ตอนที่ 2 ชื่อ
ตอนที่ 2
ชื่อ
“นายหญิง....วันนี้นายน้อยแข็งแรงดีเจ้าค่ะ”หลังจากเวลาผ่านไปหลายวัน การดูแลเด็กทารกเริ่มง่ายขึ้นมากสำหรับเหล่าศิษย์ นอกจากอาหารจะอุดมสมบูรณ์แล้วยังมีศิษย์อาวุโสทั้ง 4 ของสำนักคอยดูแลอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างนั้นนายหญิงที่พาเด็กคนนี้มาก็ไม่ได้เข้าไปหาเด็กคนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่นางทำนั้นมีเพียงสั่งให้ศิษย์ของตนรายงานนางทุกวันว่าเด็กนั่นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
“ดี กลับไปทำงานของเจ้าได้แล้ว”หงหนิงพูดจบก็นั่งอยู่บนแท่นหินสำหรับฝึกฝนวิชาของนางต่อโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก เพียงแต่วันนี้ศิษย์หญิงที่เข้ามาพบกลับไม่เดินออกไปเช่นที่เคยทำ
“นายหญิง พวกเรากำลังกังวลกันว่าสมควรตั้งชื่อให้นายน้อย ไม่ทราบว่านายหญิงคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ”หญิงสาวคนนั้นถามพร้อมโค้งคำนับไปข้างหน้าอย่างนอบน้อม
“แล้วเรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรกับข้า พวกเจ้าอยากจะตั้งอะไรก็แล้วแต่พวกเจ้า”นายหญิงตอบด้วยท่าทีเย็นชา ท่าทีเช่นนี้ทำเอาหญิงสาวที่เอ่ยปากถามอดที่จะสั่นกลัวไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะนางเป็นคนรับผิดชอบเรื่องอาหารและแจ้งข่าวให้นายหญิงทราบนางคงไม่โดนพวกพี่หญิงใช้งานมาถามเรื่องของนายน้อยแบบนี้หรอก
“จะ เจ้าค่ะ....”หญิงสาวประสานมือคารวะอีกรอบก่อนจะขอตัวออกไปจากถ้ำ ตั้งแต่นายหญิงกลับมาพร้อมกับนายน้อย นางก็เก็บตัวในถ้ำตลอดเหมือนกำลังรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เวลาปีกว่า ๆที่นางหายตัวไปนี้ไม่มีใครทราบเลยว่านางไปที่ไหน และทำอะไร
.
.
“นายหญิงตอบเช่นนั้นหรือ”ตู้กู่ได้รับรายงานจากศิษย์น้องก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา แม้แต่ชื่อนายหญิงก็ไม่คิดจะตั้งให้ แล้วพวกนางจะทำอย่างไรดี เด็กน้อยคนนี้สักวันก็ต้องเติบใหญ่ และเมื่อถึงตอนนั้นหากไม่มีชื่อเรียกก็จะมีปัญหาได้
“นายหญิงบอกว่าพวกเราจะตั้งแบบไหนก็แล้วแต่ งั้นพวกเรามาตั้งกันเองดีหรือไม่”ฟ้านลี่เสนอออกมาเพราะนางเองก็ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน
“แล้วชื่อของบุรุษนี่..จะตั้งอย่างไรล่ะ”ศิษย์น้องคนหนึ่งถามด้วยท่าทีสงสัย พวกนางถูกพาเข้าวังซ่อนเมฆามาตั้งแต่เด็ก นาน ๆครั้งถึงจะได้ออกไปโลกภายนอก แม้จะเคยได้ยินชื่อบุรุษมาบ้างแต่ก็ไม่เคยเก็บมาจดจำ
“ก็ตั้งแค่ใช้เรียกกันเฉย ๆไม่ได้หรือไง อย่างเจ้าขาว เจ้าแดงอะไรแบบนี้”ศิษย์หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ภายในห้องตอบด้วยท่าทีเบื่อ ๆ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เต็มใจมาดูแลเด็กคนนี้
“ไม่ได้ บางทีเด็กคนนี้อาจจะเป็นบุตรของนายหญิงก็ได้ ห้ามตั้งส่งเดช”ฟ้านลี่ตอบพลางส่ายหน้าด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย แต่พูดออกไปได้ไม่เท่าไรนากก็สะดุ้งโหยงเอามืออุดปากตัวเองเอาไว้ทันที
“น้องฟ้าน ทำไมเจ้าถึงปากเบาเช่นนี้ เดี๋ยวก็โดนนายหญิงลงโทษหรอก”ตู้กู่ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ ที่มาของเด็กคนนี้ไม่มีใครทราบไม่มีใครรู้ทั้งนั้น แต่เหล่าศิษย์ทุกคนในสำนักต่างพากันซุบซิบกันว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นบุตรชายของนายหญิงก็เป็นได้ เพราะหากไม่ใช่เช่นนั้นนางจะพาเข้าวังมาทำไมกัน แถมยังสั่งให้พวกนางดูแลอย่างดีอีกต่างหาก
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา นายหญิงโดนเหล่าฉีจับตัวไปตั้งหนึ่งปี ไม่รู้ว่า.....”ฟ้านลี่ที่ไม่ยอมหยุดหลุดปากออกมาเสียทีรีบปิดปากตัวเองอีกรอบอย่างรวดเร็ว โชคดีจริง ๆที่นายหญิงไม่ได้อยู่ที่นี่ไม่อย่างนั้นนางคงโมโหจนลงโทษฟ้านลี่ไปแล้วแน่ ๆ แต่...ถึงฟ้านลี่จะไม่หลุดปากออกมาทุกคนต่างก็คิดแบบนั้นเหมือนกันหมด หงหนิง เป็นนายหญิงแห่งสำนักซ่อนเมฆา เป็นหนึ่งในหญิงงามอันดับต้น ๆของแผ่นดินรวมถึงยังเป็นคนที่แข็งแกร่งอันดับต้น ๆเช่นกัน เมื่อหนึ่งปีก่อนนางเดินทางไปชุมนุมร่วมกับสำนักอื่น ๆตามที่มีจดหมายเรียกตัวไป แต่ในงานนั้นกลับมีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วย เหล่าฉี คือชายที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน พลังเซียนที่มากมายมหาศาลและวิชาที่ใช้คร่าชีวิตยอดฝีมือมาแล้วมากมาย แต่ทว่าเหล่าฉีเป็นคนนิสัยโหดร้ายไม่ฟังกฎใด ๆ ในวันนั้นปีศาจร้ายในร่างมนุษย์ก็ทำลายงานชุมนุม แถมยังลักพาตัวนายหญิงหงหนิงติดตัวไปด้วยอีกต่างหาก นับแต่นั้นแม้จะพยายามออกตามหากลับไม่พบเลยว่านายหญิงโดนจับตัวไปที่ใด แม้แต่เหล่าฉีก็ไม่โผล่ออกมาอีก แม้จะพยายามคิดเข้าข้างหงหนิงเท่าไรเหล่าผู้คนในยุทธจักรต่างก็ไม่สามารถคิดไปทางอื่นได้เลย ยิ่งในวันที่นางกลับมา นางอุ้มเด็กน้อยมาคนหนึ่งและรับเลี้ยงเอาไว้ภายในสำนัก แต่ก็ดูเกลียดชังเด็กน้อยอย่างประหลาด ทำเอาศิษย์ในสำนักต่างก็คิดไปทางเดียวกันทั้งสิ้น
“นายหญิงสั่งให้เราเลี้ยงดูนายน้อยอย่างดี ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรเราก็ต้องตั้งชื่ออย่างเหมาะสมให้กับนายน้อยอยู่แล้ว”ตู้กู่ส่ายหน้าก่อนจะมองเด็กน้อยในอ้อมกอดที่ยามนี้หลับไปเสียแล้ว หลายวันที่ผ่านมานายน้อยมักจะนอนหลับในอ้อมแขนตู้กู่ ยามร่างเล็ก ๆพักพิงบนอ้อมแขนแม้ไม่ใช่มารดาโดยสายเลือดก็ย่อมเกิดความเอ็นดู เด็กน้อยผู้นี้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้จะตั้งชื่อส่ง ๆอย่างเจ้าขาวเจ้าแดงได้อย่างไร
“งั้นเอาชื่อแบบไหนดีล่ะ แข็งแกร่งสมเป็นชายดีหรือไม่”ฟ้านลี่ถามพลางเสนอออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น
“แต่ข้าไม่รู้ชื่อที่เหมาะกับผู้ชายนี่นา”เหมยอิงศิษย์คนที่เข้าไปถามเรื่องนี้กับนายหญิงตอบด้วยท่าทีกังวล นางแทบไม่เคยออกจากวังซ่อนเมฆาเลย ไม่รู้ว่าควรตั้งอย่างไร
“เจ้าล่ะกงจื่อ เอาชื่ออะไรดี”ตู้กู่ถามพลางมองไปทางหญิงสาวที่นั่งอยู่วงนอก นางเป็นคนเดียวที่มีท่าทีไม่อยากจะเข้ามายุ่งที่สุดเลยก็ว่าได้
“ข้าไม่มีความเห็นอะไร”กงจื่อตอบก่อนจะเมินหน้าหนีไปทางอื่น สำหรับนางแล้วสู้เอาเวลามาเลี้ยงดูเด็กไปฝึกฝนวิชาเสียดีกว่า ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอย่างเหล่าฉีเข้ามาอีกเมื่อไร
“โถ่...เจ้าไม่อยากลองตั้งดูเหรอ”ตู้กู่เห็นเช่นนั้นก็อมยิ้มออกมาก่อนจะอุ้มนายน้อยเดินเข้าไปหากงจื่อ เด็กน้อยยามร้องไห้งอแงย่อมสร้างความปั่นป่วน แต่ก็ไม่มีอะไรน่ารักเท่าเด็กน้อยยามหลับใหลอีกแล้ว กงจื่อแม้จะเป็นคนแข็งกร้าวแต่เห็นเด็กน้อยเช่นนี้จะไม่ใจอ่อนเชียวหรือ
“ข้า...ไม่สน”กงจื่อว่าพลางหันหลังให้ตู้กู่ไปทันที ทำให้ตู้กู่แสดงท่าทีเสียดายออกมา
“พี่หญิง แล้วเด็กคนนี้จะใช้แซ่อะไรล่ะ หงหรือเหล่า.....”ฟ้านลี่ถามคำถามออกมาไม่กี่คำก็หลุดพูดเรื่องไม่ควรพูดมาอีกแล้ว การเล่าความลับอะไรให้ฟ้านลี่ฟังเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องเหมาะเสียเท่าไรกระมังหากนางยังปากพล่อยเช่นนี้
“ก็ต้องเป็นหงอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”ตู้กู่ตอบพลางมองเด็กชายในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู นางไม่สนหรอกว่าบิดาของเด็กน้อยคือใคร แต่ผู้ที่อุ้มเด็กน้อยผู้นี้เข้ามาและรับเลี้ยงดูก็คือนายหญิง เช่นนั้นแซ่หงนับว่าสมควรแล้ว
“งั้นชื่อหงหนิงหนิง”เหมยอิงเสนอออกมาช้า ๆด้วยท่าทีลังเลไม่น้อย ช่วยไม่ได้นี่นานางคิดได้แค่นี้เท่านั้นเอง
“น้องเหมย เจ้าเอาชื่อนายหญิงมาเติมซ้ำเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ”ฟ้านลี่ว่าพลางหรี่ตามองเหมยอิงด้วยท่าทีตำหนิ
“ก็ข้าคิดไม่ออกนี่.....”เหมยอิงตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีรู้สึกผิด
“งั้นชื่อ หงไท่หยางดีหรือไม่”ฟ้านลี่เสนอออกมาบ้าง ไท่หยาง ที่แปลว่าดวงอาทิตย์นั้นเป็นชื่อที่ดูเป็นชายที่สุดที่ฟ้านลี่นึกออกแล้ว แต่ดูเหมือนตู้กู่จะไม่ค่อยชอบเท่าไร
“แล้ว....หงชิงหมิงล่ะ”อยู่ ๆก็มีเสียงดังมาจากทางกงจื่อที่กำลังหันหลังให้พวกนางเสียอย่างนั้น
“น้องกงจื่อ ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่สนใจหรอกหรือ”ตู้กู่ยิ้มด้วยท่าทีรู้ทันก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ขะ ข้าแค่ลองเสนอดูเล่น ๆเพราะว่างเท่านั้นเอง”กงจื่อตอบด้วยท่าทีลนลานแปลก ๆแม้จะไม่หันหน้ามาแต่ตู้กู่ก็มองออกว่านางกำลังทำท่าเขินอายอยู่เป็นแน่
“หงชิงหมิง ชื่อนี้ก็ไม่เลว”ตู้กู่ยิ้มหวานก่อนจะมองลงมายังร่างของนายน้อย นับแต่นี้ไปพวกนางจะเรียกนายน้อยว่า หงชิงหมิง สินะ
.
.
“.............”หลังจากจบการตั้งชื่อ ศิษย์อาวุโสทั้งสี่ของสำนักซ่อนเมฆาอย่าง ตู้กู่ ฟ้านลี่ เหมยอิง และ กงจื่อ ต่างเฝ้าดูแลไม่ห่าง แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนย่อมต้องมีภารกิจของตนเอง และคราวนี้ทุกคนต่างก็ต้องแยกย้ายไปทำงานเหลือเพียงกงจื่อเท่านั้นที่คอยเฝ้าดูแลนายน้อย
“.............”กงจื่อนั่งนิ่งมองนายน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่ในเปลที่ฟ้านลี่สร้างให้ นางไม่เคยอุ้มเด็กทารกมาก่อนเลยไม่กล้าอุ้มนายน้อยขึ้นมาเหมือนพี่ตู้กู่ แค่จะแตะต้องตัวนางยังไม่กล้าเลยเพราะผู้ฝึกฝนพลังเซียนมีพลังเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายเท่า หากออกแรงมากไปกลัวว่าจะทำเด็กทารกเช่นนี้บาดเจ็บได้
“นายน้อย...หงชิงหมิง......”กงจื่อมองเด็กชายที่นอนอยู่ในเปลก่อนจะลองเอานิ้วยื่นเข้าไปช้า ๆ นางไม่เคยสัมผัสทารกใกล้ชิดแบบนี้มาก่อนเลย แก้มนั่นเหมือนหมั่นโถวร้อน ๆที่พึ่งออกจากซึ้งนึ่งไม่มีผิด
แตะ.....
“..........”นิ้วของกงจื่อยังไม่ทันได้แตะโดนแก้มของเด็กชาย มือเล็ก ๆของหงชิงหมิงก็จับนิ้วของนางเอาไว้เสียก่อน นิ้วเล็ก ๆของทารกกุมนิ้วของกงจื่อเอาไว้แน่น สัมผัสอุ่น ๆจากร่างกายของนายน้อยและดวงตาสีดำที่กำลังจ้องมองมายังนางทำเอากงจื่อไม่ทราบจะทำเช่นไรดี นางควรดึงมือออกมาหรือไม่ หรือว่าจะปล่อยให้นายน้อยจับเอาไว้แบบนี้ดี...
“น้องกงจื่อ ข้ามาแล้ว”ระหว่างกำลังลังเลอยู่นั้น อยู่ ๆตู้กู่ที่ออกไปจัดการเรื่องฝึกฝนของพวกศิษย์ก็เข้ามาในห้องพอดี เล่นเอากงจื่อสะดุ้งโหยงรีบเก็บมือกลับอย่างรีบร้อน
“นายน้อย คิดถึงข้าหรือเปล่าเจ้าคะ”ตู้กู่ถามพลางอุ้มร่างของนายน้อยขึ้นมาอุ้มในอ้อมแขนต่อหน้าต่อตากงจื่อที่กำลังจ้องมองนางตาปริบ ๆ
“น้องกงจื่อมีอะไรงั้นเหรอ”พออุ้มนายน้อยเสร็จ ตู้กู่ก็มองมาทางกงจื่อด้วยท่าทีสงสัย เห็นนางจ้องมือตนเองไม่วางตาเลยนี่นางต้องการอะไรกันแน่
“ปะ เปล่า.....ไม่มีอะไรนี่”กงจื่อหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะลุกขึ้นยืนรีบเดินออกไปนอกห้องเสียอย่างนั้น ทำเอาตู้กู่ที่มองอยู่ได้แต่หัวเราะตามหลังมาด้วยท่าทีเอ็นดู