ตอนที่ 159 ป๊อก ๆ 2
ป๊อก ๆ เสียงเคาะไม้ไผ่ดังต่อเนื่องอย่างเป็นจังหวะ ก่อนจะสลับมาด้วยเสียงประกาศของเหนือภพ
“สัตว์อสูรคร้าบ สัตว์อสูร มีทั้งแรงค์ E และ D หรือแม้แต่แรงค์ C ก็มีนะ มาเลือกชม มาซื้อขายกันได้นะครับ สัตว์อสูรครับ สัตว์อสูร มีทั้งแรงค์ E และ D หรือแม้แต่แรงค์ C ก็มีนะ มาเลือกชม มาซื้อขายกันได้นะครับ”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเบื้องหลังของเหนือภพเต็มไปด้วยขบวนสัตว์อสูรกระต่ายนานาชนิด ๆ ที่นับรวม ๆ แล้วกว่าร้อยตัว พวกมันแต่ละตัวยืนเรียงตามลำดับแรงค์ของตัวเองอย่างมีระเบียบวินัย ไม่มีแม้แต่ส่งเสียงคำรามออกมาให้กวนใจ ทำให้เหล่าผู้เข้าสอบทุกคนถึงกับอึ้งมองภาพประหลาดตาค้างไปชั่วขณะ แม้แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสัตว์อสูรยังอ้าปากค้างไปตามๆ กัน พวกเขานิ่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งคุณชายจิบชาผู้ยังคงมีถ้วยชาและจานรองชาติดมือก้าวเดินเข้ามาพร้อม ๆ กับโมราล่ามส่วนตัว ที่นอกจากเธอแล้วก็คงไม่มีใครรู้ว่าในใจของคุณชายคิดอะไร
“คุณชายบอกว่าขอซื้อแรงค์ D 3 ตัว”
สาวบ้านนอกที่ยืนอยู่ข้างคุณชายกะพริบตาปริบ ๆ ถ้าเธอจำไม่ผิดสัตว์อสูรแรงค์ D เพียงตัวเดียวก็มีคะแนนมากพอที่จะผ่านการสอบนี้ แต่คุณชายกลับซื้อถึงสามตัว
“เอ่อ พี่โม ซื้อผิดหรือเปล่าเจ้าคะ ไม่ใช่ สองหรือเจ้าคะ”
“ไม่ผิดหรอก คุณชายเห็นแก่ที่เจ้าดื่มชาเป็นเพื่อนก็เลยซื้อให้เจ้าด้วย หลังจากนี้เจ้าก็ติดตามคุณชายละกัน หรือจะจากไปคุณชายก็ไม่ว่าอะไร”
คุณชายพยักหน้าเบา ๆ ราวกับต้องการยืนยันว่าโมราพูดความจริง ทำให้สาวบ้านนอกเข้าใจ แต่เธอก็ยังงงกับสถานการณ์ ก่อนจะตกใจอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเหนือภพบอกราคา
“ข้าขายตามคะแนน คะแนนละ 1,000 เหรียญทอง สามตัวก็ 1.8 ล้านเหรียญทอง ข้ารับทั้งเงินสดและทรัพย์สิน พวกเจ้ามีอะไรมาแลกเปลี่ยนละ”
เหนือภพเสนอราคาอย่างคล่องแคล่วและไม่คิดว่าราคาขายที่เขาเสนอนั้นแพงเกินไป แค่นี้ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว
“ห่ะ ! เจ้า ! เราก็คนคุ้นเคยกัน ลดให้หน่อยไม่ได้เหรอ”
โมราตกใจ แต่ยังดีที่เธอจำเหนือภพได้ เธอเคยเจอเหนือภพสมัยที่เหนือภพเป็นผู้จัดการร้านอาหารอยู่ที่เมืองโกงกาง พอเหนือภพได้ยินเช่นนั้นก็จ้องหน้าโมราชัด ๆ ก่อนหันมองไปยังคุณชายที่ยืนลูบคลำถ้วยชาอยู่
“อ๋อ ข้าจำได้แล้ว เจ้านี่เองที่เคยบอกแผ่นที่เหมืองโบราณแก่ข้า เห็นแก่ที่เรามีความสัมพันธ์กันในอดีต ข้าจะลดให้ พวกเจ้ามีเงินติดตัวเท่าไหร่มีทรัพย์สินอะไรบ้าง ข้าจะได้ลดราคาให้เจ้าถูก”
“ไม่ต้องซื้อให้ข้าก็ได้เจ้าค่ะ มันแพงเกิน”
สาวบ้านนอกรีบออกตัวปฏิเสธ ถึงเธอจะรู้สึกดีที่คุณชายยอมซื้อสัตว์อสูรให้โดยที่ไม่ได้รู้จักกันดีพอ ซึ่งเธอเกรงใจ ขอรับเพียงน้ำใจธรรมดาก็พอ
โมรากำลังจะพูดปลอบใจสาวบ้านนอกคนนั้น แต่ทันทีที่คุณชายจิบชายกชาในถ้วยขึ้นดื่ม สีหน้าของโมราก็เปลี่ยนไป เธอจ้องมองเหนือภพด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ ก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่เต็มใจว่า
“เห็นแก่ที่เจ้ามีน้ำใจคิดลดราคาให้ คุณชายจะจ่ายให้เจ้าเต็มราคา”
“โอ้ คุณลูกค้าสมแล้วที่ท่านมีรสนิยมดีเลิศ คนที่ชื่นชอบชาแบบท่านล้วนหน้าตาดีทุกคน”
คำพูดของเหนือภพทำเอาโมราแทบจะอ้วก แต่กับคุณชายกลับยิ้มกว้าง ทำให้โมราต้องเอ่ยคำพูดแทนผู้เป็นนายว่า
“เจ้าก็รสนิยมดี”
เหนือภพรับป้ายแลกเงินมูลค่า 1 ล้านเหรียญทอง 1 ป้ายกับป้ายแลกเงินมูลค่า 1 แสนเหรียญทองอีก 8 ป้าย
เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งจบการซื้อขายก็มีอีกหลายคนเริ่มหันมาสนใจ แต่พอพูดถึงราคาก็มีหลายคนหัวเสียต่อว่าเหนือภพที่เอาเปรียบผู้บริโภค ทว่าเหนือภพกลับทำหูทวนลมทั้งยังตะโกนออกไปอีกว่า
“สัตว์อสูรแรงค์ E หมดไปแล้ว ตอนนี้เหลือแรงค์ D อีก 30 ตัวเท่านั้น ย้ำ 30 ตัวเท่านั้น ใครจะเข้ามาดูมาซื้อก็รีบเข้ามา ร้านข้ารับทั้งเงินสด ป้ายแลกเงินและก็ทรัพย์สิน นำมาให้ข้าประเมินได้”
เหนือภพประกาศออกไปโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร สำหรับคนที่ต้องการจริง ๆ และคิดว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะสอบผ่าน พวกเขาจึงกัดฟันใช้ทรัพย์สินที่มีค่าของตัวเองมาแลกเปลี่ยน ทั้งที่ดิน บ้าน สัตว์อสูร กิจการการค้า เครื่องประดับ เสื้อผ้า เหนือภพรับหมดทุกอย่าง ทว่าก็มีคนบางกลุ่มที่มีเงินมากพอ แต่กลับไม่ต้องการใช้จ่าย พวกเขาชื่นชอบที่จะแย่งชิงมามากกว่า
มีคนคิดจะลองดีด้วยการพุ่งเข้าใส่เหนือภพ เพื่อแย่งชิงอย่างตรงไปตรงมา ทว่าเหนือภพจับขาพวกมันฟาดกับพื้นสลับซ้ายขวาอย่างไร้ความปรานี ในท้ายที่สุดทุกคนที่นั่นก็เริ่มคิดได้แล้วว่าไม่ควรก่อเรื่องให้เหนือภพรำคาญใจ
ห่างจากกลุ่มฝูงชนออกไปประมาณ 10 เมตร
สมุทรกำลังจับลากสัตว์อสูรแรงค์ D ตัวใหญ่ที่เขาแย่งมาได้อย่างทุลักทุเล ตอนแรกเขาได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คนมากมาย คนก็รวมตัวกันอยู่หนาแน่นจนมองไม่เห็นเหนือภพที่กำลังถูกฝูงชนรุมล้อมเอาไว้ใจกลางวง สมุทรจึงไม่ได้สนใจจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงพูดคุยของผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ
“ถ้ารู้ว่ามีขายแบบนี้ตั้งแต่แรก ข้าคงไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นให้เจ็บตัว ดูสิหน้าข้าเสียโฉมหมด”
“ใช่ ๆ ผิวของข้าก็เสีย กลับไปครั้งนี้ข้าคงต้องเข้าสปาผิวพรรณซะหน่อยแล้ว”
สมุทรทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว เขาจึงวางสัตว์อสูรไว้บนพื้นชั่วขณะ แต่ยังจับปลายหางของมันเอาไว้ไม่ให้หลุดมือไปได้ จากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้น ด้วยสายตานักธนูขั้นเทพทำให้เขาเห็นเหนือภพกำลังออกปากเจรจาการค้า ขณะที่ลูกค้าเอาทรัพย์สินของตัวเองออกมาให้เหนือภพประเมิน สมุทรหลุดยิ้มออกมาก่อนจะพึมพำออกมาว่า
“เนี่ยละน้าเหนือภพ”
สมุทรไม่สนใจเข้าไปมีส่วนร่วม เขารีบเดินออกมา มุ่งหน้าขึ้นเขายอดตัดเพื่อเอาสัตว์อสูรไปให้เจ้าที่ประเมิน เพราะดูจากอาการของมันตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก เดี๋ยวมันจะตายไปเสียก่อน แต่ทันทีที่สมุทรไปถึงยอดเขาก็ได้ยิงเสียงโวยวายจากด้านหน้า
“พวกท่านจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ ตอนที่ข้าส่งให้ท่านมันยังไม่ตาย ท่านก็เห็นไม่ใช่หรอ ท่านยังบอกเลยว่ามันดุมาก แล้วก็ชมว่าข้าเก่ง”
“ใช่ ข้าเคยพูดเช่นนั้นจริง แต่เจ้าไม่ผ่าน”
“ห่ะ ! ไม่ผ่านได้ยังไง”
“ก็ตอนนี้มันตายแล้ว กติกาบอกว่าต้องการสัตว์อสูรมีชีวิต แต่ตอนนี้มันตายแล้วจะให้ข้าทำยังไง อีกอย่างที่เจ้าส่งถึงมือข้าตอนแรกมันมีชีวิต แต่ข้ายังไม่ทันเอามันไปใส่กรง มันก็ตายแล้ว”
เจ้าหน้าที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดปลอบใจว่า
“ไม่ว่ายังไงก็ถือว่าเจ้าไม่ผ่าน นี่ยังไม่หมดเวลาเจ้ายังมีโอกาส รีบกลับไปจับมาใหม่เถอะ มัวเถียงกันแบบนี้เจ้าคงไม่ผ่านจริงแน่ ๆ”
“เฮงเฮง”
สมุทรเอ่ยทัก เมื่อเห็นหน้าชัดว่าคนที่โวยวายกับเจ้าหน้าที่เป็นเฮงเฮง ตอนแรกเขาก็ลังเลว่าเป็นเฮงเฮง หรือซวยซวย แต่ถ้าดูจากสถานการณ์แล้วคงเป็นเฮงเฮงมากกว่า ซวยซวยคงไม่มีโอกาสได้เผชิญเหตุการณ์แบบนี้
เฮงเฮงหันกลับมาตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นสมุทร เขาก็โผเข้าหาทันที
“สมุทร เจ้าหน้าที่คนนี้เอาเปรียบข้า เจ้าต้องช่วยข้านะ”
สมุทรรู้กิตติศัพท์ของเฮงเฮงดี เขาจึงรู้สึกสงสาร เขาตัดใจเอาสัตว์อสูรของตัวเองให้เฮงเฮง เดี๋ยวเขาค่อยไปซื้อสัตว์อสูรตัวใหม่จากเหนือภพก็ได้
เฮงเฮงรับมันแล้วตรวจดูจนแน่ใจว่ามันยังแข็งแรงดีอยู่ แล้วเฮงเฮงก็รีบส่งให้เจ้าหน้าที่ทันที
“เจ้าไม่ผ่าน”
“ห่ะ”
“เจ้าก็ดูสิ ข้ารับมันมาจากมือเจ้าแล้วก็พบว่ามันตายแล้ว”
ญาดาที่ยืนอยู่ข้างเฮงเฮง ๆ ถึงกับกุมขมับ เธอผ่านแล้วแต่เฮงเฮงยังไม่ผ่าน เธอไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเฮงเฮงไปทำอะไรให้สรวงสวรรค์ เทพแห่งความซวยจึงได้ตามจองล้างจองผลาญเขาแบบนี้
เหล่าคณะกรรมการคุมสอบต่างช่วยกันตรวจสอบสัตว์อสูรที่ผู้เข้าสอบนำมาส่งอย่างชุลมุน เพราะจำนวนผู้เข้าสอบที่สามารถนำสัตว์อสูรมาส่งได้มีมากเกินกว่าที่คณะกรรมการคาดการณ์เอาไว้มาก มันดูเหมือนเป็นภาพที่น่าชื่นชมที่ฮันเตอร์ในรอบนี้มีคุณภาพ ทว่าความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม พวกคณะกรรมการต่างรู้สึกว่าการสอบปฏิบัติครั้งนี้เหมือนไม่ใช่การสอบ เมื่อเจ้าตัวแสบเหนือภพที่ไม่เพียงก่อปัญหาให้กับการสอบภาคทฤษฎีจนทำให้แผนกวิชาการต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง จนต้องยอมให้เหนือภพผ่านเข้ารอบปฏิบัติ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่วายถูกเหนือภพตามเข้ามาก่อกวน
“เฮ้อ อยากจะรู้จริง ๆ ว่าส่วนกลางคิดอะไรอยู่ ถึงให้เจ้าตัวหายนะอย่างมันผ่านเข้ารอบมา ดูสิเป็นไง การสอบปีนี้ที่ควรจะเป็นตัวชี้วัดเพื่อเฟ้นหาบุคลากรที่มีคุณภาพ ดันล้มไม่เป็นท่า”
“หัวหน้า จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าพวกเราคิดให้มากสักหน่อยแล้วสร้างกติกาให้รัดกุมกว่านี้มันก็คงไม่มีปัญหาแบบนี้”
“ใครจะไปคิดว่าจะมีไอ้บ้าคนหนึ่งที่สามารถจับสัตว์อสูรได้ทั้งเกาะ แล้วเอามาขาย แต่ก็นะ ไม่แปลกที่ส่วนกลางถึงให้ความสนใจกับเจ้านั่น ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเกิดเรื่องแบบนี้แล้วส่วนกลางจะทำยังไง”
“กลัวจะไม่ทำอะไรอีกตามเคยน่ะสิครับ”
“นั่นสินะ เป็นแบบนี้ทุกที”
เจ้าที่พูดคุยกันเพียงแค่นี้ จากนั้นก็แยกย้ายไปตรวจสอบสัตว์อสูรของบรรดาคุณหนูคุณชายที่นำสัตว์อสูรมาส่ง
“เหลือแค่ 2 ตัวเท่านั้น แรงค์ D เลยน้า รีบเข้ามา ช้าอด หมดก่อนไม่รู้นะ”
เหนือภพตะโกนค้าขายอย่างชำนาญ ทำให้ผู้ไม่มีทางเลือกต้องเข้ามาต่อรองซื้อขาย ต่างฝ่ายต่างแข่งกันให้ราคามากกว่าเพื่อซื้อเอาสัตว์อสูรตัวสุดท้ายมาเป็นของตน
“ข้าขอตัวหนึ่ง” จู่ ๆ สมุทรก็เอ่ยแทรกวงสนทนา เหนือภพที่เพิ่งขายสัตว์อสูรตัวสุดท้ายออกไปถึงกับหันขวับไปมอง
“สมุทร ทำไมเจ้ามาเอาป่านนี้”
“ทำไม” สมุทรถามอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็มีชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยตอบให้
“น้องชาย ก็สัตว์อสูรสองตัวสุดท้ายน่ะ คุณชายบ้านปีจอซื้อไปแล้ว ดูท่าปีนี้เจ้าจะต้องตกอย่างแน่นอน ฮ่า ฮ่า”
ผู้เข้าสอบที่สามารถซื้อได้ทันต่างพากันหัวเราะออกมา ทว่าเสียงหัวเราะกับถูกขัดขึ้นด้วยประโยคหนึ่ง
“เอาล่ะ แรงค์ D หมดแล้ว ข้ายังมีแรงค์ C อีก 12 ตัว ใครให้ราคาดีที่สุดข้าจะขายให้คนนั้น และข้าจะเปิดประมูลในราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 2 ล้านเหรียญทอง”
“โห่...”
เสียงโห่ดังก้องจากรอบทิศ แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่พอใจอยู่มาก แต่กลับไม่มีใครกล้ามากพอที่จะหาเรื่องกับเหนือภพ เพราะทัพหน้าท้าตายเข้าไปหาเรื่องกับเหนือภพคนก่อนหน้า ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะฟื้นขึ้นมาเลย
เหนือภพยกท่อนไม้ไผ่ขึ้นเคาะอีกครั้ง โดยไม่ลืมสำทับบรรดาผู้เข้าสอบด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“พวกเจ้าอย่าลืมว่า ใครก็ตามที่สามารถจับสัตว์อสูรแรงค์ C มาได้ ทางสำนักงานฮันเตอร์จะให้คะแนนพิเศษ หากคนผู้นั้นมาสอบเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานฮันเตอร์ก็จะได้คะแนนเพิ่ม และสำหรับผู้ที่สามารถทำคะแนนได้สูงสุดสิบอันดับแรก จะได้รับของรางวัลและได้รับเหรียญตราเกียรตินิยม พวกเจ้าไม่คิดว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ หรอกเหรอ”
เหล่าผู้เข้าสอบที่ลืมคิดถึงจุดนี้ต่างพากันชะงัก แล้วพวกเขาก็เริ่มล้วงเข้าไปในกระเป๋าตัวเอง สำรวจสัมภาระต่าง ๆ ว่าพอจะมีของมีค่าอะไรที่จะใช้แลกเปลี่ยนกับสัตว์อสูรแรงค์ C ได้บ้าง