่ค่ะ. รอแป๊บนึงนะคะ, เดี๋ยวหนูจะไปเอามาให้” เธอเอาไส้หมูใส่ถ้วยแล้วส่งไปให้ยายชราคนนั้น “ลองชิมดูนะคะ”
หญิงชราค่อนข้างเกรงใจ. แต่เธอก็ไม่เคยเห็นอาหารแบบนี้มาก่อน เธอจะทำให้ลูกเธอกินได้ยังไงนะ? เธอรับถ้วยมา “ขอบคุณนะจ๊ะ! เราเป็นเพื่อนบ้านกัน, ในอนาคต ถ้าหนูอยากให้ยายช่วยก็บอกนะ”
“ได้เลยค่ะ. ในอนาคตถ้าหนูต้องการความช่วยเหลือ ได้โปรดช่วยหนูด้วยนะคะ” ชิยูยิ้ม.
พอเห็นหญิงชรากลับไปแล้ว, ชิยูคิดอยู่พักหนึ่งแล้วย่างไส้เพิ่มอีก - ไส้หมูมีเยอะมากๆ. เธอบอกให้เล่าเอ๋อให้พวกเด็กๆเอาอาหารไปแจกเพื่อนบ้านข้างๆ.
ในอนาคตพวกเขาจะอาศัยอยู่นี่ไปนานๆและเพื่อนบ้านก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน. การมีสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนบ้านจะทำให้เธอทำอะไรได้ง่ายขึ้นในอนาคต.
พอทุกอย่างเสร็จแล้ว ทุกคนก็นั่งล้อมกันแล้วกินมื้อเที่ยง.
ตอนบ่ายพวกเพื่อนบ้านก็เริ่มมาหา เอาของขวัญเล็กๆน้อยๆมาให้. เป็นพวกผลไม้กับผักจากสวนของพวกเขาเพื่อเป็นเครื่องแสดงความมีน้ำใจ.
ชิยูขอบคุณพวกเขาแล้วรับของไว้.
หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็สำรวจที่ว่างในสวนแล้วคิดว่าจะปลูกผักดีมั้ย.
ในขณะเดียวกัน เธอสังเกตุเห็นไก่ในตะกร้าตรงด้านใต้ต้นไม้. เธอก็เริ่มคิดว่าจะเอาไก่ไปทำเมนูอะไรดีคืนนี้.
เสี่ยววูอยากจะกินไก่. เธอไม่รู้ว่าเด็กๆที่เหลืออยากจะกินอะไรนี่สิ.
ขณะที่คิดอยู่ว่าจะเอาไก่ไปทำอะไร ชิยูก็ปิ๊งความคิดขึ้นมาได้.
จู่ๆเธอก็จำได้ว่าเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์นั่นอยู่ที่ไหน……….
ขออภัยที่วันนี้ลงช้านะครับ