ตอนที่ 160 ขอบคุณสวรรค์
“นี่ประวาล เจ้าไม่สนใจหน่อยเหรอ ตระกูลเจ้าออกจะร่ำรวยล้นฟ้า ซื้อมาสักตัวสองตัวก็ถือว่าไม่ขัดสนอะไร”
เด็กหนุ่มตระกูลขุนนางหันมาพูดกับประวาลปัทม์ หลังจากที่เขาเพิ่งไปประมูลสัตว์อสูรแรงค์ C มา สำหรับเขาเสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า ขอแค่มีคำว่าเกียรติยศประดับวงศ์ตระกูลก็พอ คนทั่วไปไม่สนใจหรอกว่าเขาได้มาได้อย่างไร
“ไม่ ! ข้าไม่สนับสนุนพวกฉวยโอกาส”
ประวาลปัทม์ตอบกลับเสียงดัง ซึ่งมันก็ดังมากพอให้เหนือภพได้ยิน เหนือภพหันมามองแล้วก็ยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร ไม่มีใครรู้ว่าเหนือภพยิ้มให้พวกเขาด้วยเรื่องอะไร จะถามก็ไม่ทันแล้วเพราะเหนือภพหันกลับไปทำการค้าของตนต่ออย่างร่าเริง
“เหลือ 4 ตัวสุดท้ายแล้ว พลาดแล้วพลาดเลยข้าไม่มีให้อีกแล้วนะ”
เหนือภพประกาศเสียงดัง โดยมีสมุทรกับเฮงเฮงเข้ามาช่วยเป็นลูกคู่ช่วยในการค้าขาย
“เจ้ามีทรัพย์สินอะไรอีกไหม เท่านี้มันยังไม่พอ”
สมุทรพูดกับลูกค้าคนหนึ่ง พลางชี้แจงต่อ
“เอางี้ เจ้าเขียนใบกู้ยืมเงินข้ามาก่อนก็ได้ ดอกเบี้ยร้อยละ 10 เหรียญทองต่อเดือน สามเดือนแรกข้าไม่คิดดอกเบี้ย”
ลูกค้าคนนั้นทำท่าคิดหนัก เขายังตัดสินใจไม่ได้จึงขอตัวออกไปคิดใคร่ครวญให้ดีก่อน โดยยอมหลีกทางให้ลูกค้าคนต่อ ๆ ไปเข้าไปประเมินทรัพย์สินต่อ
“เหนือภพ แล้วของข้าล่ะ”
สมุทรกระซิบกระซาบถามเหนือภพ เพราะพวกเขามีสัตว์อสูรเหลือขายเพียงแค่ตัวสุดท้ายเท่านั้น ไม่รู้ว่าเหนือภพเอาสัตว์อสูรสำหรับพวกเขาไปเก็บไว้ไหน หากเหนือภพจับสัตว์อสูรมาได้มากขนาดนี้แต่ไม่มีสัตว์อสูรไปส่งกรรมการ มันก็กระไรอยู่
เหนือภพยิ้มกว้าง “เจ้าไม่ต้องกังวล เรื่องนั้นข้ามีแผนสำรอง”
สมุทรได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจ เขาจึงตัดสินใจเปิดโต๊ะให้ผู้เข้าสอบกู้ยืมเงิน ไหนไหนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว สมุทรคิดว่าเขาสามารถหาประโยชน์จากการปล่อยเงินกู้ในจำนวนมากได้ สถานที่แห่งนี้มันเหมือนเป็นสวรรค์ในการกอบโกยกำไรอย่างแท้จริง
“เหลือตัวสุดท้ายแล้วใครจะเอาตัดสินให้ดี หลังจากตัวนี้ข้าไม่มีขายให้อีกแล้วนะ”
“พี่ชาย พวกข้าซื้อ พวกข้าให้ราคา 3 ล้านเหรียญทอง”
เหล่าสายเลือดพญานาคต่างยกมือขึ้นด้วยท่าทางร่าเริง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ซื้อสัตว์อสูรแรงค์ D ไปส่งกรรมการจนสอบผ่านกันไปหมดแล้ว แต่คราวนี้พวกเขาถึงกับลงขันกันซื้อสัตว์อสูรตัวสุดท้าย เพื่อบางสิ่งบางอย่าง
“ดูสิ เจ้าลูกไก่น้อยของพวกเจ้าจะผ่านกันได้ยังไง”
นาคะเอ่ยขึ้นลอย ๆ แม้เขาจะไม่ได้ยินบทสนทนาภายในมิติรังอสูร แต่เขายังมีความสามารถในการอ่านปาก จึงพอจะรู้และเข้าใจว่าลูกหลานของตัวเองกำลังทำอะไร การแย่งซื้อสัตว์อสูรตัวสุดท้ายนั่นคือการตัดเส้นทางการสอบผ่านของตระกูลครุฑ
“พวกข้าไม่สนใจรับของสกปรกจากศัตรู ข้าเกรงว่าความหวังดีของเจ้าจะเสียเปล่าแล้ว”
สดายุตอบโต้ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ต่อให้เหนือภพขายสิ่งของที่ฝ่ายครุฑต้องการมากที่สุด พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ขอร้องไม่ซื้อขายและก็ไม่ทางรับของจากศัตรูเด็ดขาด
นาคะยิ้มกว้าง
“ดูเหมือนเจ้าลูกไก่น้อยของเจ้าจะไม่เป็นแบบที่เจ้าว่านะ”
“10 ล้านเหรียญทอง”
หนึ่งในสายเลือดครุฑรุ่นเยาว์เอ่ยเสียงดัง ทำให้สายเลือดพญานาคตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าครุฑพวกนี้จะสู้ราคามากขนาดนี้ ทว่าสายเลือดพญานาครุ่นเยาว์ก็ไม่ใช่ไส้เดือนที่อ่อนแอ แม้พวกเขาจะไม่เก่งกาจเท่าครุฑ แต่เรื่องเงินตราและทรัพย์สมบัติแล้วก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร หากจะเปรียบเทียบกันแล้วตระกูลครุฑยังถือว่ามีทรัพย์ด้อยกว่าพวกเขาเสียอีก
“20 ล้านเหรียญทอง”
สิ้นคำของสายเลือดนาคราช สายเลือดครุฑรุ่นเยาว์ถึงกับนิ่วหน้า พลางหันมองหน้ากันและกันเพื่อปรึกษา
เหนือภพรู้สึกว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้เงินจำนวนมากอาจจะหลุดลอยไป เขาจึงยิ้มน้อย ๆ แล้วหันไปพินอบพิเทาตระกูลนาคราช ราวกับว่าเด็ก ๆ สายเลือดนาคราชเป็นผู้สูงศักดิ์
“สมแล้วที่เป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลนาคราช แต่ดูจากการใช้จ่ายเงินก็รู้แล้วว่าเป็นคนมากบารมี อนาคต คงเป็นผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้ ใครว่าตระกูลนาคราชด้อยกว่าตระกูลครุฑนั้นไม่จริงเลย”
เด็ก ๆ ตระกูลนาคราชพากันยิ้มแป้น นี่นับเป็นแค่เศษเงินของพวกเขา เพราะพวกเขาช่วยกันลงขันคนละเล็กละน้อยก็ได้ครบแล้ว ทว่าสายเลือดครุฑรุ่นเยาว์กลับโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ยินยอม
“30 ล้านเหรียญทอง”
“ห่ะ มีเงินแค่นี้เองเหรอ เก็บเงินไว้ซื้อนมเอาไว้กินระหว่างรอโตดีกว่ามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชายเอาไปเลย 50 สิบล้านเหรียญทอง”
สายเลือดนาครุ่นเยาว์หัวเราะเยาะเสียงดัง เพื่อแสดงให้สายเลือดครุฑรู้ว่า คิดจะแข่งอะไรก็แข่งได้ แต่ถ้าจะมาคิดแข่งเรื่องเงินทองกับตระกูลนาคราชยังเร็วไปร้อยปี
“หกสิบ..”
สายเลือดครุฑคนโตเตรียมเกเงินสู้ แต่เขากลับถูกคนน้องฉุดมือเอาไว้ หมายเตือนสติคนพี่
“พี่”
การกระทำนี้ให้สายเลือดครุฑคนโตลังเล และนี่ก็กลายเป็นโอกาสให้เหนือภพได้เสี้ยม
“เอาล่ะเอาล่ะ เราได้ผู้ชนะแล้ว เดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ พญานาคเป็นฝ่ายชะ....”
เหนือภพไม่ทันพูดคำว่าชนะได้เต็มปาก สายเลือดครุฑคนโตก็พูดโพล่งออกมาทันที เพราะกลัวจะพ่ายแพ้ต่อตระกูลนาคราช ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
“60 ล้านเหรียญทอง”
จบคำพูดของสายเลือดครุฑคนโต กลุ่มเด็กพญานาคก็ถอนหายใจอย่างเอือมระอาในความดื้อรั้นของพวกครุฑ ก่อนจะขานราคาสู้ ด้วยท่าทีสบาย ๆ
“100 ล้านเหรียญทอง”
นั่นทำให้พญาครุฑเดือดจัด ยิ่งขานราคาเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะคำว่าชนะที่ตระกูลนาคราชจะได้รับจากปากเหนือภพ มันทำให้สายเลือดครุฑรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ แม้จะไม่มีเงิน จนต้องถูกบีบให้เขียนใบกู้ยืมกับตระกูลไตรลักษณ์ของสมุทร
“500 ล้านเหรียญทอง”
เมื่อสายเลือดครุฑกล่าวจบ พวกสายเลือดนาคราชก็พาอึ้งกิมกี่ ก่อนจะพร้อมใจกันปรบมือให้อย่างยินดีปรีดา จะว่าไปแล้วการได้เห็นพวกครุฑเป็นหนี้มหาศาลมันก็สะใจดี
“เอาละ พวกข้ายอม แต่อย่าลืมขายทรัพย์สินบ้านเจ้ามาใช้หนี้ด้วยนะ เดี๋ยวดอกเบี้ยจะบาน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สายเลือดครุฑได้แต่กัดฟันกรอด
“เอาล่ะ เอาล่ะ ขอให้เจ้าโชคดีนะ”
เหนือภพกล่าวหลังจากที่ส่งสัตว์อสูรแรงค์ C ตัวสุดท้ายให้ถึงมือสายเลือดครุฑรุ่นเยาว์ ทว่า...
กร๊อบ !!
สายเลือดครุฑคนโตหักคอสัตว์อสูรตัวดังกล่าวต่อหน้าต่อตาทุก ๆ คน แม้แต่พวกสายเลือดพญานาคก็ยังคิดไม่ถึงว่าที่พวกครุฑทำมาตลอดก็แค่อยากเอาชนะพวกเขาเท่านั้น
เด็กหนุ่มสายเลือดครุฑทิ้งซากสัตว์อสูรกระต่ายตัวโตลงพื้นอย่างไม่ไยดี
“ถ้าข้าอยากสอบผ่าน ข้าจะใช้ความสามารถของตัวเองเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนสกปรกอย่างพวกเจ้า”
สายเลือดครุฑรุ่นเยาว์ทิ้งคำพูดไว้ให้เหนือภพและทุกคนในที่นั้นแล้วก็เดินจากไป ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นพวกเขาได้แต่มองตามเด็กหนุ่มเลือดครุฑทั้งสองไปอย่างฉงน
จนกระทั่งมีเสียงของระฆังบอกเวลา เสียงระฆังถูกตีต่อเนื่องสามครั้งเพื่อเป็นการบอกว่าช่วงเวลาในการสอบปฏิบัติจบสิ้นลงแล้ว
“ใครที่เอาสัตว์อสูรมาส่งเรียบร้อยแล้วให้มาเข้าแถวทางซ้ายมือ ใครที่จับสัตว์อสูรไม่ได้ให้มาเข้าแถวทางขวามือ”
คณะกรรมการคนที่พูดยืนอยู่ตรงกลาง พลางเหยียดแขนออกไปทั้งซ้ายและขวา ด้านหน้าสุดของแต่ละแถวมีประตูมิติหลากสีปรากฏอยู่ ประตูมิติด้านหนึ่งจะนำพาคนที่สอบผ่านไปปรากฏตัวที่ห้องประชุม เพื่อเข้ารับการปฐมนิเทศสำหรับการเป็นฮันเตอร์แรงค์ D ที่มีคุณภาพ ส่วนประตูมิติอีกด้านหนึ่งจะนำพาคนที่สอบไม่ผ่านกลับไปที่ตำแหน่งเดิมของสำนักงานฮันเตอร์
“พวกเจ้าเดินผ่านเข้าไปในประตูมิติตรงหน้าได้เลย”
จากนั้นผู้คนก็ทยอยเดินเข้าไปในประตูมิติด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางคนดีใจ บางคนเสียใจ บางคนก็รู้สึกผิดในใจที่สอบผ่านได้เพราะการเหยียบย่ำคนอื่น
“เหนือภพ สัตว์อสูรของเราล่ะ ?”
สมุทรถามกระซิบถามอย่างร้อนใจ ตอนนี้เขา เหนือภพ และเฮงเฮงพากันยืนอยู่ท้ายแถวอย่างตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเข้าแถวไหนดี
เหนือภพยิ้ม ขณะก้าวเดินไปเข้าแถวทางขวามือ ซึ่งเป็นแถวสำหรับคนที่สอบไม่ผ่าน
“ไม่มีอ่ะ”
“หา ! ไหนเจ้าบอกว่ามีแผนสำรองไง”
“ก็ใช่ แผนสำรองก็คือแบบนี้ไง ข้าคิดว่าเราควรจะหาเงินจากการสอบฮันเตอร์ เราทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ก็ไม่เลวนัก ดูสิ วันนี้ข้าได้เงินกับทรัพย์สินรวมกันเกือบ 600 ล้านเหรียญทองได้มั้ง ส่วนเจ้าก็มีลูกหนี้ที่จะจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าอีกมากมาย ถ้าพวกเราช่วยกันจะทำรายได้มหาศาลแค่ไหน คิดดูสิ”
เหนือภพพูดอย่างจริงจัง สมุทรกุมขมับ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา
“ข้าไม่ควรคาดหวังกับเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เห้อ เอาก็เอา เจ้าว่าไงก็เอาตามนั้นแหละ”
เหนือภพยิ้มก่อนกอดคอสมุทรกะจะลากมาเข้าแถวด้วยกัน แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นเฮงเฮงพอดี
“เอ๊ะ นั่นเฮงเฮงรึ”
เหนือภพไม่ได้สังเกตมาก่อนเลยว่าข้างกายของสมุทรมีเฮงเฮง ๆ ยืนอยู่ด้วย อันที่จริงเฮงเฮงเคยโบกมือร้องทักสมุทรกับเหนือภพหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่การสอบข้อเขียนแล้ว แต่ทั้งสมุทรและเหนือภพกลับมองไม่เห็นเขาเลย และท่าทีของเหนือภพก็ทำให้เฮงเฮงเบ๊ะปากทำหน้าอยากจะร้องไห้ เฮงเฮงเงยหน้ามองฟ้าพร้อมกับกล่าวประโยคกินใจว่า
“ข้าเป็นเพียงฝุ่นผงละอองดิน ต่อให้ล่องลอยไปเข้าตาพวกเจ้า พวกเจ้าก็คงเขี่ยมันทิ้ง”
ทั้งเหนือภพและสมุทรต่างอ้าปากค้าง ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำไมในใจพวกเขาถึงรู้สึกผิดมากเช่นนี้ เหนือภพไม่รู้จะพูดปลอบใจเฮงเฮงอย่างไรดี เขาจึงเดินเข้ามากอดคอแล้วลากเฮงเฮงมาเข้าแถวด้วยอีกคน
เหนือภพกำลังฮัมเพลงอยู่อย่างสำราญใจ บางทีการสอบตกแบบนี้ก็อาจจะทำเงินให้เขาได้ดีกว่าการทำภารกิจระดับสูงก็ได้ ทั้งง่าย ไม่มีความเสี่ยง และไม่จำเป็นต้องจากเมืองหลวงไปไหนไกล ขณะนั้นคนข้างหน้าทยอยเดินเข้าไปในประตูมิติเกือบหมดแล้ว เหลือคนท้าย ๆ เพียงไม่กี่คน
“เหนือภพ เจ้ามาเข้าแถวนี้เลย”
จู่ ๆ คณะกรรมการคนหนึ่งก็เดินเข้ามาดึงตัวเหนือภพไปต่อแถวสำหรับผู้ที่ผ่านการสอบ เหนือภพขืนตัวด้วยความไม่เข้าใจ
“อะไร อะไร ข้าสอบไม่ผ่านนะ ข้าไม่ไป เราต้องทำตามกฎสิ”
“ข้าสั่งให้เจ้ามา”
“ข้าไม่มีสัตว์อสูรสักหน่อย อย่ามาโมเม ข้าสอบไม่ผ่าน”
พูดแค่นั้นเหนือภพก็ออกตัววิ่งกลับมาที่แถวเดิม แต่เขาถูกรั้งตัวไว้ได้เสียก่อน คณะกรรมการอีกคนที่มีความอาวุโสมากกว่า เห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามากระซิบบอกเหนือภพว่าสำนักงานส่วนกลางสั่งมา ‘เหนือภพต้องผ่านเพื่อไปช่วยทำภารกิจระดับสูง’
เหนือภพลังเล หากเรื่องนี้เกี่ยวกับสำนักงานส่วนกลางเขาก็คงขัดขืนไม่ได้ แต่เขาก็ยังคิดหาวิธีหาประโยชน์ให้คุ้มค่ามากที่สุด
“ถ้าจะให้ข้าผ่าน ก็ต้องให้เพื่อนของข้าทั้งสองคนผ่านด้วย”
คณะกรรมการแต่ละคนมองหน้ากันอย่างเอือมระอา จากนั้นพวกเขาก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
“อืม พวกเจ้าทั้งสามคนสอบผ่าน”
“เย้”
เฮงเฮงเป็นคนเดียวที่ร้องตะโกนดีใจ แล้วก็คว้าแขนเหนือภพกับสมุทรให้เปลี่ยนแถวด้วยกัน สวรรค์เมตตาเขาอีกแล้ว นี่เขากำลังจะโชคดีแล้ว หรือเหนือภพเป็นตัวนำโชคของเขากันแน่ ตอนนี้พวกเขาสอบผ่านแล้ว
เหล่าคณะกรรมการยืนมองเหนือภพ สมุทร และเฮงเฮงเดินเข้าไปในประตูมิติเป็นกลุ่มสุดท้าย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นพวกเขาต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน โชคดีที่เบื้องบนสั่งให้เหนือภพสอบผ่าน ไม่เช่นนั้นการสอบแรงค์ D ปีหน้าพวกเขาก็คงต้องเจอเจ้าตัวป่วนอีก เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ขอบคุณสวรรค์