ตอนที่ 291-292
ตอนที่ 291 : ความละโมบ
ตำหนักจักรกลสวรรค์?
ได้ยินนามแปลกประหลาดต้องทำลั่วฉวนงุนงง
เพราะเขาคล้ายยังไม่รู้จักทวีปเทียนหลันดีพอ
ดังนั้นกองกำลังทั้งหลายยิ่งไม่มีทางทราบได้หมด
กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบเห็นกำลังของคนทั้งสอง ถึงกับสอนสั่งศิษย์เช่นนี้ขึ้นได้ อำนาจของตำหนักจักรกลสวรรค์ย่อมไม่ใช่อ่อนด้อย!
อีกทั้งลั่วฉวนยังมีความสงสัย
นามจักรกรสวรรค์ของตำหนักจักรกลสวรรค์ออกจะน่าสนใจ
เขาถึงกับลืมไปว่านามเช่นร้านต้นตำรับนั้นยิ่งใหญ่กว่าตำหนักจักรกลสวรรค์ไม่รู้กี่เท่า...
หลังคิดหลายเรื่องราว ลั่วฉวนจึงแนะนำตนเอง “นามข้าลั่วฉวน อยู่อาศัยที่นครจิ่วเหยาแห่งจักรวรรดิเทียนชิง อืม... เป็นเถ้าแก่ร้านแห่งหนึ่ง”
เพียงการแนะนำตัวของลั่วฉวนครึ่งส่วนแรกก็มากพอแล้ว
เฉินโม่และเฉินอี้อี้ตระหนักทราบได้ ว่าลั่วฉวนสมควรเป็นยอดฝีมือที่อาศัยในนครจิ่วเหยา
มียอดฝีมือสุดแข็งแกร่งซ่อนตัวในนครจิ่วเหยา เรื่องนี้ผู้คนทราบกันดี
ทว่าหลังได้ยินสองคำที่ตามหลัง คนทั้งสองจึงชะงักไป
เถ้าแก่?
บุคคลแข็งแกร่งเช่นนี้กลับเรียกหาตนเองเป็นเถ้าแก่?
สองคนสบสายตากันเองก่อนจะเผยความประหลาดผ่านทางสีหน้า
งานอดิเรกของผู้แข็งแกร่งแท้จริงแล้วยากคาดเดานัก
ลั่วฉวนพบเห็นสีหน้าคนทั้งสอง แม้ทราบเขาก็ไม่คิดอธิบายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
เขาคิดไปครู่ก่อนจะกล่าว “ไฉนจึงอยู่ที่นี่กันได้?”
เฉินอี้อี้กล่าวตอบ “อาจารย์บอกให้พวกเรามาไขว่คว้าหาโอกาสที่นี่!”
ลั่วฉวนประหลาดใจ
หรือนี่จะเป็นโชคชะตา?
ตำหนักจักรกลสวรรค์คล้ายไม่ใช่ธรรมดาแล้ว!
“แค่กแค่ก ยังมีเหตุผลอื่น” เฉินโม่กล่าวเสริม ขณะนี้ความสนใจหันมองไปทางวิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีที่กำลังคิดจากไปอย่างเงียบงัน
พบเห็นดวงตาคนทั้งสามมองมาที่นี่ ภายในใจวิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีต้องดิ่งฮวบ
พวกเจ้าพูดคุยกันไป ไฉนเปลี่ยนกลับมายังข้าอีก!
“เจ้านั่นดูดีไม่น้อย” ลั่วฉวนกล่าวเสริม
“แน่นอน!” เฉินอี้อี้พยักหน้ารับ “อาจารย์กล่าวว่าขนหางของมันสามารถเพิ่มพูนความสำเร็จการลอบเร้นติดตามได้!”
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ ดวงตามองที่ร่างอวบอิ่มของมัน
ขณะนี้เองที่เฉินโม่และเฉินอี้อี้เผยความร้อนใจ
คล้ายว่าอีกฝ่ายก็สนใจวิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีเช่นเดียวกัน
หากอีกฝ่ายต้องการ เช่นนั้นทั้งสองย่อมไม่มีโอกาสได้รับ
วิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสี ขนของมันสะท้อนเป็นแสงหลากสีสันภายใต้แสงจันทราสุกสว่างยามค่ำคืน
ดวงตาคู่นั้นประหนึ่งทับทิมเป็นประกาย
ความฉลาดของมันย่อมไม่ใช่เล็กน้อย
ที่ต้องตาที่สุดคือขนหางของมัน
มันเปรียบดังผลึกแก้วสีรุ้งที่ส่องประกายเจิดจ้าอย่างลึกลับพร้อมอัดแน่นด้วยพลังแห่งฟ้าดิน
ส่วนล้ำค่าที่สุดของมันก็คือขนหาง
เป้าหมายของเฉินโม่และเฉินอี้อี้ก็คือขนหางเช่นกัน
ทว่าทั้งสองไม่ทราบ ที่ลั่วฉวนคิดอยากได้คือร่างอวบอิ่มของมันต่างหาก...
ด้วยไม่สนคนทั้งสอง ลั่วฉวนคว้ามือกลางอากาศก่อนที่วิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีจะร่วงหล่นสู่ในกำมือ
ดวงตาทับทิมของมันเผยร่องรอยความสิ้นหวัง
หลังกัดฟันแน่น เฉินโม่จึงกล่าวออก “ผู้อาวุโส ขนหางของมันสำคัญกับพวกเรามากนัก พวกเรายินดีแลกเปลี่ยนหากท่านยินยอม!”
เฉินโม่ต้องใช้ความกล้าอย่างมหาศาลจึงกล่าวคำเหล่านี้ออกได้
เขาทราบดีว่าเรื่องนี้ไม่ควรกล่าวออกไป
ทว่าขนหางของวิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีนั้นดีขนาดที่ไม่อาจหาพบพานได้โดยง่าย
อีกทั้งผู้อาวุโสท่านนี้ยังไม่คล้ายใช่คนโหดเหี้ยม แม้ว่าสีหน้าจะเรียบเฉยไปบ้างก็ตามที...
เหล่านี้คือสิ่งที่เฉินโม่ประเมินตัวตนของลั่วฉวนอยู่ภายในใจของตนเอง
ตอนที่ 292 : รู้จักโคล่าหรือไม่
ลั่วฉวนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง
สายตาขณะนี้มองไปยังวิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีในมือ เขาไม่ทราบว่าเหตุใดคนทั้งสองต้องการเพียงขนหางของมัน
หรือขนหางจะเป็นของดี?
แต่มันกินได้หรือ?
“ขนหาง? ข้ามอบให้ก็แล้วกัน”
เฉินโม่และเฉินอี้อี้ชะงักไปครู่ก่อนจะเผยความยินดีปรากฏทางสีหน้า
คล้ายว่ายอดฝีมือตรงหน้าผู้นี้ไม่ต้องการขนหางของมัน นับเป็นโชคดีของคนทั้งสอง!
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” ทั้งสองกล่าวออกจากใจจริง
“ทราบหรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน?” ลั่วฉวนเงยหน้าขึ้นรับชมมายาบนฟากฟ้าไกลห่าง
ผ่านไปเพียงครู่ มายาบนฟากฟ้านั้นคล้ายก่อตัวเด่นชัดขึ้นอีกแล้ว...
“เป็นเขตภูเขาห้าธาตุแห่งเทือกเขาจิ่วเหยาขอรับ” เฉินโม่กล่าวตอบ
เขตภูเขาห้าธาตุ?
ชื่อค่อนข้างน่าสนใจ
“เหตุใดพวกเจ้าอยู่ที่นี่?” ลั่วฉวนกล่าวถาม
ขณะเฉินโม่คิดตอบ เฉินอี้อี้พลันกล่าวคำแทรกขึ้นมา
นางกล่าวออกด้วยความตื่นเต้นยินดี “อาจารย์บอกให้พวกเรามาแสวงโชคที่นี่!”
เฉินโม่พยักหน้ารับ “เป็นเช่นนั้น ข้าคิดว่าที่อาจารย์ให้มาที่นี่สมควรเป็นเพราะโบราณสถานที่เปิดออกแล้ว!”
กล่าวถึงตรงนี้ เฉินโม่จึงรับชมมายาบนฟากฟ้าไกลห่างด้วยดวงตาเป็นประกาย หมัดขณะนี้กำเอาไว้แน่น
โบราณสถานหมายความถึงโอกาสอันไร้สิ้นสุด!
ลั่วฉวนรู้สึกเฉยชาต่อเรื่องราว
โอกาสเลิศล้ำเพียงใดจะดีไปกว่าระบบของเขางั้นหรือ?
ลั่วฉวนเพียงพยักหน้ารับไม่พูดกล่าวคำใดต่อ
“คือว่า...”
ขณะนี้ที่เฉินอี้อี้กล่าวคำออกพร้อมใช้มือเกาะกุมหน้าอกด้วยสีหน้าซีดเผือด
“น้องหญิง! เป็นอะไรไปแล้ว?” เฉินโม่เผยความกังวล
เฉินอี้อี้กัดริมฝีปากกล่าวตอบอย่างดื้อรั้น “ข้าไม่เป็นไร”
“เป็นอะไรกัน?” ลั่วฉวนกล่าวถามด้วยความสับสน
เฉินโม่ถอนหายใจ “น้องหญิงได้รับบาดเจ็บครั้งหลบหนีการไล่ล่าของฝูงสัตว์อสูรเมื่อครู่”
สายตานั้นหันมองทางวิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีในมือลั่วฉวนพร้อมเผยประกายเย็นเยือก
“ไม่มีทางรักษาหรือ?” ลั่วฉวนกล่าวถาม
เฉินอี้อี้เผยยิ้มอย่างอับจน “ผู้อาวุโส แม้มียารักษา ทว่าคิดรักษาอาการบาดเจ็บนี้ก็ต้องใช้เวลา!”
ลั่วฉวนจึงเงียบไปครู่หนึ่ง
เฉินโม่และเฉินอี้อี้มองหน้ากันเอง ทั้งสองคล้ายไม่ทราบแล้วว่าขณะนี้ควรทำอย่างไรดี
ไฉนผู้อาวุโสตรงหน้าท่านนี้คล้ายไม่เข้าใจความหมายของการกระทำ?
“รู้จักโคล่าหรือไม่?” ลั่วฉวนกล่าวถามด้วยเสียงราบเรียบ
โคล่า?
คนทั้งสองมึนงง
ในความทรงจำคนทั้งสอง ชื่อเช่นนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
หรือจะเป็นยาวิเศษ?
“ขอบังอาจถามต่อผู้อาวุโส โคล่าคืออะไรขอรับ?” เฉินโม่ถามกลับ
ลั่วฉวนจึงยื่นมือออก
ในมือเป็นโคล่าขวดหนึ่ง
“นี่คือโคล่า”
เฉินอี้อี้เม้มริมฝีปาก “สีดำทมิฬดูน่าเกลียดนัก”
เฉินอี้อี้สมควรเคยประสบพบเจอยารักษามากมายมาแล้ว
ฉินหยุนหาได้ใส่ใจไม่ ขณะนี้ส่งโคล่าให้แก่เฉินอี้อี้พร้อมกล่าว “ดื่มเข้าไป มันจะช่วยรักษาอาการเจ้า”
แม้ไม่ทราบว่าเฉินอี้อี้บาดเจ็บอย่างไร แต่คล้ายไม่น่าจะอันตรายถึงชีวิต
สรรพคุณของโคล่าคือรักษาอาการบาดเจ็บไม่ถึงตาย และมันจะหายในเวลาเพียงอึดใจ
เฉินอี้อี้ลังเลทว่าก็รับขวดโคล่าไว้
ด้วยกำลังของยอดฝีมือตรงหน้า หากคิดวางยาก็ถือเป็นเรื่องเสียเวลาแล้ว! เฉินอี้อี้คิดเช่นนี้อยู่ภายใน
ทางด้านเฉินโม่ไม่กล่าวคำใด ทว่าจับจ้องที่โคล่าด้วยสายตาทว่าไม่ทราบคิดอันใดอยู่
และทางด้านวิหคเกล็ดแก้วเจ็ดสีที่ถูกลั่วฉวนจับตัวได้ ตลอดเวลามันแสร้งทำเป็นตกตาย...
ด้วยสูดลมหายใจเข้าลึก เฉินอี้อี้จึงบิดฝาขวดโคล่าเปิดมันออก