ตอนที่แล้วตอนที่ 159 ป๊อก ๆ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 161 เมียหาย

ตอนที่ 160 ขอบคุณสวรรค์


“นี่ประวาล เจ้าไม่สนใจหน่อยเหรอ ตระกูลเจ้าออกจะร่ำรวยล้นฟ้า ซื้อมาสักตัวสองตัวก็ถือว่าไม่ขัดสนอะไร”

เด็กหนุ่มตระกูลขุนนางหันมาพูดกับประวาลปัทม์ หลังจากที่เขาเพิ่งไปประมูลสัตว์อสูรแรงค์ C มา  สำหรับเขาเสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า ขอแค่มีคำว่าเกียรติยศประดับวงศ์ตระกูลก็พอ คนทั่วไปไม่สนใจหรอกว่าเขาได้มาได้อย่างไร

“ไม่ ! ข้าไม่สนับสนุนพวกฉวยโอกาส”

ประวาลปัทม์ตอบกลับเสียงดัง ซึ่งมันก็ดังมากพอให้เหนือภพได้ยิน เหนือภพหันมามองแล้วก็ยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร ไม่มีใครรู้ว่าเหนือภพยิ้มให้พวกเขาด้วยเรื่องอะไร จะถามก็ไม่ทันแล้วเพราะเหนือภพหันกลับไปทำการค้าของตนต่ออย่างร่าเริง

“เหลือ 4 ตัวสุดท้ายแล้ว พลาดแล้วพลาดเลยข้าไม่มีให้อีกแล้วนะ”

เหนือภพประกาศเสียงดัง โดยมีสมุทรกับเฮงเฮงเข้ามาช่วยเป็นลูกคู่ช่วยในการค้าขาย

“เจ้ามีทรัพย์สินอะไรอีกไหม เท่านี้มันยังไม่พอ”

สมุทรพูดกับลูกค้าคนหนึ่ง พลางชี้แจงต่อ

“เอางี้ เจ้าเขียนใบกู้ยืมเงินข้ามาก่อนก็ได้ ดอกเบี้ยร้อยละ 10 เหรียญทองต่อเดือน สามเดือนแรกข้าไม่คิดดอกเบี้ย”

ลูกค้าคนนั้นทำท่าคิดหนัก เขายังตัดสินใจไม่ได้จึงขอตัวออกไปคิดใคร่ครวญให้ดีก่อน โดยยอมหลีกทางให้ลูกค้าคนต่อ ๆ ไปเข้าไปประเมินทรัพย์สินต่อ

“เหนือภพ แล้วของข้าล่ะ”

สมุทรกระซิบกระซาบถามเหนือภพ เพราะพวกเขามีสัตว์อสูรเหลือขายเพียงแค่ตัวสุดท้ายเท่านั้น ไม่รู้ว่าเหนือภพเอาสัตว์อสูรสำหรับพวกเขาไปเก็บไว้ไหน หากเหนือภพจับสัตว์อสูรมาได้มากขนาดนี้แต่ไม่มีสัตว์อสูรไปส่งกรรมการ มันก็กระไรอยู่

เหนือภพยิ้มกว้าง “เจ้าไม่ต้องกังวล เรื่องนั้นข้ามีแผนสำรอง”

สมุทรได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจ เขาจึงตัดสินใจเปิดโต๊ะให้ผู้เข้าสอบกู้ยืมเงิน ไหนไหนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว สมุทรคิดว่าเขาสามารถหาประโยชน์จากการปล่อยเงินกู้ในจำนวนมากได้ สถานที่แห่งนี้มันเหมือนเป็นสวรรค์ในการกอบโกยกำไรอย่างแท้จริง

“เหลือตัวสุดท้ายแล้วใครจะเอาตัดสินให้ดี หลังจากตัวนี้ข้าไม่มีขายให้อีกแล้วนะ”

“พี่ชาย พวกข้าซื้อ พวกข้าให้ราคา 3 ล้านเหรียญทอง”

เหล่าสายเลือดพญานาคต่างยกมือขึ้นด้วยท่าทางร่าเริง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ซื้อสัตว์อสูรแรงค์ D ไปส่งกรรมการจนสอบผ่านกันไปหมดแล้ว แต่คราวนี้พวกเขาถึงกับลงขันกันซื้อสัตว์อสูรตัวสุดท้าย เพื่อบางสิ่งบางอย่าง

“ดูสิ เจ้าลูกไก่น้อยของพวกเจ้าจะผ่านกันได้ยังไง”

นาคะเอ่ยขึ้นลอย ๆ แม้เขาจะไม่ได้ยินบทสนทนาภายในมิติรังอสูร แต่เขายังมีความสามารถในการอ่านปาก จึงพอจะรู้และเข้าใจว่าลูกหลานของตัวเองกำลังทำอะไร การแย่งซื้อสัตว์อสูรตัวสุดท้ายนั่นคือการตัดเส้นทางการสอบผ่านของตระกูลครุฑ

“พวกข้าไม่สนใจรับของสกปรกจากศัตรู ข้าเกรงว่าความหวังดีของเจ้าจะเสียเปล่าแล้ว”

สดายุตอบโต้ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ต่อให้เหนือภพขายสิ่งของที่ฝ่ายครุฑต้องการมากที่สุด พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ขอร้องไม่ซื้อขายและก็ไม่ทางรับของจากศัตรูเด็ดขาด

นาคะยิ้มกว้าง

“ดูเหมือนเจ้าลูกไก่น้อยของเจ้าจะไม่เป็นแบบที่เจ้าว่านะ”

“10 ล้านเหรียญทอง”

หนึ่งในสายเลือดครุฑรุ่นเยาว์เอ่ยเสียงดัง ทำให้สายเลือดพญานาคตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าครุฑพวกนี้จะสู้ราคามากขนาดนี้ ทว่าสายเลือดพญานาครุ่นเยาว์ก็ไม่ใช่ไส้เดือนที่อ่อนแอ แม้พวกเขาจะไม่เก่งกาจเท่าครุฑ แต่เรื่องเงินตราและทรัพย์สมบัติแล้วก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร หากจะเปรียบเทียบกันแล้วตระกูลครุฑยังถือว่ามีทรัพย์ด้อยกว่าพวกเขาเสียอีก

“20 ล้านเหรียญทอง”

สิ้นคำของสายเลือดนาคราช สายเลือดครุฑรุ่นเยาว์ถึงกับนิ่วหน้า พลางหันมองหน้ากันและกันเพื่อปรึกษา

เหนือภพรู้สึกว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้เงินจำนวนมากอาจจะหลุดลอยไป เขาจึงยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปพินอบพิเทาตระกูลนาคราช ราวกับว่าเด็ก ๆ สายเลือดนาคราชเป็นผู้สูงศักดิ์

“สมแล้วที่เป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลนาคราช แต่ดูจากการใช้จ่ายเงินก็รู้แล้วว่าเป็นคนมากบารมี อนาคต คงเป็นผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้ ใครว่าตระกูลนาคราชด้อยกว่าตระกูลครุฑนั้นไม่จริงเลย”

เด็ก ๆ ตระกูลนาคราชพากันยิ้มแป้น นี่นับเป็นแค่เศษเงินของพวกเขา เพราะพวกเขาช่วยกันลงขันคนละเล็กละน้อยก็ได้ครบแล้ว ทว่าสายเลือดครุฑรุ่นเยาว์กลับโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ยินยอม

“30 ล้านเหรียญทอง”

“ห่ะ มีเงินแค่นี้เองเหรอ เก็บเงินไว้ซื้อนมเอาไว้กินระหว่างรอโตดีกว่ามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชายเอาไปเลย 50 สิบล้านเหรียญทอง”

สายเลือดนาครุ่นเยาว์หัวเราะเยาะเสียงดัง เพื่อแสดงให้สายเลือดครุฑรู้ว่า คิดจะแข่งอะไรก็แข่งได้ แต่ถ้าจะมาคิดแข่งเรื่องเงินทองกับตระกูลนาคราชยังเร็วไปร้อยปี

“หกสิบ..”

สายเลือดครุฑคนโตเตรียมเกเงินสู้ แต่เขากลับถูกคนน้องฉุดมือเอาไว้ หมายเตือนสติคนพี่

“พี่”

การกระทำนี้ให้สายเลือดครุฑคนโตลังเล และนี่ก็กลายเป็นโอกาสให้เหนือภพได้เสี้ยม

“เอาล่ะเอาล่ะ เราได้ผู้ชนะแล้ว เดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ พญานาคเป็นฝ่ายชะ....”

เหนือภพไม่ทันพูดคำว่าชนะได้เต็มปาก สายเลือดครุฑคนโตก็พูดโพล่งออกมาทันที เพราะกลัวจะพ่ายแพ้ต่อตระกูลนาคราช ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

“60 ล้านเหรียญทอง”

จบคำพูดของสายเลือดครุฑคนโต กลุ่มเด็กพญานาคก็ถอนหายใจอย่างเอือมระอาในความดื้อรั้นของพวกครุฑ ก่อนจะขานราคาสู้ ด้วยท่าทีสบาย ๆ

“100 ล้านเหรียญทอง”

นั่นทำให้พญาครุฑเดือดจัด ยิ่งขานราคาเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะคำว่าชนะที่ตระกูลนาคราชจะได้รับจากปากเหนือภพ มันทำให้สายเลือดครุฑรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ แม้จะไม่มีเงิน จนต้องถูกบีบให้เขียนใบกู้ยืมกับตระกูลไตรลักษณ์ของสมุทร

“500 ล้านเหรียญทอง”

เมื่อสายเลือดครุฑกล่าวจบ พวกสายเลือดนาคราชก็พาอึ้งกิมกี่ ก่อนจะพร้อมใจกันปรบมือให้อย่างยินดีปรีดา จะว่าไปแล้วการได้เห็นพวกครุฑเป็นหนี้มหาศาลมันก็สะใจดี

“เอาละ พวกข้ายอม  แต่อย่าลืมขายทรัพย์สินบ้านเจ้ามาใช้หนี้ด้วยนะ เดี๋ยวดอกเบี้ยจะบาน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

สายเลือดครุฑได้แต่กัดฟันกรอด

“เอาล่ะ เอาล่ะ ขอให้เจ้าโชคดีนะ”

เหนือภพกล่าวหลังจากที่ส่งสัตว์อสูรแรงค์ C ตัวสุดท้ายให้ถึงมือสายเลือดครุฑรุ่นเยาว์ ทว่า...

กร๊อบ !!

สายเลือดครุฑคนโตหักคอสัตว์อสูรตัวดังกล่าวต่อหน้าต่อตาทุก ๆ คน แม้แต่พวกสายเลือดพญานาคก็ยังคิดไม่ถึงว่าที่พวกครุฑทำมาตลอดก็แค่อยากเอาชนะพวกเขาเท่านั้น

เด็กหนุ่มสายเลือดครุฑทิ้งซากสัตว์อสูรกระต่ายตัวโตลงพื้นอย่างไม่ไยดี

“ถ้าข้าอยากสอบผ่าน ข้าจะใช้ความสามารถของตัวเองเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนสกปรกอย่างพวกเจ้า”

สายเลือดครุฑรุ่นเยาว์ทิ้งคำพูดไว้ให้เหนือภพและทุกคนในที่นั้นแล้วก็เดินจากไป ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นพวกเขาได้แต่มองตามเด็กหนุ่มเลือดครุฑทั้งสองไปอย่างฉงน

จนกระทั่งมีเสียงของระฆังบอกเวลา เสียงระฆังถูกตีต่อเนื่องสามครั้งเพื่อเป็นการบอกว่าช่วงเวลาในการสอบปฏิบัติจบสิ้นลงแล้ว

“ใครที่เอาสัตว์อสูรมาส่งเรียบร้อยแล้วให้มาเข้าแถวทางซ้ายมือ ใครที่จับสัตว์อสูรไม่ได้ให้มาเข้าแถวทางขวามือ”

คณะกรรมการคนที่พูดยืนอยู่ตรงกลาง พลางเหยียดแขนออกไปทั้งซ้ายและขวา ด้านหน้าสุดของแต่ละแถวมีประตูมิติหลากสีปรากฏอยู่ ประตูมิติด้านหนึ่งจะนำพาคนที่สอบผ่านไปปรากฏตัวที่ห้องประชุม เพื่อเข้ารับการปฐมนิเทศสำหรับการเป็นฮันเตอร์แรงค์ D ที่มีคุณภาพ ส่วนประตูมิติอีกด้านหนึ่งจะนำพาคนที่สอบไม่ผ่านกลับไปที่ตำแหน่งเดิมของสำนักงานฮันเตอร์

“พวกเจ้าเดินผ่านเข้าไปในประตูมิติตรงหน้าได้เลย”

จากนั้นผู้คนก็ทยอยเดินเข้าไปในประตูมิติด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางคนดีใจ บางคนเสียใจ บางคนก็รู้สึกผิดในใจที่สอบผ่านได้เพราะการเหยียบย่ำคนอื่น

“เหนือภพ สัตว์อสูรของเราล่ะ ?”

สมุทรถามกระซิบถามอย่างร้อนใจ ตอนนี้เขา เหนือภพ และเฮงเฮงพากันยืนอยู่ท้ายแถวอย่างตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเข้าแถวไหนดี

เหนือภพยิ้ม ขณะก้าวเดินไปเข้าแถวทางขวามือ ซึ่งเป็นแถวสำหรับคนที่สอบไม่ผ่าน

“ไม่มีอ่ะ”

“หา ! ไหนเจ้าบอกว่ามีแผนสำรองไง”

“ก็ใช่ แผนสำรองก็คือแบบนี้ไง ข้าคิดว่าเราควรจะหาเงินจากการสอบฮันเตอร์ เราทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ก็ไม่เลวนัก ดูสิ วันนี้ข้าได้เงินกับทรัพย์สินรวมกันเกือบ 600 ล้านเหรียญทองได้มั้ง ส่วนเจ้าก็มีลูกหนี้ที่จะจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าอีกมากมาย ถ้าพวกเราช่วยกันจะทำรายได้มหาศาลแค่ไหน คิดดูสิ”

เหนือภพพูดอย่างจริงจัง สมุทรกุมขมับ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา

“ข้าไม่ควรคาดหวังกับเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เห้อ เอาก็เอา เจ้าว่าไงก็เอาตามนั้นแหละ”

เหนือภพยิ้มก่อนกอดคอสมุทรกะจะลากมาเข้าแถวด้วยกัน แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นเฮงเฮงพอดี

“เอ๊ะ นั่นเฮงเฮงรึ”

เหนือภพไม่ได้สังเกตมาก่อนเลยว่าข้างกายของสมุทรมีเฮงเฮง ๆ ยืนอยู่ด้วย อันที่จริงเฮงเฮงเคยโบกมือร้องทักสมุทรกับเหนือภพหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่การสอบข้อเขียนแล้ว แต่ทั้งสมุทรและเหนือภพกลับมองไม่เห็นเขาเลย และท่าทีของเหนือภพก็ทำให้เฮงเฮงเบ๊ะปากทำหน้าอยากจะร้องไห้ เฮงเฮงเงยหน้ามองฟ้าพร้อมกับกล่าวประโยคกินใจว่า

“ข้าเป็นเพียงฝุ่นผงละอองดิน ต่อให้ล่องลอยไปเข้าตาพวกเจ้า พวกเจ้าก็คงเขี่ยมันทิ้ง”

ทั้งเหนือภพและสมุทรต่างอ้าปากค้าง ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำไมในใจพวกเขาถึงรู้สึกผิดมากเช่นนี้ เหนือภพไม่รู้จะพูดปลอบใจเฮงเฮงอย่างไรดี เขาจึงเดินเข้ามากอดคอแล้วลากเฮงเฮงมาเข้าแถวด้วยอีกคน

เหนือภพกำลังฮัมเพลงอยู่อย่างสำราญใจ บางทีการสอบตกแบบนี้ก็อาจจะทำเงินให้เขาได้ดีกว่าการทำภารกิจระดับสูงก็ได้ ทั้งง่าย ไม่มีความเสี่ยง และไม่จำเป็นต้องจากเมืองหลวงไปไหนไกล ขณะนั้นคนข้างหน้าทยอยเดินเข้าไปในประตูมิติเกือบหมดแล้ว เหลือคนท้าย ๆ เพียงไม่กี่คน

“เหนือภพ เจ้ามาเข้าแถวนี้เลย”

จู่ ๆ คณะกรรมการคนหนึ่งก็เดินเข้ามาดึงตัวเหนือภพไปต่อแถวสำหรับผู้ที่ผ่านการสอบ เหนือภพขืนตัวด้วยความไม่เข้าใจ

“อะไร อะไร ข้าสอบไม่ผ่านนะ ข้าไม่ไป เราต้องทำตามกฎสิ”

“ข้าสั่งให้เจ้ามา”

“ข้าไม่มีสัตว์อสูรสักหน่อย อย่ามาโมเม ข้าสอบไม่ผ่าน”

พูดแค่นั้นเหนือภพก็ออกตัววิ่งกลับมาที่แถวเดิม แต่เขาถูกรั้งตัวไว้ได้เสียก่อน คณะกรรมการอีกคนที่มีความอาวุโสมากกว่า เห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามากระซิบบอกเหนือภพว่าสำนักงานส่วนกลางสั่งมา ‘เหนือภพต้องผ่านเพื่อไปช่วยทำภารกิจระดับสูง’

เหนือภพลังเล หากเรื่องนี้เกี่ยวกับสำนักงานส่วนกลางเขาก็คงขัดขืนไม่ได้ แต่เขาก็ยังคิดหาวิธีหาประโยชน์ให้คุ้มค่ามากที่สุด

“ถ้าจะให้ข้าผ่าน ก็ต้องให้เพื่อนของข้าทั้งสองคนผ่านด้วย”

คณะกรรมการแต่ละคนมองหน้ากันอย่างเอือมระอา จากนั้นพวกเขาก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

“อืม พวกเจ้าทั้งสามคนสอบผ่าน”

“เย้”

เฮงเฮงเป็นคนเดียวที่ร้องตะโกนดีใจ แล้วก็คว้าแขนเหนือภพกับสมุทรให้เปลี่ยนแถวด้วยกัน สวรรค์เมตตาเขาอีกแล้ว นี่เขากำลังจะโชคดีแล้ว หรือเหนือภพเป็นตัวนำโชคของเขากันแน่ ตอนนี้พวกเขาสอบผ่านแล้ว

เหล่าคณะกรรมการยืนมองเหนือภพ สมุทร และเฮงเฮงเดินเข้าไปในประตูมิติเป็นกลุ่มสุดท้าย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นพวกเขาต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน โชคดีที่เบื้องบนสั่งให้เหนือภพสอบผ่าน ไม่เช่นนั้นการสอบแรงค์ D ปีหน้าพวกเขาก็คงต้องเจอเจ้าตัวป่วนอีก เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ขอบคุณสวรรค์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด