บทที่ 36 มาตรฐานของบริษัทชั้นหนึ่ง(อ่าฟรี07-01-2021)
ไฮนซ์มองไปที่ชายร่างอ้วนที่กำลังมองไปรอบๆโรงงานด้วยความสงสัย
“นี่ ซูยี่ เขากำลังทำอะไรน่ะ? ทำไมเจ้าปล่อยให้เขาสำรวจไปทั่วโรงงานล่ะ? ความลับของเราจะไม่ถูกรู้หมดเหรอ” เมื่อเห็นชายอ้วนถึงกับอยากลองใช้เครื่องรีดเกลียวในที่สุดไฮนซ์ก็อดไม่ได้ที่จะถามซูยี่
"ความลับ?" ซูยี่มองไปที่ไฮนซ์ด้วยท่าแปลกใจ“ความลับอะไร?”
“อะไร แน่นอนว่ามันก็ต้องเป็นสายการผลิตพัดลมเวทมนตร์นั่นคือความลับของบริษัทเรา!” ไฮนซ์พูดอย่างจริงจังว่า“ถ้าเปิดเผยสิ่งเหล่านี้ให้คนอื่นรู้ ไม่นานคงมีคนที่สร้างพัดลมเวทมนตร์ความเร็วแปรผันได้เหมือนเรา!”
“ ไฮนซ์เจ้ากังวลเกินไปแล้ว” ซูยี่ตบไหล่ของไฮนซ์และส่งสัญญาณให้เขาสงบสติอารมณ์ เขาชี้ไปที่ทาสที่กำลังยุ่งอยู่ในโรงงานที่ใช้ผลิตพัดลมเวทมนตร์“ดูสิในโรงงานก็มีคนอยู่ตั้งมากมายเจ้ายังคิดว่ามันยังมีความลับอยู่อีกเหรอ?”
“มันจะเหมือนกันได้ยังไงนั่นคือพนักงานของเรา!” ไฮนซ์หรี่ตา“แล้วอีกอย่างพวกเขาเป็นทาสของวิสเคานต์เลสลี่ แม้ว่าพวกเขาจะมีความกล้าเป็นสิบเท่า แต่ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยเรื่องภายในเหล่านี้”
“ปัญหาคือสุดท้ายแล้วความลับพวกนั้นก็ถูกรู้อยู่ดี” ซูยี่ยักไหล่และพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย“แล้วอีกอย่างข้าไม่เคยคิดที่จะเก็บเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นความลับเพราะมันไม่สำคัญ”
“มันไม่สำคัญได้ยังไง!” ไฮนซ์อดไม่ได้ที่จะถามออกมา“แม้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้ แต่มันก็ยังเป็นความลับได้ชั่วคราว เราจะสามารถทำกำไรและสร้างความได้เปรียบมากกว่าคนอื่นแม้จะเล็กน้อยแล้วมันจะไม่สำคัญได้อย่างไร”
ซูยี่ยักไหล่ในขณะเดียวกันในใจของเขาก็คิดว่ามันยากที่จะอธิบายให้คนขี้กังวลอย่างไฮนซ์นั้นเข้าใจ เขาเดินไปหาประธานฟาร์ซัคซึ่งกำลังเตรียมจะทดลองใช้งาน เครื่องรีดเกลียวเวทมนตร์
“นี่ประธานฟาร์ซัคการใช้งานเครื่องนี้ค่อนข้างจะอันตราย ข้าแนะนำให้ท่านหาอะไรที่ง่ายๆทำดีกว่านะ”
ประธานฟาร์ซัคมองมาและหัวเราะ“ ซูยี่ผ่อนคลายเถอะข้าสังเกตจากด้านข้างมาระยะหนึ่งแล้วไม่มีปัญหาแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าเขารู้สึกตื่นเต้นแค่ไหนซูยี่ก็ไม่สามารถลดขัดอะไรได้ เขาเฝ้าดูจากด้านข้างและหากมีอะไรผิดพลาดเขาก็จะสามารถดึงเขาออกมาได้ในทันที
แม้ว่าประธานฟาร์ซัคจะดูค่อนข้างอ้วน แต่จริงๆแล้วเขาก็ค่อนข้างว่องไว หลังจากดูจากด้านข้างสักพักเขาก็สามารถใช้งานเครื่องรีดเกลียวเวทมนตร์ได้ดีทีเดียว ไม่นานเขาก็ทำสลักเกลียวสำเร็จได้ออย่างรวดเร็ว
หลังจากเห็นเกลียวละเอียดที่หาที่เปรียบไม่ได้บนสลักเกลียวที่ทำเสร็จแล้วประธานฟาร์ซัคก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม
“เยี่ยมมาก! นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ! ประธานซูแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าช่างตีเหล็กคิดจะทำสิ่งนี้เขาต้องใช้เวลาทั้งวันี้! แต่ด้วยเครื่องนี้มันถูกสร้างขึ้นในเวลาไม่ถึงนาที! มันสุดยอดจริงๆ!”
ซูยี่หัวเราะ เจ้าไม่เคยสัมผัสกับความสามารถของเครื่องจักรไฮเทคบนโลกเดิมของข้ามิฉะนั้นเจ้าคงจะต้องตกใจมากกว่านี้อีก
“ประธานฟาร์ซัคหลังจากที่ท่านได้เห็นที่ทำงานของเราแล้วท่านคิดยังไง?”ซูยี่ถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำถามนี้ประธานฟาร์ซัคก็เงียบไปพักหนึ่ง หลังจากหันศีรษะไปดูรอบ ๆห้โรงงานสักพักในที่สุดเขาก็พูดพร้อมกับถอนหายใจ“ประธานซูข้าต้องบอกว่าโรงงานของเจ้าได้เปิดโลกทัศน์ของข้าให้กว้างขึ้นอย่างแท้จริง ข้าคิดว่าการจะสร้างพัดลมเวทมนตร์จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากกว่านี้ซะอีก แต่หลังจากได้เห็นโรงงานของเจ้าข้าก็พบว่าการสร้างพัดลมเวทมตร์นั้นง่ายกว่าที่คิดมาก พวกเขาเป็นเพียงพนักงานที่ไม่มีทักษะพิเศษใด ๆ แต่พวกเขาสามารถสร้างพัดลมเวทมนตร์ได้อย่างง่ายดาย พูดตามตรงข้าไม่เคยคิดเลยว่าโรงงานเล็กๆแบบนี้จะมีประสิทธิภาพสูงขนาดนี้ ให้ข้าเดาโรงงานของเจ้าน่าจะสามารถสร้างพัดลมเวทมนตร์ได้ราวสามร้อยตัวต่อวันใช่ไหม?”
ซูยี่ยกนิ้วให้เขา“ประธานฟาร์ซัคมีดวงตาที่เฉียบคมจริงๆ ใช่แล้วโรงงานนี้สามารถผลิตพัดลมเวทมนตร์ได้สามร้อยตัวต่อวันแต่ว่ามันก็จำกัดเฉพาะพัดลมเวทมนตร์ความเร็วแปรผัน สำหรับพัดลมเวทมนตร์รุ่นแรกเนื่องจากมีปัญหาในการออกแบบจึงทำให้กำลังการผลิตไม่สูงนัก”
ซูยี่ไม่ได้บอกเขาว่าเวลาเปิดทำการของโรงงานถูกจำกัดไว้ที่แปดชั่วโมงต่อวัน ถ้าพวกเขาทำงานล่วงเวลามันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาที่จะสร้างพัดลมเวทมนตร์ห้าร้อยตัวต่อวัน
เพราะซูยี่ต้องการให้สินค้ามีคุณภาพ ซูยี่จึงควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด เขาไม่ได้เร่งรัดให้พวกเขาทำงานผ่านๆ เพื่อให้ได้ตัวเลข
ประธานฟาร์ซัคมองไปที่เครื่องจักรที่ทาสใช้ด้วยความเร็วเต็มที่และพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความคิดว่า“ประธานซูถ้าข้าพูดหัวใจหลักของโรงงานนี้คือเครื่องจักเหล่านี้ใช่มั้ย?”
ซูยี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ประธานฟาร์ซัคดวงตาของท่านเฉียบคมจริงๆ แล้วยังไงล่ะ? ท่านรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเครื่องจักรเหล่านี้”
"ความรู้สึก?" ทันใดนั้นประธานฟาร์ซัคก็เผยรอยยิ้มที่ขมขื่น“ประธานซูก่อนมาที่ข้ามั่นใจมากในการร่วมมือกับเจ้า ข้าคิดด้วยซ้ำว่าเจ้าจะต้องเห็นด้วยอย่างเชื่อฟังเพราะมีแต่ประโยชนไม่มีข้อเสียสำหรับเจ้าเลย แต่หลังจากเห็นเครื่องจักรเหล่านี้ข้าพบว่าตำแหน่งของเราเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ข้ายอมรับว่าตอนนี้่จ้าได้ริเริ่มอย่างสมบูรณ์แล้ว บอกตามตรงว่าข้าไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย”
ซูยี่หัวเราะ“ประธานฟาร์ซัคท่านก็ถ่อมตัวเกินไป เนื่องจากเราได้ตกลงที่จะร่วมมือกันแล้วจึงไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่งหรือความคิดริเริ่มอะไรทั้งนั้น ความร่วมมือคือทุกคนบรรลุเป้าหมายและได้ผลประโยชร่วมกันทั้งสองฝ่ายท่านไม่คิดอย่างนั้นหรือ”
“ได้ผลประโยจทั้งสองฝ่าย?”ใบหน้าที่เต็มไปด้วยไขมันของประธานฟาร์ซัคพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน "ความคิดนี้ฟังดูแปลกใหมแต่ก็สมเหตุสมผลจริงๆ ถูกต้องผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบของความร่วมมือคือทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ แต่ประธานซูเจ้าคิดว่าเราควรต้องร่วมมือแบบไหนเพื่อให้บรรลุผลนี้”
ซูยี่ยิ้มขณะที่เขาชี้ไปที่เครื่องจักร“ประธานฟาร์ซัค ท่านสนใจที่จะซื้อเครื่องเหล่านี้สักสองสามเครื่องกลับไปหรือไม่?”
ประธานฟาร์ซัคตกตะลึง“ประธานซู เจ้า… .. เจ้าหมายความว่า… ... เจ้าต้องการขายเครื่องเหล่านี้ให้ข้าจริงหรือ”
“ทำไมจะไม่ล่ะ” ซูยี่ยกมือขึ้น“ถ้าข้าไม่อยากขายเครื่องพวกนี้ให้ท่านทำไมข้าถึงต้องพาท่านมาที่นี่”
“แต่เครื่องจักรพวกนี้… ..” ประธานฟาร์ซัคคิดเรื่องนี้และเปลี่ยนหัวข้อ“เอาล่ะเนื่องจากประธานซูยินดีที่จะขายแน่นอนว่าข้าก็ยินดีที่จะซื้อ แต่ประธานซูความร่วมมือขอเราคงไม่ใช่แค่กับเครื่องจักเหล่านี้ใช่มั้ย?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เครื่องจักร แต่ยังรวมถึงกำลังคนด้วย ข้าเชื่อว่าท่านจะไม่มีทางหาคนงานที่สามารถใช้เครื่องจักรเหล่านี้ในเมืองซาลตั้นได้ ดังนั้นไม่เพียงแต่ข้าจะขายเครื่องจักรเหล่านี้ให้ท่านเท่านั้น แต่ข้ายังจะช่วยท่านฝึกคนงานและช่วยจัดตั้งโรงงานของท่านจนกว่าจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเหมือนที่โรงงานนี้ ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
ประธานฟาร์ซัคหรี่ตาและมองไปที่ซูยี่สักพักก่อนจะพูดว่า“ประธานซูเจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย?”
ซูยี่พูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ท่านคิดว่าข้ากำลังล้อเล่นหรือไม่ล่ะ”
ประธานฟาร์ซัคพยักหน้าและหลังจากคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งเขาก็ค่อยๆกล่าวว่า“ประธานซูข้าต้องบอกว่าข้อเสนอนี้น่าดึงดูดมาก ข้ายังสงสัยเลยว่าเจ้าอาจจะหลอกข้าในชั่วขณะหนึ่ง ด้วยข้อเสนอขนาดนี้ข้าคิดว่าคำขอของเจ้าคงไม่ต่ำแน่ๆ เจ้าลองบอกคำขอของเจ้ามาสิ”
“คำขอของข้า… ... ถือว่าไม่สูง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าต่ำเช่นกันทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่ประธานฟาร์ซัคคิด”ซูยี่ตอบ
“ อืม มีคำขออะไรประธานซูสามารถพูดมาได้เลย”
“คำขอของข้าคือ……”
… ...
หลังจากนั้นสองวันประธานฟาร์ซัคได้หารือกับซูยี่เสร็จแล้วและขึ้นรถม้าและกำลังจะออกจากเมืองบันต้า
เมื่อเห็นรถม้าหายไปบนขอบฟ้าที่ราบเรียบไฮนซ์ก็พูดพร้อมกับขมวดคิ้วว่า“ ซูยี่นี่มันดีจริงๆเหรอ? แม้ว่าเราจะได้ส่วนแบ่งสิบเหรียญทองจากพัดลมเวทมนตร์แต่ละตัวที่เขาสร้างขึ้น แต่เราจะไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในเมืองซาลตั้นได้อีกต่อไป ถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้จริงๆเราจะไม่สูญเสียครั้งใหญ่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าเรากำลังปล่อยเทคโนโลยีทั้งหมดที่เรามีอยู่ในปัจจุบันให้กับโรงงานอื่นให้สามารถสร้างพัดลมเวทมนตร์แบบเดียวกับของเรา? เมื่อถึงเวลาพื้นที่สำหรับการพัฒนาของเราจะได้รับผลกระทบอย่างมาก”
ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ และพูดพร้อมกับส่ายหัว“ไม่ไฮนซ์เจ้าควรมองต่อไปอีกสักหน่อยพัดลมเวทมนตร์ไม่ใช่สิ่งที่เลียนแบบได้ยากไม่นนพวกเขาก็จะทำได้แบบเรา เราจำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นและจำเป็นต้องคิดค้นหรือเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ของเราต่อไปนั่นคือรากฐานของการศึกษาอย่างต่อเนื่องของเรา ตราบใดที่เรารักษาความได้เปรียบในแง่ของเทคโนโลยีเราก็จะได้เปรียบเสมอ ข้าบอกเจ้าได้อย่างหนึ่งตอนนี้เจ้าต้องจำมันไว้”
ไฮนซ์มองไปที่ซูยี่ด้วยความสนใจ เขารู้ว่าทุกครั้งที่ซูยี่พูดด้วยน้ำเสียงนี้มันสำคัญมาก
“บริษัทชั้นสามจะสร้างสินค้าเช่นเดียวกับประธานฟาร์ซัคแม้ว่าเขาจะตั้งโรงงานแต่ในท้ายที่สุดเขาก็จะเป็นได้แค่บริษัทระดับสามซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะผลิตพัดลมเวทมนตร์เหมือนๆกันจึงทำให้ไม่มีอิทธิพลมากนัก”
“บริษัทชั้นสองจะสร้างแบรนด์ ข้าเคยอธิบายแนวคิดของแบรนด์ให้เจ้าฟังมาก่อนแล้ว แต่ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจทั้งหมด เจ้ากับข้าทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานานแต่เจ้าก็ยังไม่เข้าใจแนวคิดนี้มากนัก ทั่วทั้งทวีปไซน์คงไม่มีใครที่จะเข้าใจความหมายของแบรนด์ บางทีพวกเขาอาจจะรู้เรื่องนี้ แต่พวกเขายังไม่เข้าใจรายละเอียดของมัน แต่ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่หอการค้าเฟรสเท็คของเราประสบความสำเร็จแล้ว แบรนด์เฟรสเท็คเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือมากอย่างน้อยก็ในเมืองบันต้า ตราบใดที่เราไม่ทำอะไรที่จะสร้างความเสียหายให้กับตัวแบรนด์ แบรนด์นี้ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป”
“ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุดคือมาตรฐานบริษัทชั้นหนึ่ง นี่คือเป้าหมายที่เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เท่านั้นเป็นเป้าหมายที่ยากมากและเราต้องใช้เวลานานก่อนที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ แต่เมื่อเราทำได้สำเร็จอาจกล่าวได้ว่าหอการค้าเฟรสเท็คของเราสามารถยืนหยัดอยู่บนทวีปไซน์ได้โดยไม่ล่มสลาย ประธานฟาร์ซัคคิดว่าเขาซื้อเครื่องจักรเวทมนตร์เหล่านั้นในราคาถูกมาก แต่จากสิ่งที่ข้าเห็นเขาได้ตกอยู่ในมาตรฐานของข้าแล้ว แม้ว่าบริษัทปัจจุบันของประธานฟาร์ซัคจะแข็งแกร่งกว่า บริษัทของเรา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะต้องตามหลังเราในซักวัน”
ไฮนซ์มองไปที่ซูยี่อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมีความมั่นใจขนาดนี้
เมื่อพิจารณาจากขนาดแล้วหอการค้าฟาร์ซัคชั้นหนึ่งในเมืองซาลตั้นนั้นใหญ่กว่าหอการค้าเฟรสเท็คที่มีขนาดเล็กกว่าหลายเท่า ไม่ต้องพูดถึงการก้าวข้ามเลยสิ่งั้นเป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ
แม้ว่าไฮนซ์จะไม่เข้าใจสิ่งที่ซูยี่พูด แต่ไฮนซ์ก็ยังเข้าใจว่ามันทรงพลังมาก อย่างน้อยก็หมายความว่าปัจจุบันซูยี่มีเป้าหมายระยะยาวในใจของเขานั่นหมายความว่าเขาไม่ได้วางแผนขึ้นมาแบบชุ่ยๆ
เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของซูยี่หัวใจของไฮนซ์ก็เต้นรัว
“บางทีชายคนนี้อาจจะสามรถทำให้หอการค้าเฟรสเท็คขึ้นมาเป็นบริษัทที่ทรงพลังที่สุดในทวีปไซน์ก็ได้”